อาทิตย์อัสดงดั่งแสงสีทองเหลืองอล่าม สะพานสายรุ้งราวกับผ้าม่านหลากสี
เยี่ยโยวเหยาค่อยๆ จุมพิตริมฝีปากของซูจิ่นซีด้วยความเสน่หา
จุมพิตนั้นทำให้ใบหน้าและผิวแก้มของพวกเขาแดงก่ำ ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาก็อุ้มซูจิ่นซีขึ้นและเหาะไปยังห้องโถงใหญ่ภายในเรือน
นับเป็นบทรักอันงดงามอีกคืนหนึ่ง
ไม่กี่วันต่อมา ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยายังรั้งอยู่ที่สวนตี้เหมย แม้ที่แห่งนี้จะแยกตัวออกจากโลกภายนอก ทว่าเยี่ยโยวเหยาจัดการเอกสารราชสำนักเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งองครักษ์เงายังนำเอกสารที่รายงานเรื่องสำคัญของแต่ละแคว้นมาส่งให้เยี่ยโยวเหยาทุกวัน
ที่แคว้นหนานหลี คณะทูตของแต่ละแคว้นได้เดินทางกลับแล้ว เป่ยถางเย่ก็เพิ่งเดินทางกลับแคว้นเมื่อวาน
สถานการณ์ในแคว้นจงหนิงเป็นปกติดีทุกอย่าง ไม่มีเรื่องใหญ่อันใดเกิดขึ้น
หลังจากเยี่ยโยวเหยาอ่านเอกสารเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว เขายังส่งให้ซูจิ่นซีอ่านอีกครั้ง ซูจิ่นซีเปิดอ่านทีละฉบับ ก่อนจะนำจดหมายฉบับหนึ่งมาอ่านถึงสองครา
“หืม? เหตุใดตงหลิงหวงจึงรีบกลับแคว้นถึงเพียงนั้น? ทั้งฉีอ๋องยังไล่ตามไปที่ชายแดนของทั้งสองแคว้น เกิดเรื่องอันใดกับพวกเขากัน? ”
เยี่ยโยวเหยาที่กำลังใช้พู่กันลงชื่ออนุมัติในเอกสารฉบับหนึ่งพลันหยุดชะงัก จากนั้นจึงยื่นเอกสารอีกฉบับหนึ่งให้ซูจิ่นซี
จดหมายนี้ เขาได้รับก่อนจดหมายที่อยู่ในมือของซูจิ่นซี ซึ่งเป็นจดหมายที่บันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจวนฉีอ๋องคืนนั้น
เมื่ออ่านจดหมายจบ ซูจิ่นซีมีท่าทีตกใจ ทว่านางไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ทำเพียงวางจดหมายไว้ที่เดิมอย่างเงียบงัน
ซูจิ่นซีกำลังจะเดินออกไป ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาก็คว้ามือของนาง และดึงนางเข้าสู่อ้อมแขนของตน
ซูจิ่นซีตกใจ นางใช้มือยันหน้าอกของเยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย พลางใช้มือใหญ่จับสองมือน้อยๆ ของซูจิ่นซีไว้
ซูจิ่นซีตกประหม่า ไม่รู้เพราะเหตุใด ทันใดนั้น นางก็พูดออกมาหนึ่งประโยค “เยี่ยโยวเหยา ท่านว่า ตงหลิงหวงคงไม่ได้ตั้งครรภ์กระมัง? ”
เนื้อเรื่องในนิยายและละครน้ำเน่าก็เขียนกันมาเช่นนี้
ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาไม่ได้แสดงความรู้สึกอันใด เรื่องเช่นนี้ เขาไม่เคยสนใจ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นเรื่องของสตรีอื่น อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ เขายังไม่รู้เลยว่าตงหลิงหวงมีหน้าตาอย่างไร
ซูจิ่นซีรู้สึกว่าตนเองพูดจาเหลวไหล ทว่าคิดหาวิธีปิดบังเรื่องไร้สาระไม่ได้ จึงหันหน้าหนี
เมื่อเห็นท่าทางของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาจึงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขายื่นมือออกไปประคองใบหน้าของซูจิ่นซี ทั้งสองสบตากัน ขณะที่ซูจิ่นซีเริ่มรู้สึกกังวล เยี่ยโยวเหยาก็โน้มตัวลงมาจุมพิตซูจิ่นซีอย่างแผ่วเบาด้วยความรู้สึกลึกซึ้งและอ่อนโยน
ซูจิ่นซีไม่ได้ปฏิเสธ นางค่อยๆ โอบกอดลำคอของเยี่ยโยวเหยาและจุมพิตกลับอย่างอ่อนโยน ทั้งสองจุมพิตกันจนแทบหายใจไม่ทัน ใบหน้าเห่อร้อนแดงระเรื่อ จากนั้น เยี่ยโยวเหยาจึงปล่อยตัวซูจิ่นซี เขาแนบหน้าผากกับซูจิ่นซี และสัมผัสแก้มของนาง ก่อนจะพูดว่า “ซูจิ่นซี วันนี้เมื่อปีที่แล้ว ข้ารับตัวเจ้าเข้าเรือนหอ วันนี้ ข้าสามารถทำสิ่งที่เจ้าร้องขอได้หนึ่งข้อ เจ้าต้องการสิ่งใด? ”
ซูจิ่นซีตกตะลึงเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าวันนี้คือวันครบรอบวันอภิเษกสมรสของพวกเขา!
วิธีการนับวันเวลาในสมัยโบราณนั้นยุ่งยากเกินไป ไม่ได้สะดวกเหมือนปัจจุบัน หลังจากข้ามมิติเวลามา ซูจิ่นซีจึงไม่ใส่ใจการนับวันเวลา ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะเป็นวันพิเศษ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจคือ เยี่ยโยวเหยาจำได้ ทั้งยังจดจำได้อย่างชัดเจนถึงเพียงนี้
ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปากแน่น นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ถามว่า “ท่านอ๋อง สิ่งใดก็ได้หรือ? ”
“อืม ไม่ว่าสิ่งใดก็ย่อมได้! ”
ซูจิ่นซียกมือข้างหนึ่งเท้าคางใช้ความคิด
คำถามนี้ต้องค่อยๆ คิดให้ดี
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาจึงโน้มตัวลงไปจุมพิตนางอย่างควบคุมไม่ได้
ร่างของซูจิ่นซีเอนไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“ท่านอ๋อง ท่านทำสิ่งใด จิ่นซีกำลังใช้ความคิดอยู่! ”
เยี่ยโยวเหยาคว้าเอวของซูจิ่นซีและดึงตัวนางกลับมา ก่อนจะใช้ริมฝีปากเคล้าคลึงริมฝีปากของนาง
“อืม เจ้าค่อยๆ คิด ข้าไม่รบกวนเจ้า เมื่อคิดได้แล้วก็บอกข้า”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น นี่ยังไม่เรียกว่ารบกวนอีกหรือ?
เยี่ยโยวเหยาพูดว่าไม่รบกวน ทว่าเขายังคงจุมพิตซูจิ่นซีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ซูจิ่นซีไม่มีโอกาสได้คิดถึงเรื่องนี้ ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีถูกเยี่ยโยวเหยาจุมพิตอย่างเร่าร้อน ลมหายใจร้อนผ่าวหอบแรงขึ้น จนนางอดจุมพิตตอบอย่างลึกซึ้งไม่ได้
เยี่ยโยวเหยาค่อยๆ ถอดเข็มขัดของซูจิ่นซีออก และอุ้มซูจิ่นซีเดินไปที่เตียงนอน…
เป็นอีกครั้งที่ซูจิ่นซีรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจนไร้เรี่ยวแรง นางทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียงนุ่ม เนื่องจากลุกขึ้นไม่ไหว เยี่ยโยวเหยาจึงยอมหยุด เขาอุ้มซูจิ่นซีไปที่อ่างอาบน้ำและอาบน้ำพร้อมกับนาง เขาทำความสะอาดร่างกายของนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะอุ้มนางกลับไปที่เตียง
มีสามีที่คอยดูแลเอาใจใส่เช่นนี้ ซูจิ่นซีไม่อยากขยับตัวแม้แต่น้อย นางปล่อยให้เยี่ยโยวเหยามีความสุขได้ตามใจ เมื่อออกมาจากอ่างอาบน้ำ ซูจิ่นซีก็ผล็อยหลับไป
เมื่อซูจิ่นซีตื่นนอนก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
เหลือนางเพียงผู้เดียวในห้อง เตียงนอนที่อยู่ด้านข้างเย็นเฉียบ เห็นได้ชัดว่าเยี่ยโยวเหยาลุกไปนานแล้ว
แสงสีแดงอำพันของอาทิตย์ยามอัสดงส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้ห้องสว่างไปกว่าครึ่ง แสงนั้นเรียงลำดับความสว่างจากอ่อนไปจนถึงเข้ม มันส่องกระทบวัตถุและสะท้อนกลับมา เกิดเป็นภาพอันงดงาม
เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงสีแดงอำพันและแสงสีเหลืองทองบนก้อนเมฆ ทำให้ดูราวกับก้อนเมฆกำลังลุกไหม้
ซูจิ่นซีลงจากเตียงด้วยเท้าเปล่า นางหาเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งมาสวมใส่ และเดินออกไปนอกประตู
ทันทีที่ผลักประตูออกไป ซูจิ่นซีก็ต้องตกตะลึง ไม่คิดว่าเยี่ยโยวเหยาจะนั่งอยู่ในลาน
เหตุการณ์นี้เหมือนกับตอนที่นางเดินออกมาจากเรือนอวิ๋นไค เมื่อผลักประตูออกมา นางจะเห็นเยี่ยโยวเหยาในชุดสีขาวหรือสีดำ
เยี่ยโยวเหยากำลังจิบชา เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวทางด้านหลัง จึงหันกลับมาอย่างเชื่องช้า สายตาของเขามองไปที่ขาของซูจิ่นซี ทันใดนั้น ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึม
ซูจิ่นซีพลันตอบสนอง นางรีบเดินกลับไปสวมรองเท้าและสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
เมื่อซูจิ่นซีเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่อีกครั้ง ชุดน้ำชาที่อยู่ตรงหน้าของเยี่ยโยวเหยาก็ถูกนำออกไปแล้ว เหมยจื่อและล่าเยวี่ยนำบ่าวรับใช้หลายคนมาตั้งสำรับอาหาร
ซูจิ่นซีเดินมาดู พบว่าล้วนเป็นอาหารที่นางชื่นชอบ บางอย่างนางเคยทานมาแล้ว ทว่ามีบางอย่างที่นางไม่เคยทาน
ซูจิ่นซีมองมื้ออาหารอันหรูหราด้วยความตื่นตาตื่นใจเล็กน้อย
ทันใดนั้น นางก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงมองไปที่เยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เขาสบตากับซูจิ่นซีเข้าพอดี
ซูจิ่นซีชี้นิ้วไปบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร “ท่านอ๋อง ท่านคงไม่ได้ลงมือทำอาหารเหล่านี้เองกระมัง? ”
ในนิยายและละครล้วนเป็นเช่นนี้
พระเอกมักอยู่ที่ห้องโถงและทำอาหารที่ห้องครัว เขามีอำนาจยิ่งใหญ่ในการปกครองแผ่นดิน ทว่ายังสามารถกวัดแกว่งมีดทำอาหารได้ ท่าทีเคร่งขรึม อ่อนโยน และรักภรรยาเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นแบบฉบับสามีที่สมบูรณ์
ซูจิ่นซีรู้สึกว่าเยี่ยโยวเหยาทำสิ่งต่างๆ ได้ ดังนั้น เขาต้องทำอาหารเหล่านี้เป็น
ท่านอ๋องผู้เคร่งขรึม ดื้อรั้น และเย่อหยิ่งมาโดยตลอด หากในวันครบรอบแต่งงาน เขาได้จัดเตรียมโต๊ะอาหารอันแสนหรูหราด้วยความอ่อนโยน นี่มันช่างเป็นความมหัศจรรย์ ความสุข และสมบูรณ์แบบ
เยี่ยโยวเหยาจะต้องเป็นสามีแห่งชาติ เป็นบุรุษที่ดีที่สุด
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ซูจิ่นซีเริ่มรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย