ตอนที่ 177 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 177 คืนดี (4)

             คุณแม่อี้รีบกลับไปที่โรงพยาบาลตั้งแต่เช้าตรู่ ลั่วจื่อหานออกไปรับโทรศัพท์พอดี เธอก็เห็นอี้เป่ยซีนั่งอยู่บนเตียง แววตามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย สีดำสดใสดูเหมือนกำลังจะจางหายไปจากดวงตาของเธอ

            “เป่ยซี” เธอข่มน้ำเสียงไว้ ระคายเคืองตาเล็กน้อย อี้เป่ยซีหันมา มองคุณแม่อี้อย่างเหม่อลอย

            “แม่คะ หนูไม่เป็นไร แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”

            “แม่รู้” เธอวางของในมือลงบนโต๊ะ หันด้านข้างแล้วแอบเหล่สายตา “หิวหรือเปล่า แม่ทำโจ๊กซี่โครงหมูของโปรดเธอมาให้”

            “อืม ได้ค่ะ” อี้เป่ยซีต้องการจะเอื้อมมือ คุณแม่ตีๆ หลังมือที่บอบบางของเธอ

            “พอได้แล้ว แม่ดูแลเธอไม่ดีหรือไง นั่งให้ดีเดี๋ยวแม่จะป้อนเรา”

            อี้เป่ยซีพยักหน้า ดื่มโจ๊กกลิ่นหอมฉุยทีละคำๆ ลั่วจื่อหานผลักประตูเข้ามาก็เห็นอี้เป่ยซีที่มีท่าทางห่อเหี่ยวไร้ชีวิตชีวาใดๆ ย่างก้าวที่จะเดินไปข้างหน้าก็หยุดชะงักแล้ว…

            สิบวันผ่านไป อี้เป่ยซีก็ออกจากโรงพยาบาลท่ามกลางการถูกรุมล้อม คุณแม่อี้ดึงมือของอี้เป่ยซี ต้องการจะพาเธอกลับไป เธอหันไปมองลั่วจื่อหาน เสื้อกันลมสีดำถูกลมพัดปลิว อี้เป่ยซีรู้สึกเปล่าเปลี่ยวเล็กน้อยและรู้สึกอยากพุ่งเข้าไปกอดเขาอย่างแปลกประหลาด

            ทุกคนต่างถามเธอว่าทุกข์ใจหรือเปล่า เสียใจหรือเปล่า มีเรื่องอะไรหรือเปล่า แต่เธอรู้ดีว่าลั่วจื่อหานก็เศร้าใจไปไม่น้อยกว่าเธอเลย

            เธอปล่อยมือของแม่ วิ่งเหยาะเข้าไปในอ้อมแขนของลั่วจื่อหาน เสียงเหนือศีรษะแหบแห้ง “เพิ่งจะหายดีอย่าวิ่งซนสิ”

            เขาดึงเสื้อกันลม เพื่อห่อหุ้มร่างน้อยๆ

            “ลั่วจื่อหาน”

            “หืม?”

            “ถ้านายโมโหล่ะก็จะมาลงที่ฉันก็ไม่เป็นไร แต่อย่าทำอะไรเขาได้ไหม ที่จริงเขาก็ไม่รู้…คิดดูอีกที ที่จริงมันก็เป็นความผิดของฉัน นายอย่าทำให้ตัวเองลำบากได้หรือเปล่า และอย่าไปทำอะไรที่มันไร้ความหมาย”

            อี้เป่ยซีหยุดไปครู่หนึ่ง “ฉันแค่อยากอยู่กับนายอย่างมีความสุข ไม่อยากเห็นนายเหนื่อยเกินไป…”

            ลั่วจื่อหานไม่ได้พูดอะไร ดวงตาที่ล้ำลึกยังคงมีอารมณ์อันแปลกประหลาดวูบผ่าน

            “จื่อหาน…”

            “ได้” ลั่วจื่อหานวางคางไว้บนหัวของเธอ “เธออย่าคิดเหลวไหลเลย ช่วงนี้พักผ่อนให้มากๆ”

            อี้เป่ยซีพยักหน้าอย่างแรง สูดกลิ่นบนตัวเขาลึกๆ มันทำให้จิตใจสงบเป็นอย่างมาก จู่ๆ เธอขมวดคิ้ว “นายสูบบุหรี่เหรอ?”

            “ได้กลิ่นด้วยเหรอ?”

            “ไม่เป็นไร ฉันไม่รังเกียจ กลิ่นบนตัวนายหอมทั้งนั้นแหละ”

            ลั่วจื่อหานหัวเราะ จูงมือของอี้เป่ยซี คุณแม่อี้มองพวกเขาทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม เดินเข้าประตูไปคนเดียวก็เห็นสามีของเธอรออยู่ที่หน้าประตู

            ดูเหมือนว่าทุกอย่างในตอนนี้เรียบร้อยดี

            สงบนิ่งและราบรื่น ยื่นมือออกมาก็สัมผัสได้ถึงจิ่นหยวนที่อบอุ่นอ่อนโยน

            ราวกับว่ามันแผ่ซ่านออกมาจากอีกฝ่าย

            ทำให้มีความสุขจนอดไม่ได้ที่จะยิ้ม

            อี้เป่ยซีกลับบ้านมาวันที่สอง ก็มีคนมาเยี่ยมเธอ เธอซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย และไม่สนใจว่าจะมีมารยาทหรือไม่ พร้อมหรี่ตามองดูทั้งสองคนที่เดินเข้ามา

            แหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของทั้งสองคนนั้นทำให้รู้สึกอึดอัดแปลกๆ เซี่ยเช่อราวกับรับรู้ได้ถึงความไม่สบอารมณ์ของอี้เป่ยซี ยังคงสำรวจมันต่อหน้าเธอด้วยความโอ้อวดเล็กน้อย และกวาดตามองสองมือที่ว่างเปล่าของเธอ

            “ยังโอเคนะ” หลานฉือเซวียนไม่ใส่ใจเรื่องไร้สาระเล็กๆ ระหว่างทั้งสองคน ถามแสดงความเสียใจอย่างจริงจัง

            “ยังโอเค ยังโอเค ก่อนที่พวกนายจะมาน่ะ”

            “เรามาเยี่ยมเธอด้วยความหวังดี เธอไม่ซาบซึ้งเหรอไง?”

            อี้เป่ยซีดึงผ้าห่มขึ้นมาพันรอบตัวเอง “เยี่ยมเสร็จแล้วยัง? พวกนายสองคนกลับไปได้แล้ว”

            “เธออย่าเหวี่ยงสิ ใครจะรู้ว่าประธานใหญ่ลั่วของพวกเราถึงละเลยความรู้สึกของเธอแบบนี้ ฉันนึกว่าเขาให้แหวนเธอตั้งนานแล้ว ขอโทษจริงๆ นะที่ไปกระตุ้นเธอเข้า”

            “ใครจะเกลียดการแต่งงานเหมือนนายล่ะ นายพูดจาเหลวไหลให้มันน้อยหน่อย”

            คิ้วที่สวยงามของเซี่ยเช่อเลิกขึ้นเล็กน้อย “ฉันบอกเธอแล้วยังว่าฉันแต่งงานแล้ว?”

            อี้เป่ยซีลุกขึ้นพรวด มองหลานฉือเซวียนด้วยสีหน้าประหลาดใจ ตื่นเต้นจนพูดไม่ออกเล็กน้อย เธอยื่นมือออกมา จากนั้นก็พยายามดึงกลับไป ในแววตาเปี่ยมไปด้วยความผิดหวัง

            “หลานฉือเซวียน นายทำให้ฉันผิดหวังเกินไปแล้ว”

            ปลายนิ้วของหลานฉือเซวียนสัมผัสแหวนบนมือโดยไม่รู้ตัว ลูบคลำเบาๆ อยู่สักพักหนึ่ง “ไม่ค่อยเข้ากับหนังรักที่เธอคิดเท่าไร”

            “อะไรเรียกว่าไม่ค่อย มันต่างกันหมื่นแปดพันลี้เลยโอเคไหม ฉันนึกว่าคนเลวอย่างเซี่ยเช่อจะถูกสวรรค์เก็บไป คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขาที่ได้นายไป…”

            “ลั่วจื่อหานรู้ไหมว่าวันๆ เธอคิดแค่เรื่องพวกนี้?”

            “ฉันผิดไปแล้ว” อี้เป่ยซีเอนกายลงอย่างอ่อนแออีกครั้งทันที แม้ว่าปากจะพูดแบบนี้แต่ว่าในใจก็ยังยินกับทั้งสองคนด้วยความจริงใจ

            ในที่สุดเซี่ยเช่อก็ได้ค้นพบกับความสงบ ส่วนหลานฉือเซวียนก็สามารถเดินออกมาจากเงามืดของคนคนนั้นได้แล้วสินะ

            ดูเหมือนว่าทุกอย่างได้กำเนิดใหม่ หากไม่ใช่เพราะอุณหภูมิที่ทำให้เธอสั่น อี้เป่ยซียังนึกสงสัยเลยว่าตอนนี้มันคือฤดูใบไม้ผลิหรือเปล่า

        ทุกอย่างล้วนสวยงามและมีชีวิตชีวาจนน่าตกใจ

————