“อย่าลืมว่าสิทธิ์นี้ใครเป็นคนบงการ ใครให้สิทธิ์คุณดูถูกเธอและสาปแช่งเธอ คุณไม่มีสิทธิ์และไม่มีคุณสมบัติ น่าตลกเสียจริง!
ผมบอกคุณให้นะ อีกแป๊บเดียว คุณสมบัติที่คุณยืนอยู่ตรงหน้าผมและยืนอยู่ในตระกูลอนันต์ธชัยก็จะหายไป!”
เธอไออย่างแรก ในใจของพนาวันค่อยๆเข้าใจ:“คุณหมายความว่าไง?”
“ความหมายนั้นชัดเจนและเข้าใจง่ายมาก อีกแป๊บเดียว คุณก็จะไม่ใช่ภรรยาของผม และไม่ใช่สะใภ้ของตระกูลอนันต์ธชัยอีก เข้าใจหรือยัง?”
ความบ้าคลั่งในสายตาอาคิระยังไม่หายไป มือใหญ่ง้างขึ้นมา โยนเธอไปด้านข้าง
เขาแทบจะมาพร้อมความเกลียดชังเกือบตลอดเวลา โดยไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย
ผมยาวยุ่งเหยิง แก้มแดงราวกับมีเลือดออก สถานการณ์นั้นดูอนาถสุดๆ
พนาวันสูดหายใจเฮือกใหญ่
เหมือนโดนมีดสิบเล่มแทงเข้าไปในหัวใจ และยังแทงลงไปยังจุดที่บอบบางที่สุดด้วย เธอเจ็บจนเลือดออก
เธอยืนไม่อยู่ สองขาอ่อนระทวย
สุดท้าย เป็นมือที่ยันโต๊ะไว้ถึงขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก
อาคิระจ้องไปที่เธอ พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น:“พรุ่งนี้จะมีคนเอาข้อตกลงการหย่าไปให้คุณ ตอนนี้ ไสหัวไปซะ!”
รูม่านตาพนาวันขยายกว้าง จากนั้นก็ตามด้วยหดลงอีกครั้ง
อือ เหมือนมีคนเอาเกลือมาโปรยตรงเลือดที่ไหล พร้อมกับกัดกร่อนอย่างรุนแรง
ทนต่อความเจ็บปวดที่แทรกซึมเข้าไปในไขกระดูก การตอบสนองของพนาวันนั้นสงบนิ่งเยือกเย็นเกินคาด ต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง พูดไปนิ่งๆว่า:“โอเค ฉันจะรอ”
เธอไม่ส่งเสียง ไม่สร้างปัญหา เขาให้ เธอก็เอา
เธอก้าวเท้าขึ้น เดินไปด้านนอกห้อง ตอนที่ใกล้จะเดินออกไปนั้น ฝีเท้าชะงักเล็กน้อย ถามไปว่า:“ยังจะฆ่าฉันอยู่ไหม?ถ้าไม่ฆ่าฉัน ฉันไปก่อน คุณจะไม่ได้เสียใจ ตามออกไปอีก”
ที่คืนกลับมานั้นเป็นเสียงตะโกนอย่างเดือดดาล:“ไปให้พ้น!”
“โอเค……”
บนรถแท็กซี่
หมีพูลนั่งอยู่ พนาวันไอตลอด รอยแดงจางลงไป
เขาเป็นห่วง มือเล็กๆนั้นตบไปที่หลังของเธอเบาๆ:“แม่ครับ ค่อยๆหน่อย”
ความขมขื่นที่อยู่ในใจ จนตอนนี้ ความเจ็บปวดเหมือนไม้เลื้อยที่คืบคลานอยู่ในตัวเธอตามอำเภอใจมากขึ้น ชาด้าน จากฝ่าเท้าจนถึงบนศีรษะ
พนาวันไม่พูดอะไร
ผ่านไปสักพัก พูดอย่างเสียงแหบว่า:“ให้แม่กอดลูกหน่อยสิ……”
หมีพูลอยู่ในอ้อมแขนเธอ ฝ่ามืออุ่นๆค่อยๆถูไปที่ใบหน้าเล็กๆของเขา
ถ้าบอกว่าสิ่งที่เธออาลัยอาวรณ์มากที่สุด นั่นก็คือเขา
เธอตั้งท้องเขาสิบเดือนแล้วคลอดออกมา ไม่มีใครเคยช่วยเธอ เลี้ยงดูเขามาด้วยตัวคนเดียวอย่างยากลำบาก
เขาเป็นคนสำคัญของเธอ เนื้อส่วนนั้นตรงปลายหัวใจ
เบ้าตาเธอร้อนผ่าว น้ำตาไหล ยกมือขึ้นเช็ดด้วยความตื่นตระหนก ไม่ปล่อยให้น้ำตาร่วงลงมา
ปีนี้เขาแปดขวบแล้ว เธอเลี้ยงเขามาแปดปี
ตั้งแต่วันนั้นที่เกิดมา กี่วันกี่คืนกันนะ!
หมีพูลเป็นเด็กอ่อนไหว ซุกอยู่ในนั้น รู้สึกถึงอารมณ์ของเธอ:“แม่ แม่เป็นอะไรไปครับ?”
พนาวันไม่พูด กอดเขาไปอย่างนั้น พิงอย่างเงียบๆบนไหล่เล็กๆของเขา
เขาเด็กมาก ยังเล็กมาก
ไหล่ยังอ่อนเกินกว่าจะแบกอะไรได้ แต่เวลานี้ กลับรู้จักตบไปที่แผ่นหลังเธอเบาๆ ปลอบโดยไม่พูดอะไร
ทันใดนั้น ร่างกายของเธอพร้อมกับหัวใจก็เจ็บปวดเหมือนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
อาคิระ ก็แค่เด็กแปดขวบ
กลับไปถึงห้อง หมีพูลก็กะพริบตา:“แม่ ผมหิวแล้วอยากกินอะไรหน่อย”
พนาวันฝืนสังขารไปต้มโจ๊กให้เขา
เธอไม่ได้กิน อารมณ์อย่างเธอในตอนนี้ จะดินลงได้อย่างไร?
เธอไม่กิน หมีพูลก็กินน้อยมาก กินโจ๊กชามเล็กๆไปชามหนึ่ง
ไม่ได้ดูทีวี อาบน้ำเสร็จเขาก็ง่วง แป๊บเดียวก็หลับไป ลมหายใจนั้นมั่นคงแผ่วเบา
พนาวันไม่ง่วง
เธอยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่าง ไม่ได้เปิดไฟ
ยามค่ำคืนที่มืดมิดทำให้ห้องนั่งเล่นมืดลง คืนนี้ไม่มีแสงจันทร์ เช่นเดียวกับหัวใจเธอที่ไม่ส่องประกายเลย
ยืนหยัดมาแปดปี สุดท้ายเวลานี้ก็เหนื่อย เสียใจ เจ็บ และปวดใจ
เธอ เหนื่อยมากแล้วจริงๆ
ในหัว มีฉากในตอนนั้นปรากฏออกมา
วันนั้นที่คลอดหมีพูลเสร็จแล้วออกมาจากโรงพยาบาล ก็ถูกขวางด้วยอาคิระที่โกรธจัด
ใบหน้าหม่นหมองนั้นของเขา เหมือนลมหนาวที่โหมกระหน่ำเข้ามา
เวลานั้น ร่างกายของเธอยังอ่อนแอมาก จู่ๆเขาก็ปรากฏตรงหน้าเธอ เหมือนยมราชหน้าดำที่จะมาเอาชีวิต
ชั่วพริบตาเดียวขาก็อ่อนไป พนาวันจำได้อย่างชัดเจน
ตอนนั้นเธอพิงไปที่ตัวเอวาจึงไม่ล้มลงไปที่พื้น
อาคิระมาอย่างน่ากลัว ไม่พูดอะไรมาก สายตานั้นจ้องไปยังเด็กที่ห่อตัวด้วยผ้าอ้อมในอ้อมแขนเธอ พูดสั้นตรงประเด็น:“เอาลูกให้ผม!”
“ไม่!”
เธอส่ายหน้า เหมือนขอทานที่อ่อนแอทำอะไรไม่ได้
เพิ่งจะคลอดลูกออกมา จะให้เขาได้ไง!
“ผมไม่อยากลงมือแย่งไปนะ ก่อนที่ผมจะทำอย่างนั้น เอาลูกมาให้ผมก่อน!”
สายตาเขาเยือกเย็น คมกริบมากขึ้น ไม่ใจอ่อนเลย
เธอรู้ว่าตัวเองสู้เขาไม่ได้ เพียงอย่างเดียวที่ทำได้ก็คือกอดลูกไว้ให้แน่น แน่นสุดๆ!
แต่ แรงของผู้หญิงจะต้านผู้ชายได้อย่างไร
สุดท้ายก็แย่งชิงเขาไม่ได้ เด็กถูกเอาไป เพิ่งคลอดออกมาไม่นานเลือดลมยังไม่ดี ตรงหน้ามืดมนไปหมด จนหมดสติไป
พอเธอฟื้นมา ก็เช้าวันถัดมาแล้ว
เด็กถูกอาคิระพาไป และไม่เอามาให้อีกเลย เอวานั่งอยู่ข้างเธอ
ความเศร้าออกมาจากใจ เธอไม่สามารถทนความเจ็บปวดที่รุนแรงในใจได้อีกต่อไป เธอร้องไห้ออกมาด้วยเสียงแหบ คิดถึงลูก
เอวาเห็นเธอไม่กินข้างทั้งวัน ก็ร้อนรนสุดๆ รีบโทรหาคุณท่าน
ตอนนั้น คุณท่านวิบูรณ์ยังมีชีวิตอยู่
พอได้ยิน คุณท่านวิบูรณ์ก็มาดูเธอ แล้วพูดว่า:“ในเมื่อคลอดเด็กมาแล้ว อย่างอื่นผมไม่พูดมากแล้ว แต่งงานกับคิระเถอะ
ไม่อย่างนั้น ก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไป ให้เวลาเธอคิดครึ่งวัน”
เพราะว่าดาหวัน อาคิระเลยไม่แต่งมาตลอด
คุณท่านวิบูรณ์ปวดหัวพอดี ตอนนี้มีวิธีแก้ เขาไม่ปล่อยไปแน่
เธอเข้าใจว่าคำพูดของคุณท่านวิบูรณ์นั้นหมายความว่าอะไร ถ้าตกลงแต่งงาน ก็ดูแลเด็กได้ ถ้าไม่ เธอก็อย่าได้คิดจะเจอเลย!
เธอคิดไปทั้งคืน ในใจมีแต่คิดเรื่องลูก หิวก็ไม่หิว ร้องไห้ก็ไม่ร้อง คิดจนปวดใจไปหมด
วันถัดมา คุณท่านวิบูรณ์เข้ามา ถามเธอว่าคิดอย่างไร
เธอเงียบไปสักพัก แล้วตอบตกลง
แต่ว่า ก็ยังกังวลเล็กน้อยว่าอาคิระจะไม่ยอม
“แค่เธอพูดความคิดของเธอออกมาก็พอ ส่วนเขาผมมีวิธีของผม”คุณท่านวิบูรณ์พูดทิ้งท้ายให้เธอ
หลังจากกลับถึงคฤหาสน์อนันต์ธชัย ก็ไม่รู้ว่าคุณท่านวิบูรณ์คุยอะไรกับอาคิระ
ถึงแม้สีหน้าเขาดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ตกลงแต่งงาน
ตอนแต่งงาน ตระกูลอนันต์ธชัยให้เธอเซ็นสัญญา
ถ้าวันไหนต้องหย่าร้าง สิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกเธอก็ไม่ได้ไป
หากตกลงก็แต่งงาน หากไม่ตกลง งั้นงานแต่งงานนี้ก็จบลง
เธอไม่เคยมีสิทธิ์เลือกมาเสมอ มีเพียงอย่างเดียวคือตอบตกลง
แต่ข้างในใจนั้นก็เข้าใจเป็นอย่างดี
การแต่งงานนี้คงอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น ถ้าคุณท่านวิบูรณ์เสียชีวิต ก็ไม่มีใครสามารถยับยั้งเขาได้