ตอนที่ 1064 - ความจริงแห่งยุคสมัย

The Divine Nine Dragon Cauldron

“พวกเจ้าควรจะรู้ได้แล้วว่าเรื่องสวนที่หกถูกปล่อยข่าวจากตระกูลบูรพา!มิเช่นนั้นพวกเจ้าจะเชื่อรึ?”
  ซือหยูลูบคางและก้าวออกมาเงียบๆ
  แต่เขาก็ก้าวได้เพียงไม่กี่ก้าวก่อนจะชักสีหน้าไม่มีใครรู้เลยว่ามีกำแพงพลังอสูรที่มองไม่เห็นปิดกั้นระยะพันศอกอยู่
  ฮั่นเฟยกับคนอื่นๆ สัมผัสบรรยากาศแปลก ๆ ได้เช่นกัน ซือหยูมองพวกเขาและพยายามจะทำลายกำแพงพลังอสูร แต่มันก็ไร้ผล
  “อย่าเสียแรงเลย!นี่คือม่านพลังสวนที่หก กรงขังสุดท้ายที่จองจำเซียนมณียังไงล่ะ! นางยังหนีออกไปไม่ได้ พวกเจ้าก็หนีไม่ได้!”
  ตงฟางเถียนเฟิงเปิดเผยความจริงอันน่าตกใจ
  ซือหยูตาเป็นประกายโดยที่ทุกคนไม่ทันสังเกต
  แน่นอนแล้วนี่คือธาตุแท้ของแดนมณี
  “เจ้าพูดถึงกรงอะไรกัน?หมายความว่ายังไงที่เซียนมณีถูกจองจำ?”
  ฮั่นเฟยยังคงมีใบหน้าเย็นชาแต่นางก็ซ่อนความตกใจในแววตาไม่ได้
  ตงฟางเถียนเฟิงยิ้มเยาะ
  “ถึงมันจะทำให้ข้าช้าแต่มันก็น่าสนุกที่จะสั่งสอนให้พวกโง่อย่างพวกเจ้ารู้ความลับของโลกใบนี้ แดนมณีไม่ใช่ที่บ่มเพาะพลังแต่เป็นกรงขัง! สวนที่หกคือห้องคุมขัง! คนที่ถูกจองจำคือเทพเจ้าผู้ปกป้องจิวโจว เซียนมณี! จ้าวสวนทั้งห้าคือกุญแจไขประตูคุก!”
  เรื่องราวอันน่าตกตะลึงพลิกผันสิ่งที่พวกเขารู้
  “เซียนมณีตายอย่างสงบทิ้งสมบัติให้กับคนหมู่มาก เป็นไปได้ยังไงที่นางจะถูกจองจำ?”
  กู้ไทซูถอนหายใจแรง  ตงฟางเถียนเฟิงแสยะยิ้มส่ายหน้า
  “เจ้ามันด้อยปัญญาถ้าเทียบกับซือหยูเซี่ยนใช่ไหม พี่ซือ? เจ้าคงจะคิดบางอย่างออกแล้วใช่ไหม?”
  ทุกคนหันไปมองซือหยูด้วยความสงสัยเขาได้แต่ถอนหายใจและส่ายหน้า
  “ข้าก็มีเพียงแค่การคาดเดา”
  “เซียนมณีปกป้องทวีปมาหลายปีถ้าหากจะมีผู้สืบทอด นางคงจะเลือกสักหนึ่งคนก่อนตายอย่างสงบ ทำไมนางจะต้องลำบากสร้างแดนมณีก่อนตายและทิ้งคำชี้แนะของนางไว้ทีละนิดกับลูกหลานด้วยเลบ่า? วิธีนี้เสี่ยงเกินไป นางจะแน่ใจได้อย่างไรว่าศัตรูจะเข้าแดนมณีหลังจากนางตายไม่ได้? นางเลือกผู้มีพรสวรรค์ในยุคถัดไปเป็นผู้สืบทอดเสียยังดีกว่า วิธีนี้มีเหตุผลกว่ามาก”
  “ดังนั้นข้าจึงสงสัยเรื่องแดนมณีที่ถูกยกให้เป็นขุมทรัพย์หลังจากที่ข้ามาถึงแล้ว ข้าก็ได้ข้อสรุป! สวนทั้งห้า มันคือผนึกที่กักขังบางอย่างเอาไว้มากกว่า”   มีเพียงคนที่แข็งแกร่งมากเท่านั้นที่จะต้องใช้ผนึกระดับนี้ในการกักขังมันจะต้องเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากมายตั้งแต่อดีต เป็นอันดับหนึ่งของโลก อย่าง…เซียนมณี!
  “แน่นอนว่านี่เป็นแค่การเดาข้าไม่มีหลักฐาน”
  แปะ!แปะ! แปะ!
  ตงฟางเถียนเฟิงปรบมือแสดงความประทับใจ
  “ด้วยคำใบ้อันน้อยนิดเจ้ากลับเข้าใจเรื่องราวเกือบทั้งหมดได้ น่าประทับใจจริง ๆ ! ตระกูลตงฟางของเรามองธาตุแท้ของแดนมณีออกด้วยสารจิวโจว ข้อมูลจากหลายยุคสมัย และความพยายามหลายชั่วอายุคน!”
  “ถูกต้องนี่คือกรงขัง! เพื่อที่จะจองจำเซียนมณี!”
  เมื่อถูกเปิดเผยเรื่องอันน่าตกใจทุกคนพากันงุนงง
  “ไม่ต้องตกใจไปที่จริงแล้วราชาเก้าเขตจ้าวผาบั่นภูติ และอีกหลายคนก็รู้ความจริง พวกนั้นก็แค่ไม่กล้าเผยความจริงต่อสาธารณะ”
  “เจ้ายังไม่ได้ตอบข้าเลยเซียนมณีตายอย่างสงบหรือ? ทำไมนางถึงถูกจองจำ? ใครกันที่จองจำนาง? นางคือเซียนคนแรกบนโลก ใครกันที่มีพลังสยบนางได้?”
  กู้ไทซูถาม
  ตงฟางเถียนเฟิงหัวเราะ
  “ใครบอกเจ้าว่านางตายอย่างสงบ?มีตำราเล่มไหนที่บอกชี้ชัดถึงที่มาของเรื่องนี้? ไม่เลย ทุกอย่างเป็นแค่การคาดเดาจากลูกหลานหลังจากแดนมณีปรากฏขึ้นเท่านั้น! แต่พอเวลาผ่านไป การคาดเดาก็กลายเป็นความจริง!”
  “ส่วนคำถามอื่นเจ้าผิดไปสองข้อ! ตอนที่นางถูกจองจำ นางไม่ใช่เซียนคนแรกแต่เป็นเทพเจ้า! หลังจากบ่มเพาะมาเป็นเวลานาน นางได้กลายเป็นเทพ! แน่นอนว่าผู้ที่จองจำนางก็เป็นเทพด้วย!”   อะไรนะ?ทุกคนตัวแข็งทื่อ
  เซียนมณีกลายเป็นเทพ!ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเทพอีกคนมาจองจำนาง!
  “ทำไมกัน?ทำไมเทพต้องผนึกเทพ…มณี? หรือเพราะว่านางปกป้องจิวโจว?”
  ฮั่นเฟยถาม
  แต่ตงฟางเถียงเฟิงก็ถามกลับ
  “ใครบอกเจ้าว่าตงฟางเถียนเฟิงปกป้องจิวโจว?เจ ้าเห็นกับตาได้ยินมากับหูเรอะ?”
  ฮั่นเฟยพูดไม่ออกแน่นอนว่านี่เป็นเพียงเรื่องเล่าปากต่อปาก
  “นางย่อมไม่ใช่เทพที่คอยปกป้องจิวโจวเพราะว่าตัวจริงของนางคือ…เผ่าอสูร!”
  ตงฟางเถียนเฟิงบอกความลับที่น่าสะพรึงกลัวอีกครั้ง
  “สิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่าปกป้องจิวโจวที่หลายยุคสมัยบอกกล่าวคือคำลวง!นางเอาชนะเผ่าอสูรที่บุกเข้ามาและปกป้องจิวโจว กลายเป็นเทพเจ้าผู้ปกป้องอันตรายจากจิวโจวเรอะ! น้ำเน่าสิ้นดี!”
  ตงฟางเถียนเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา
  “แต่มีใครเคยสงสัยหรือไม่ว่านางมาจากไหน?ทำไมนางถึงต้องมาปกป้องจิวโจวอย่างไม่มีเหตุผล? ในฐานะของเซียน การทุ่มเทเพื่อคนอื่นจะมีสิ่งใดตอบแทนนางได้เล่า?”
  “บังเอิญขนาดไหนกันยามที่เผ่ามนุษย์กำลังย่ำแย่ กลุ่มผู้ทรงอำนาจกลุ่มหนึ่งก็ได้พบกับเซียนมณีที่เป็นเทพเจ้ามาปกป้องจิวโจว สละชีวิตหลายปีของนางปกป้องที่นี่ พวกเจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”
  “จากที่ตระกูลข้าคิดตามที่เซียนมณีทิ้งร่องรอยเอาไว้ วิธีการเป็นเทพของนางคือความศรัทธา! แล้วนางได้ความศรัทธามาจากไหนล่ะ? พวกเจ้ารู้อยู่แล้ว มันคือการเลื่อมใสจากจิตวิญญาณนับพันล้านของจิวโจว!”
  ทุกคนเริ่มเข้าใจแผนการชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในอดีต
  เผ่าอสูรตนหนึ่งที่กำลังจะเป็นเทพได้ทำตัวเป็นวีรสตรีช่วยชีวิตทั้งมวลในจิวโจวเพื่อที่จะเอาชนะในผู้คนและได้รับความศรัทธา
  แท้จริงแล้วมีช่องโหว่มากมายในเรื่องเล่าอย่างที่ตงฟางเถียนเฟิงบอก มีเรื่องบังเอิญมากมายเกินไป มันสูงส่งและไร้ความเห็นแก่ตัว
  แต่คนที่รู้ความจริงนั้นหวาดกลัวเผ่าอสูรแม้จะสงสัยอยู่ในใจ พวกเขาก็ทำเป็นไม่รู้อะไรเลย
  เหล่ายอดฝวีมือตกตะลึงในปากเริ่มแห้งผาก
  “ถ้าอย่างนั้นใครกันที่มาจองจำเทพอสูรมณี?”
  นี่คือคำถามที่ทุกคนอยากรู้
  ตงฟางเถียนเฟิงฉีกยิ้ม
  “เทพแห่งจิวโจวเทพกิเลน!”
  มีเทพเจ้าในจิวโจวด้วยเรอะ?!
  “แท้จริงจิวโจวคือโลกที่เทพกิเลนสร้างขึ้นมาพูดง่าย ๆ มันคือโลกที่ให้เหล่าเซียนได้พักผ่อน”
  ตงฟางเถียนเฟิงอธิบาย
  ซือหยูเริ่มคิดได้การสร้างโลกรึ? มันดูเหมือนเรื่องยาว แต่เขาได้เห็นส่วนของประวัติศาตร์กับตาตัวเอง เทพเจ้าได้สละร่างกายและเปลี่ยนมันเป็นสิ่งมีชีวิตหลายรูปลักษณ์ และสร้างทวีปเฉินหลงขึ้นมาใหม่!
  นี่สินะขอบเขตของเทพเจ้า
  “เทพเจ้าคนทุกมีที่พักพิงของตัวเองจิวโจวก็คือที่พักพิงของเทพกิเลน”
  ตงฟางเถียนเฟิงพูดต่อไปด้วยความเคารพ
  “ดังนั้นคนเดียวที่จะจองจำเทพอสูรมณีได้ก็ต้องเป็นเทพกิเลน!”
  ทุกคนเริ่มโกรธ
  “ทำไมเทพกิเลนถึงไม่หยุดเซียนมณีจากการดูดซับความศรัทธาเล่า?ทำไมถึงต้องลงมือหลังจากที่นางกลายเป็นเทพ? แล้วนางอยู่ไหน?”   ตงฟางเถียนเฟิงใบหน้ามืดมัวเมื่อได้ฟังคำถาม
  “ถึงเทพกิเลนจะเป็นเทพเทพกิเลนก็อยู่เพียงลำพัง ขณะที่เผ่าอสูรมีเทพจำนวนมากเกินกว่าที่เทพกิเลนจะรับมือได้ ดังนั้นเทพกิเลนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยินยอมให้เซียนมณีดูดซับความศรัทธา แต่หลังจากที่เซียนมณีได้เป็นเทพ นางก็เตรียมที่จะเปลี่ยนจิวโจวให้เป็นสมบัติวิเศษโดยมีเงื่อนไขคือการต้องสังเวยโลหิตของทุกชีวิตในจิวโจว! เทพกิเลนต้องเปิดฉากสงคราม!”
  “ผลที่ได้คือกรงขังนี้!เทพกิเลนฆ่าเทพอสูรมณีไม่ได้! เทพกิเลนเองก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ข้าเกรงว่า…”
  สงครามอาจจบลงด้วยการสละชีวิตของเทพกิเลน
  “เจ้าปลดคุกสุดท้ายเจ้าคิดจะปลดปล่อยเทพอสูรมณีรึ?”
  ดวงตาซือหยูเต็มไปด้วยความตกใจ  ตงฟางเถียนเฟิงใบหน้ามืดมัวเมื่อได้ฟังคำถาม
  “ถึงเทพกิเลนจะเป็นเทพเทพกิเลนก็อยู่เพียงลำพัง ขณะที่เผ่าอสูรมีเทพจำนวนมากเกินกว่าที่เทพกิเลนจะรับมือได้ ดังนั้นเทพกิเลนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยินยอมให้เซียนมณีดูดซับความศรัทธา แต่หลังจากที่เซียนมณีได้เป็นเทพ นางก็เตรียมที่จะเปลี่ยนจิวโจวให้เป็นสมบัติวิเศษโดยมีเงื่อนไขคือการต้องสังเวยโลหิตของทุกชีวิตในจิวโจว! เทพกิเลนต้องเปิดฉากสงคราม!”
  “ผลที่ได้คือกรงขังนี้!เทพกิเลนฆ่าเทพอสูรมณีไม่ได้! เทพกิเลนเองก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ข้าเกรงว่า…”
  สงครามอาจจบลงด้วยการสละชีวิตของเทพกิเลน
  “เจ้าปลดคุกสุดท้ายเจ้าคิดจะปลดปล่อยเทพอสูรมณีรึ?”
  ดวงตาซือหยูเต็มไปด้วยความตกใจ  หากสิ่งที่ตงฟางเถียนเฟิงบอกเป็นเรื่องจริงสิ่งที่นางกำลังจะทำก็ชั่วร้ายเกินไป
  ประกอบกับข่าวลือจากตงฟางเถียนเฟิงที่บอกว่าสวนที่หกคือขุมทรัพย์…ซือหยูใจสั่นด้วยความกลัว
  “ตระกูลตงฟางคือผู้ถือสายเลือดเทพอสูรมณีแห่งจิวโจว!”
  ตงฟางเถียนเฟิงประกาศก้องขนตานางสั่นไหว