TB:บทที่ 290 ใบมีดของปิศาจ

 

“ผู้ช่วยกัปตัน” กล่าวไป แล้วพวกแขกที่สูงศักดิ์พวกนั้นก็ตื่นเต้น พวกเขาเริ่มจะพนันข้างเต๋ากวงหาน และ “หมีมรณะ”

 

“หมีมรณะ” เป็นชายที่ตัวสูงกว่าสองเมตรเขามีสีหน้าเย็นชา แขนของเขาหนาเท่ากับต้นขาของเขา อีกอย่างหนึ่งคือ เขาเป็นนักสู้เจนสังเวียน พวกแขกที่สังเกตเห็นข้อนี้ต่างวางเงินข้างหมีนี่ เมื่อเต๋ากวงหานและ “หมีมรณะ” ยืนคู่กัน เขาดูเหมือนเป็นเด็ก

 

อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นเจ้านายของเต๋ากวงหาน เป็นธรรมดาที่เฉินหลงจะไม่อาจดูจังหวะที่เต๋ากวงหานแพ้ให้“หมีมรณะ” ได้ เขาจึงวางพนันข้างเขาร้อยล้านดอลลาร์ แน่ล่ะ ทำไมเขาจะไม่อยากชนะเงินที่เขาจะชนะได้กัน

“ไอ้หนู ฉันจะบดขยี้แกให้เหมือนหมาตัวหนึ่ง” ก่อนที่คู่ต่อสู้จะเริ่ม “หมีมรณะ” ก็เริ่มจะพูดใส่เต๋ากวงหานอย่างร้ายกาจ

 

เต๋ากวงหานยังคงมีสีหน้าเย็นชา เขาพูดไปนิ่งๆว่า “ไม่ต้องกังวล เรื่องผลของเกมนี้ไป ฉันจะใช้แค่สิบกระบวนท่าเพื่อฆ่านายและทำให้นายเป็น “หมีมรณะ” จริงๆซะ”

 

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายพูดปล่อยคำถากถางออกมาแล้ว “ผู้ช่วยกัปตัน” ก็ประกาศให้เริ่มการต่อสู้

ในขณะนั้นที่ “ผู้ช่วยกัปตัน” ประกาศให้การต่อสู้เริ่มขึ้นแขนหนาของ “หมีมรณะ” ก็พุ่งเข้าหาเต๋ากวงหาน ด้วยแขนทั้งคู่ที่แข็งแกร่ง หากว่านักสู้มีพลังแข็งแกร่งเท่าเขาแล้วและโดนเขาจับได้ คนคนนั้นคงไม่พ้นความตายไปได้

 

แต่เต๋ากวงหานไม่เหมือนคนอื่น พลังของเขาเป็นระดับกำเนิด หากว่าเขาโดนจับอย่างง่ายดาย ระดับของเขาคงไม่มีค่า

หลังจากนั้นเท้าขวาของเขาก็พลันเตะข้อเข่าของ“หมีมรณะ”อย่างรวดเร็ว เท้าของเขามีลักษณะเหมือนเพลงดาบ ดูเหมือนว่าเพลงดาบจะฝังลึกลงในร่างกายเขา ไม่ว่าจะกระบวนท่าใดก็จะมีเพลงดาบอยู่

 

“หมีมรณะ” ได้ผ่านการต่อสู้มาหลายสนามรบแล้ว เขาเห็นเต๋ากวนหานที่เตะมา เขาจึงกระโดดขึ้นไปและเตะเท้าขวาของเต๋ากวงหานไปในอากาศ

เมื่อเขาเห็นลูกเตะของ “หมีมรณะ” เต๋ากวงหานก็ใจเย็นลงไปอีก ฝ่ามือขวาของเขาเป็นดั่งมีด เขาตัดลูกเตะของ “หมีมรณะ”

เพราะเป็นกลางอากาศ เขาจึงไม่มีทางจะหลีกหนีไปได้ “หมีมรณะ” ทำได้เพียงเลือกที่จะสู้กับเต๋ากวงหาน ผลคือสิ่งที่เฉินหลงนึกไว้แล้ว

 

“กิ๊ง”

ขาข้างขวาของ “หมีมรณะ” โดนตัดโดยเต๋ากวงหานตรงๆ

หลังจากเต๋ากวงหานตัดขาเขาไปแล้ว “หมีมรณะ”ก็พลันหยุดโจมตี หลังจากที่เขาแตะพื้นแล้ว เขายืนด้วยขาข้างเดียว และเว้นช่องว่างจากเต๋ากวงหานออกมาด้วยความกลัวในดวงตา

“กระบวนทางที่สอง เหลืออีกแปดท่า” เต๋ากวงหานยังคงมีสายตาที่เยือกเย็น

“เอาเลย สู้สิ ฆ่าเขา”

“ขาดอากาศตายหรือไง” มีหลายคนวางพนันข้างเขา แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เห็นค่าของ “ชีวิตหนึ่ง” จุดจบของสังเวียนนี้คือความตาย

 

“เลือด เราต้องการเลือด เอาเลือดมาให้พวกเรา”

…..

หลังจากตัดขาของ “หมีมรณะ” ออกไปแล้ว พวกสุภาพบุรุษและสตรีที่ “สูงส่ง” พวกนั้น เป็นบ้าไปทีละคน

“เห็นไหมละ พวกเขาอยากจะเห็นเลือด ดังนั้นในแปดกระบวนท่า เจ็ดกระบวนท่าที่เหลือนี้ ฉันจะทำให้แกกลายเป็นเศษเนื้อและเลือด ทำตามที่พวกเขาต้องการ กระบวนท่าสุดท้ายจะปลิดชีพแก” เต๋ากวงหานมีสายตาที่เย็นชา

 

“หมีมรณะ” ไม่พูดอะไรอีก แต่มองเต๋ากวงกานอย่างระแวดระวัง เขารู้ว่าด้วยพละกำลังของเต๋ากวงหาน เขาคงทำอย่างที่พูดได้ ตอนนี้สิ่งที่เขาทำคือความพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะเอาตัวรอดอีกแปดกระบวนท่าที่เหลือ

อย่างไรก็ตาม เพราะเต๋ากวงหานได้บอกไปแล้วว่าสิบกระบวนท่าจะเอาชีวิตเขาไปได้ เขาจึงไม่ให้โอกาสใดกับ “หมีมรณะ”

 

ด้วยการเคลื่อนไหวของร่างกายเขา เต๋ากวงหานพุ่งเข้าใส่ “หมีมรณะ” ฝ่ามือที่เป็นดั่งมีดเฉือนใส่ร่างของ “หมีมรณะ” การโจมตีของเต๋ากวงหาน ไม่อาจทำให้ “หมีมรณะ” หนีไปไหนได้เลย และเขาทำได้เพียงใช้แขนของเขามาป้องกันไว้

ผลที่ตามมาคือสิ่งที่จินตนาการได้ว่า แต่ละการโจมตีของเต๋ากวงหานได้ทิ้งแผลลึกลงบนร่างของ “หมีมรณะ” เลือดจำนวนมากสาดกระเซ็นออกมา

พวกแขกที่ “สูงส่ง” ชอบที่จะเห็นเลือด ดังนั้นโปรดทำให้พวกเขาพึงพอใจเถอะ

หลังจากการโจมตีเจ็ดครั้ง แผลชุ่มเลือดเต็มร่างของ “หมีมรณะ” ไปหมด

ทว่าแผลพวกนี้ในสายตาของผู้ชมที่ “สูงส่ง” กลับเป็นเหมือนรอยแห่งความงดงามและศิลปะ นั่นยิ่งทำให้พวกเขากรีดร้องด้วยความตื่นเต้น

 

เมื่อเลือดสาดของ “หมีมรณะ” กระเซ็นโดนใบหน้าของพวกหญิงอวบ พวกเธอตื่นเต้นเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังกรีดร้องออกมาจากปากว่า “โห้ โอ้โห้” คล้ายกับว่าพวกเขาตื่นเต้นอย่างมากจนความตื่นเต้นของพวกเขาปะทุออกมา

 

“คนพวกนี้ไม่ได้สวมเสื้อผ้าที่เข้ากับตัวตนของพวกเขาเลย ความต่างระหว่างพวกเขาและอันธพาลหรือนักเลง” เฉินหลงมองแขกพวกนั้นคนที่ตื่นเต้นเพราะเลือดนี่ ไม่ได้เป็นตัวเองโดยสมบูรณ์แล้ว เขาเผยยิ้มเหยียดหยามบนใบหน้า

 

“คุณเฉิน โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์เป็นพวกกระหายเลือด แม้ครู่พวกเขาได้แสดงสัญชาตญาณดิบออกมา แม้ว่าพวกเขาจะแต่งตัวเหมือนหมา แต่เมื่อเอาตัวพวกเขามาไว้เบื้องหน้าคนพวกนี้แล้ว แต่ใครจะไปรู้ได้ว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไรหลังจากที่กลายมาเป็นมนุษย์แล้ว บางที อาจจะทำสิ่งเลวร้าย ที่แย่ยิ่งกว่าพวกนักเลงทั่วไป หรือพวกนักเลงในบาร์ หากว่าพวกเขาไม่ได้มีเงินแล้ว พวกเขาจะต้องแย่กว่าพวกนักเลงหรืออันธพาลแน่ นี่ก็เหมือนกับพวกโบสถ์แห่งแสงที่กลับกรอก ที่ก็พูดอย่างเดียวกันทว่าไม่ได้ทำอย่างที่พูดเลย” ยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของแอนเดส เฉินหลงยิ้มและเห็นด้วยกับแอนเดส

 

หลังจากนั้น เขาก็หันไปหาคาร์ล ในตอนนั้นเองที่ใบหน้าของคาร์ลพลันกลายเป็นโกรธจัด สุดท้ายแล้วสิ่งที่มากกว่านี้คือปาฏิหาริย์ ไม่มีทางที่จะชนะได้เลย

แน่นอนว่าเขารู้ว่าปาฏิหาริย์นั้นไม่อาจเป็นไปได้เลย หรือเป็นไปไม่ได้ ใบหน้าของเฉินหลงแสดงความดูถูก แล้วหันไปสนใจการต่อสู้ต่อ ในเวลานั้นเอง เต๋ากวงหานพร้อมที่จะโจมตีครั้งสุดท้าย นั่นคือการเอาชีวิตของ “หมีมรณะ” ไป “สับครั้งเดียว”

ในขณะนั้น เต๋ากวนหานที่เป็นดั่งมีด เขาฟันไปที่ “หมีมรณะ” ด้วยความเร็วที่ไม่อาจมีอะไรมาเทียบ

 

กระบวนท่านี้ช่างรวดเร็วและเกินทานทน แม้หาก “หมีมรณะ” จะไม่บาดเจ็บแต่อย่างใด เขาก็หลบหลีกไปไม่ได้ถึงแม้ว่าเขาใช้พลังอย่างสุดกำลัง อีกอย่างหนึ่งคือขาของเขาโดนตัดออกไปแล้วและร่างของเขาบาดเจ็บสาหัส

แค่ยืนได้ก็ยอดเยี่ยมแล้ว เมื่อเห็นการโจมตีของเต๋ากวงหานแล้ว “หมีมรณะ” ก็หลับตา

นี่คือวิธีการวางมีดสับลงมาจากตรงกลาง

“สิบกระบวนท่า ตายซะ”

เต๋ากวงหานตะโกนประโยคนั้นออกมา

หลังจากที่สับ “หมีมรณะ” เป็นสองท่อนด้วยมือแล้ว พวกแขกที่ “สูงส่ง” พลันกรีดร้องเหมือนคนบ้า

“มีด”

“มีด”

…..

“ใบมีดของปิศาจ”

“ใบมีดของปิศาจ”

“ใบมีดของปิศาจ”

เสียงของมีดในตอนแรกแทนที่ด้วย “ใบมีดของปิศาจ”