ตอนที่ 176 โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 176 คืนดี (3)
สายตาของลู่เยี่ยจิ่งยิ่งดุร้าย เขาบีบข้อมือของอี้เป่ยซีอย่างแรง “ฉะนั้นพี่ชายของฉันก็เลยจากไปง่ายๆ แบบนั้น ถูกเธอกำจัดไปโดยไม่เหลือร่องรอยแม้แต่นิดเดียว”
“ใครเป็นคนสอนเธอเรื่องเหตุผลที่งดงามพวกนี้เหรอ ลั่วจื่อหานงั้นเหรอ? ช่างเป็นกาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์จริงๆ”
“ฉันไม่รู้ว่าพระเจ้าจะให้พวกเธอลงนรกหรือเปล่า แต่ว่า อี้เป่ยซีเธอฟังให้ดี ถ้ามีฉันอยู่ สักวันหนึ่งฉันจะทำให้เธอรู้ว่าอะไรเรียกว่านรก”
“ลู่เยี่ยจิ่ง นายไม่มีสิทธิ์ นายปล่อยฉันนะ…นาย” ลู่เยี่ยจิ่งสะบัดมืออย่างแรง อี้เป่ยซีก็ล้มไปกองกับพื้น ความเจ็บปวดในช่องท้องส่วนล่างค่อยๆ ก่อตัวขึ้น เธอกุมท้องของตัวเอง สีหน้าซีดขาว
“เป่ยซี!” ลั่วจื่อหานพุ่งพรวดเข้ามาหาอี้เป่ยซีโดยไม่มองลู่เยี่ยจิ่งเลย อุ้มคนที่อยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วรุดไปที่รถของตัวเอง เลิกลั่กจนราวกับว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่มีตัวตน
ลู่เยี่ยจิ่งมองรอยเลือดบนพื้นด้วยความตกตะลึง ลมที่พัดมาจากหน้าต่างทำให้หนาวสั่น
อี้เป่ยซีท้อง เมื่อครู่เขาลงมือฆ่าลูกของเธอ
ไม่ เพราะว่าพวกเขาแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง จะโทษเขาไม่ได้ อี้เป่ยซีกับเขาไม่คู่ควรที่จะได้รับความสุขหรือมีลูกของตัวเองอยู่แล้ว
เหงื่อเม็ดโตไหลลงมาจากหน้าผากของอี้เป่ยซี เธอกัดแขนเสื้อของลั่วจื่อหานอย่างสิ้นหวัง เสียงโอดโอยยังคงดังออกมาจากปากที่ขาวซีดเนื่องจากความเจ็บปวด ลั่วจื่อหานได้ยินเสียงที่ขาดๆ หายๆ แล้วก็รู้สึกปวดใจ เมื่อเขานึกถึงเรื่องวันนี้ ลั่วจื่อหานก็ไม่สามารถปิดบังความมืดมนบนใบหน้าได้
เขาไม่สามารถปล่อยใครก็ตามที่ทำร้ายอี้เป่ยซี ไม่ว่าใครก็ปล่อยไปไม่ได้
ลั่วจื่อหานก้าวยาวๆ ไปถึงแผนกนรีเวช เมื่อคนในแผนกเห็นเลือดบนตัวของอี้เป่ยซี ก็รีบเตรียมการผ่าตัดทันที
“ญาติรอข้างนอกนะคะ” พยาบาลหยุดลั่วจื่อหานอย่างเขินอาย เขาเห็นอี้เป่ยซีถูกผลักเข้าไปแล้วจึงนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความอ่อนล้าเล็กน้อย
ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก เขาก็จะไม่ให้อี้เป่ยซีไปเจอผู้ใหญ่อะไรนั่น มันไม่ใช่เรื่องของพวกเขาตั้งแต่แรก แต่เป็นเขาเองที่อวดฉลาดจึงทำร้ายเธอ…
ลู่เยี่ยจิ่ง ลั่วจื่อหานอย่างเขาไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่
คุณแม่อี้ก็รีบมาถึง เธอขมวดคิ้วมองลั่วจื่อหาน “เกิดอะไรขึ้น”
“คุณน้า เพราะผมไม่ได้ปกป้องเป่ยซีให้ดี” เธอมองหน้าลั่วจื่อหานอีกครั้ง เขาดูแก่ลงไปหลายปีภายใต้แสงไฟสีขาวที่ส่องสว่าง ดวงตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเพราะเสียใจหรือว่าโมโห คำพูดที่คุณแม่อี้ต้องการพูดก็ถูกสะกัดกั้น เธอโบกมือแล้วนั่งลงข้างๆ เขา
“ไม่มีอะไรหรอก เป่ยซีจะต้องไม่เป็นไร ลูกของเขาก็จะต้องสบายดี”
ลั่วจื่อหานพยักหน้า สายตาจับจ้องอยู่ที่ป้ายไฟ จนกระทั่งไปดับลง ลั่วจื่อหานจึงก้าวยาวๆ ไปหาคุณหมอ
“เป็นไงบ้างครับ”
คุณหมอถอนหายใจ “เฮ้อ คุณแม่ไม่เป็นไรครับ แต่ว่าเด็ก นี่เป็นพ่อแม่ครั้งแรกสินะครับ คราวหน้ายังมีโอกาส เพียงแค่ร่างกายของคุณแม่ค่อนข้างอ่อนแอ ช่วงนี้ก็ดูแลมากหน่อยนะครับ”
ลั่วจื่อหานนั่งเฝ้าอยู่หน้าเตียงของอี้เป่ยซี ไม่นาน คุณพ่อของเขารวมทั้งคุณปู่ก็รีบมาถึงแล้ว
“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้” ลั่วหมิงชี่กวาดตามองลูกชายของตัวเองด้วยสายตาขึงขัง “แกดูสิว่าตอนนี้แกกลายเป็นอะไรไปแล้ว”
“พ่อครับ พวกเราออกไปคุยกันเถอะ เป่ยซีต้องการพักผ่อน” ลั่วหมิงชี่พยักหน้า เดินออกไปจากห้องคนไข้ คุณแม่ลั่วมองดูคนบนเตียงที่ผอมบางซีดเซียว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ
ยังเล็กอยู่เลย หลานชายตัวน้อย หลานสาวตัวน้อยของเธอ…
อี้เป่ยซีขมวดคิ้ว คุณแม่ลั่วรีบก้าวไปข้างหน้าช่วยห่มผ้าห่มให้เธอ เมื่อเห็นใบหน้าของเธอในระยะใกล้ เธอเป็นเด็กสาวที่สะอาดสะอ้านและสดใสมาก ดูตัวน้อยๆ ชวนให้คนชอบ เธออดไม่ได้ที่จะคิดว่า…สิ่งที่ลั่วจื่อเซี่ยพูดนั้นเป็นความจริงงั้นเหรอ?
“พอเถอะ แกจะทำหน้าบึ้งทำไม หลานของฉันก็เสียใจมากพออยู่แล้ว แกยังจะโทษเขาอีก?”
“พ่อ พ่อคิดว่าในใจเขาตอนนี้ยังเห็นผมเป็นพ่ออยู่อีกเหรอ?”
“ในใจหลานชายของฉันมีแค่หลานสะใภ้คนเดียวมันผิดเหรอ ในใจฉันยังไม่มีลูกชายอย่างแกเลย”
หางตาลั่วหมิงชี่กระตุก ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเองกลายเป็นคนแก่ที่ทำตัวเป็นเด็กแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร และมักจะตั้งใจพูดในสิ่งที่ไม่ตรงกับใจ
“พ่อครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“พ่อไม่มีความเห็นอะไรกับอี้เป่ยซี แต่ว่าเรื่องนี้ แกทำให้พ่อผิดหวังมาก”
“ผมรู้แล้วครับพ่อ”
“กลับไปเถอะ พอตื่นแล้วแกก็บอกพ่อ พ่อจะให้แม่แกต้มซุปไก่ให้เขากิน”
ลั่วจื่อหานพยักหน้าหงึกหงัก
“จื่อจี้บอกพ่อหมดแล้ว พวกแกก็โตกันแล้ว พ่อก็ดูแลไม่ไหวแล้ว อยากทำอะไรก็ตามใจเถอะ แต่ว่าลั่วจื่อหานแกฟังพ่อให้ดี ถ้าแกจะทำเรื่องอะไรที่ทำร้ายบ้านลั่วของพ่อ พ่อจะไม่ยกโทษให้แกแน่”
“ครับ”
คุณปู่พยักหน้า มองลูกชายของตัวเองด้วยความยินดีมาก “เอาล่ะ จื่อหานแกเข้าไปเถอะ ปู่มีเรื่องต้องคุยกับพ่อแก”
ลั่วจื่อหานเดินเข้าไป ทิ้งสองพ่อลูกสองคนไว้ที่ทางเดิน
“พ่อ”
“เจ้าเด็กบ้า ทำไมไม่บอกเร็วกว่านี้ ปล่อยให้หลานชายกับหลานสะใภ้ของฉันกังวลอยู่ตั้งหลายวัน”
ลั่วหมิงชี่ยักไหล่ คุณนึกว่าเขาจะใจอ่อนง่ายๆ แบบนี้เหรอ ถ้าลั่วจื่อหานไม่ได้มีผลลัพธ์ที่เพียงพอ เขาก็จะไม่เห็นด้วยอย่างง่ายดายเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น อี้เป่ยซีก็ยังมีส่วนเกี่ยวข้องมากมายกับตระกูลลู่
“พ่อรู้ว่าแกคิดแผนอะไรอยู่ วันนี้พ่อจะบอกแกไว้เลย พ่อจะรับแค่อี้เป่ยซีเป็นหลานสะใภ้แค่คนเดียวเท่านั้น แกอย่าเล่นอะไรตุกติกอีก”
“พ่อไม่ไว้ใจผมขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ไว้ใจแก แกเคยทำให้ฉันไว้ใจตอนไหนบ้าง ยังมีเมียของแกคนนั้น…ไม่พูดแล้ว”
อี้เป่ยซีถูกความเจ็บปลุกให้ตื่น เมื่อเธอลืมตาก็เห็นลั่วจื่อหานที่ยังคงเฝ้าอยู่ข้างเตียง ท้องฟ้านอกหน้าต่างมืดสนิทราวกับว่าสามารถหยดหมึกออกมาได้
“ตื่นแล้วเหรอ”
เธอกัดริมฝีปาก “นี่ฉัน…จื่อหาน…นายบอกฉันสิ ว่าใช่หรือเปล่า”
ลั่วจื่อหานกอดเธอแผ่วเบา “ไม่เป็นไร เป่ยซี พวกเรายังมีเวลาอีกนานมากๆ นานมากพอ อาจเป็นได้ว่าเขากับพวกเรามีวาสนาต่อกันไม่มากพอล่ะมั้ง บางทีไว้เธอโตกว่านี้ เมื่อเวลามันสุกงอมแล้ว เขาอาจจะกลับมาอีกก็ได้”
“ขอโทษนะ ลั่วจื่อหานขอโทษ…ฉันมันไม่ดีเอง ฉันไม่ควร…” อี้เป่ยซีสะอื้น หยดน้ำตานับไม่ถ้วนร่วงอยู่บนเสื้อของลั่วจื่อหานจนมันเปียกชื้น
เพราะว่าเธอไม่ดีเอง เพราะอะไรถึงยังนึกถึงลู่เยี่ยหวา อีกทั้งยังคิดว่าเขาจะปรากฏตัวอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เธอก็รู้ว่าเยี่ยหวาได้จากไปแล้ว
เพราะว่าเธอยั่วโมโหลู่เยี่ยจิ่ง เขาจึงลงมือกับเธอ…
พูดไปพูดมาก็เพราะว่าเธอไม่ปกป้องตัวเองให้ดี ไม่ปกป้องลูกของตัวเองให้ดี
“เป่ยซี มันไม่ใช่ความผิดของเธอ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย”
“ฮือๆ ลั่วจื่อหาน…”
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว…หิวหรือเปล่า แม่ฉันต้มซุปไก่มาให้เธอน่ะ ดื่มหน่อยไหม?”
อี้เป่ยซีกำเสื้อของลั่วจื่อหานแน่น ไม่รู้สึกอยากอาหาร แต่ว่าก็ไม่ต้องการให้เขาเป็นห่วง จึงพยักหน้าอย่างอ่อนแรง
เมื่อเห็นเงาของลั่วจื่อหานที่กำลังกระวีกระวาด น้ำตาของอี้เป่ยซีก็ร่วงลงมาอย่างไม่เชื่อฟังอีกครั้ง
ขอโทษนะ ที่ชอบสร้างความวุ่นวายให้นาย ทำให้นายเป็นห่วง
————