TB:บทที่289 กลับไปไม่ได้

 

เป็นเรื่องธรรมดาที่ “ผู้ช่วยกัปตัน” จะยิ้มให้กับคำขอของคาร์ล

อย่างไรก็ตามไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้ เรือสำราญจะได้ห้าเปอร์เซ็นต์จากกำไรอยู่ดี ดังนั้นนี่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นแค่การจัดการแข่งมวยหรือ คุณกัปตันได้จัดการกับเรื่องนี้อย่างเต็มกำลัง แน่ล่ะว่าไม่มีปัญหาใด

 

ในเวลาเดียวกันเอง “ผู้ช่วยกัปตัน”ยังดีใจอย่างมากที่เขาทำงานให้กัปตันเสร็จไว ไม่เช่นนั้น เขาจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นได้อย่างไร ดูเหมือนว่าเขาต้องขอบคุณหญิงสาวพวกนั้นด้วย

“คุณคาร์ล คุณกับผมตัดสินใจว่าจะพนันกันสองร้อยล้านดอลลาร์ข้างนักสู้ของผม คุณกล้าจะรับคำท้าไหมคุณคาร์ล” แอนเดสกล่าว เขามองไปที่คาร์ล

“นายตั้งใจจะมอบดอกไม้ทองราคาสองร้อยล้านให้ฉัน ฉันจะกล้ารับคำท้าได้อย่างไร เว้นแต่นายกล้าจะพนันมากกว่านี้” คาร์ลมองแอนเดสที่เพิ่งชนะเงินมาได้บ้าง ไม่สนุกเลย แล้วเขายังทำตัวเองให้ดูโง่อีก

 

“โห้คำแนะนำแบบไหนกันเนี่ย” แอนเดสมองคาร์ลด้วยสายตาที่ต่างออกไป

“ก็ ถ้ามีใครแพ้ คนนั้นต้องเปลือยแล้วกระโดดลงไปจากเรือ ตอนที่เรือเข้าไปใกล้ท่าเรือที่ใกล้ที่สุด นายกล้าจะรับคำท้าไหม” คาร์ลมองแอนเดสพร้อมสายตาไร้ความปรานี

สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็จะอยู่บนเรือ หากว่าเป็นเขตแดนของพวกเขาเอง คาร์ลคงฆ่าแอนเดสไปแล้ว

“ผมกล้าจะรับคำท้าการพนันที่น่าสนใจแบบนี้นะ แต่หากมีใครแพ้แล้วไม่ยอมรับ ผมจะฆ่าคนนั้นเสีย” ตอนแอนเดสพูดจบ คาร์ลได้กลิ่นอันตรายที่โชยมาจากเขา

 

ในฐานะที่เป็นผู้ช่วยบาทหลวงชั้นหนึ่งของโบสถ์แห่งความมืด พลังของแอนเดสได้มีถึงระดับกำเนิดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังจะมีพวกคนของโบสถ์แห่งแสงที่มาฆ่าเขาด้วยตัวเองด้วย เป็นธรรมดาที่เขาจะเป็นคนอันตราย

ความรู้สึกอันตรายตากแอนเดส ทำให้คาร์ลมองแอนเดสอย่างจริงจัง

อย่างไรเสียในฐานะที่เป็นสมาชิกของกลุ่มมาเฟียแบล็คโบน มือของพวกเขาได้คร่าไปหลายชีวิตแล้วดังนั้นคาร์ลจึงจริงจังกว่าเดิม แต่เขาไม่ได้กลัวแอนเดสหรอก

 

ในตอนเย็น หลังจากที่ชิมอาหารตะวันตกที่ปรุงโดยพ่อครัวบนเรือสำราญแล้ว สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่แต่งตัวดีได้เริ่มต้นชีวิตยามค่ำคืนของพวกตน ที่มีทั้งการเต้นรำ เล่นเกมบิลเลียด การพนัน และแน่นอนว่าจะหาใครสักคนที่ต้องตา เปิดห้อง และอื่นๆ อย่างไรเสียทุกๆคนที่เข้ามาเที่ยวเล่นบนเรือสำราญนี้ หลังจากที่ลงจากเรือไปแล้วก็จะกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน

 

แน่นอนว่า แขกได้แยกกันเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่ลูกเรือได้จัดการไว้ พวกเขาเข้าไปยังห้องลับที่อยู่ในห้องพักล่างสุดของเรือสำราญอย่างเงียบๆ ที่นั่นเป็นที่กว้างด้วยความยาวสามสิบเมตรและกว้างถึงยี่สิบเมตร ส่วนตรงกลางเป็นส่วนของสนามประลองที่ล้อมรอบด้วยตาข่ายลวดหนาม

มีรูเล็กๆที่ให้คนปีนเข้าไปได้อยู่ ส่วนมุมของลวดหนามเปิดไว้ นั่นจะไม่ใช่แค่จำกัดพื้นที่ให้นักสู้ขยับเท่านั้น แต่ยังทำให้แน่ใจว่าแขกมีความปลอดภัย

สุดท้ายแล้วนักสู้ใต้ดินแบบนี้ก็ไม่ต้องการจะเป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไป หากแต่นักสู้นั้นบ้าคลั่งและถ้าหมัดของเขาต่อยพวกแขกได้แล้ว เรือสำราญคงจะจ่ายค่าความรับผิดชอบไม่ไหว

สุดท้ายแล้วหมัดของนักสู้ก็ทรงพลังชนิดที่ฆ่าคนได้ด้วยหมัดเดียว

เฉินหลงปรากฏตัวในห้องนั้นพร้อมกับจี้โม้ซีและแอนเดส

แอนเดสกล่าวกับเฉินหลง “คุณรู้สึกอย่างไร”

“ไม่แย่” เฉินหลงพยักหน้า

 

จี้โม้ซีไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร ท้ายที่สุดแล้วเมื่อพวกเขาอยู่ในเชียงเจียงพวกเขาได้เห็นมวยใต้ดินแล้ว

“โบสถ์แห่งความมืดของเราควบคุมสนามมวยใต้ดินจำนวนมาก ดังนั้นพวกเราจึงสามารถจะเลือกนักสู้ที่เหมาะๆได้แล้วก็ปล่อยให้พวกเขามาร่วมโบสถ์แห่งความมืดกับเรา ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรายังเจอมนุษย์หมาป่าอีกหลายตัว พวกที่ตื่นขึ้นมาจากมวยใต้ดินพวกนี้” แอนเดสดูพูดถึงองค์กรตัวเอง

 

“มีพวกมนุษย์หมาป่าและแวมไพร์อยู่ในโบสถ์แห่งความมืดจริงๆหรือ” จี้โม้ซีถามอย่างสงสัยใคร่รู้

“มีสิ พวกแวมไพร์เป็นสันหลังหลักของโบสถ์แห่งความมืดของเรา สมาชิกครึ่งหนึ่งของโบสถ์มากจาเผ่าพวกแวมไพร์ แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีมานี้ เนื่องจากการประหารโดยพวกโบสถ์แห่งแสง จึงมีแวมไพร์น้อยลงเรื่อยๆ พวกมนุษย์หมาป่าอาวุโสก็น้อยลงไปเช่นกัน” เนื่องจากเขาต้องการความร่วมมือเช่นนี้ แอนเดสจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะแสดงออกถึงการร่วมมืออย่างจริงใจ

 

“แวมไพร์เป็นอมตะจริงๆหรือ” จี้โม้ซีถามต่อไป

“ผมไม่รู้ว่าแวมไพร์ไม่ตายจริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม ผมรู้เพียงว่าแวมไพร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ได้นานและยิ่งมีพลังแข็งแกร่งมากขึ้น แม้ว่าเรา พวกผู้มีเวทย์มนต์ศาสตร์มืด จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างของตนให้เป็นแบบอื่นและมีชีวิตต่อไปได้นะ” แอนเดสอธิบายต่อไปให้จี้โม้ซีฟัง

 

“เช่นนั้น คุณภรรยา ถ้าคุณอยากจะเห็นแวมไพร์ คุณจะได้เห็นพวกนั้นเมื่อเราไปถึงอังกฤษแล้ว” เฉินหลงกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้ม นิสัยของภรรยาเขาแน่วแน่ขึ้นมากหลังจากได้เล่น “นิวเวิร์ล” มาสองปี “ตอนนี้ มาดูการต่อสู้กันเถอะ”

ในการต่อสู้ครั้งแรก นักสู้ฝ่ายหนึ่งเป็นคนขาวอีกฝ่ายหนึ่งเป็นอาซาน ไม่มีพวกเขาฝ่ายใดที่ได้แจ้งเกิด แต่อย่างไรแล้วก็มีความต่างของพละกำลังอยู่มาก พละกำลังของนักสู้ผิวขาวนั้นคือระดับปรมาจารย์ชั้นยอด ขณะที่อีกสามคนเป็นเพียงระดับปรมาจารย์ การต่อสู้ใช้เวลาเพียงสองนาที อกของนักสู้ผิวขาวยุบลงแลพร่างของเขาก็กระเด็นออกไปห้าเมตร ห้อยอยู่ระหว่างลวดหนามที่ยาวกว่าสิบเซนติเมตร

 

แขกที่อยู่ใกล้สังเวียนพลันโห่ร้องอย่างบ้าคลั่ง แม้กระทั่งสุภาพบุรุษบางคนก็ตะโกนออกมา

 

“ที่รัก ฉันรักคุณนะ คุณฆ่าคู่ต่อสู้ของคุณได้ เยี่ยมไปเลย”

พวกเขามองด้วยสายตาที่บ้าคลั่ง พวกเขาคงวางพนันฝั่งนักสู้ผิวขาวนี่ไว้มาก

คนพวกนั้นมักจะชูนิ้วขึ้นมาอย่างสง่างามและสูงส่งยิ่ง ในขณะนี้ พวกเขาเป็นเพียงหนูคลั่งที่โดนกระตุ้นจากเลือดของสัญชาตญาณสัตว์ในธรรมชาติ

 

หลังการต่อสู้ นักสู้ผิวขาวได้ออกมาจากสังเวียนด้วยสีหน้าราบเรียบ พวกเขาเอาร่างออกมาจากสังเวียนกรง แล้วจึงทำความสะอาดเลือดบนพื้นจนสะอาด

หลังจากนั้นก็ยังมีการแข่งขันอีกสี่เกม ภายนอกสนามประลอง พวกสุภาพบุรุษที่โยนเงินเข้าไปในสังเวียนแต่ละคนก็ปล่อยให้นักสู้ที่บาดเจ็บสาหัสตายไป

เมื่อต้องเจอกับความต้องการที่มากมายเพียงนั้น จุดจบของนักสู้คือความตาย

ในที่สุดก็มาถึงการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เต๋ากวงหานและคู่แข่งของเขา หมีมรณะ ต้องมาประลองกัน

 

แน่ล่ะว่าในวินาทีที่คู่ต่อสู้ตัวเป็นๆปรากฏกาย เขาหยิบไมโครโฟนขึ้นมาและกระซิบด้วยเสียงอันลึกลับ “สุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ตอนนี้ ฉากหลักท้ายสุดของค่ำคืนนี้กำลังจะเริ่มขึ้น นี่คือการต่อสู้อันใหญ่โตด้วยเงินรวมสี่ร้อยล้านดอลลาร์ คู่ต่อสู้สองฝ่ายคือ เต๋ากวงหานจากอาณาจักรจีนที่ยิ่งใหญ่และ “หมีมรณะ” ที่พวกเราต่างชื่นชอบ จะว่าไปแล้วยังมีการแสดงเล็กๆน้อยๆ ที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันว่าผู้แพ้จะต้องกระโดดลงท่าเรือที่ใกล้ที่สุดแบบเปลือยเปล่าด้วย หากว่าคุณตั้งตารอผลการสู้อยู่ละก็ เรามาดูกันเลย”

“ผู้ช่วยกัปตัน” กระตุ้นต่อมความสงสัยของผู้ชมได้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเหตุนั้น ทั้งคาร์ลและแอนเดสแสดงออกต่างกันออกไป