ตอนที่ 667: ปริศนาจากอดีต
“หลายหมื่นกิโลเมตรจากที่นี่ไปจะมีหุบเขา ไป๋ไฮกำลังพักฟื้นและฝึกฝนอยู่ในถ้ำ แผนที่นี้จะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับที่อยู่ของมัน ถ้าเจ้าตามแผนที่นี้ไป เจ้าจะพบเขา” ตอนนี้เสียงของซิตูชิงเบาลงมาก แต่เขาก็จัดการเอาแผนที่ออกมาจากแหวนมิติของเขา
เจี้ยนเฉินรับแผนที่จากซิตูชิงและเริ่มดูรายละเอียดที่อยู่ของไป๋ไฮ
“ซิตูชิง เจ้าสาบานได้หรือไม่ว่าไป๋ไฮอยู่ที่นี่ ? เจ้าคงจะไม่เสี่ยงชีวิตของเจ้าเพราะเรื่องบ้า ๆ นี้หรอกนะ” เจี้ยนเฉินเตือน
“ความสัมพันธ์ของข้ากับไป๋ไฮไม่ได้ลึกซึ้งแบบที่เจ้าคิด ข้าใช้เขาเพื่อปกป้องตนเองเท่านั้น ดังนั้นวางใจได้เลย ข้าไม่มีเหตุผลที่จะให้แผนที่ปลอมกับเจ้า หลายปีที่ผ่านมานั้น ไป๋ไฮอยู่ที่เดิมตลอด หลังจากที่เราแยกทางกัน ความสัมพันธ์ของเราก็สิ้นสุดลงด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นข้าไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ขึ้นอยู่กับโชคของเจ้าว่าจะเจอเขาหรือไม่” ซิตูชิงพูด
เจี้ยนเฉินวางแผนที่ลงและพูดว่า “ดีละ ถ้างั้นข้าจะเชื่อเจ้า ถ้าข้อมูลที่เจ้าให้มาเป็นความจริง ข้าจะละเว้น นิกายพยัคฆ์มังกร เจ้ามีอะไรที่อยากจะพูดอีกหรือไม่ ? “
หน้าของซิตูชิงซีดลงอย่างมากเนื่องจากพลังชีวิตเกือบจะหมดตัวของเขาแล้ว ร่างของผู้กล้าหาญนี้หดลงจนเหลือแค่หนังหุ้มกระดูก
เขาหลับตาลงอย่างช้า ๆ พลังชีวิตของเขาค่อย ๆ เลือนรางลง ในวาระสุดท้ายเขาพูดว่า “ข้าต้องขอโทษต่อ นิกายพยัคฆ์มังกรสำหรับปัญหาที่ข้านำมา ผู้คนมากมายต่างต้องมาตายแต่ข้ายังหนีเอาตัวรอด ข้า ซิตูชิง ไม่มีหน้าที่จะไปพบศิษย์ที่นิกายอีกแล้ว เจี้ยนเฉิน ข้าหวังว่าเจ้าจะฝังศพข้าในทุ่งกว้างแล้วก็ปล่อยให้พวกสัตว์แทะกินร่างกายของข้า การทำแบบนี้คงจะบรรเทาความผิดของข้าได้บ้าง”
หลังจากนั้น ซิตูชิงก็ได้ตายจากไป ร่างกายของเขาเริ่มเย็นลงเนื่องจากร่างกายสูญเสียวิญญาณและจากโลกนี้แล้ว”
เจี้ยนเฉิน, หวงเทียนป้า และ นูบิส ยืนอยู่เหนือร่างของซิตูชิงด้วยความรู้สึกที่ขัดแย้ง
การมีอยู่ของผู้ที่ยิ่งใหญ่อย่างเซียนผู้คุมกฎได้จากไปต่อหน้าของพวกเขา
เวลาผ่านไปสักครู่ เจี้ยนเฉินถอนหายใจแล้วโบกมือเพื่อเอาแหวนมิติที่ซิตูชิงครอบครองอยู่มา หลังจากที่โบกมืออีกครั้งหนึ่ง พื้นดินกว้าง 10 เมตร ที่อยู่ถัดจากเขาก็ถูกขุดขึ้นมา เขาใช้พลังของเขาค่อย ๆ หย่อนศพของเซียนผู้คุมกฎลงในหลุดและกลบดินตามไป
คำพูดสุดท้ายของซิตูชิงอาจจะทำให้เจี้ยนเฉินปล่อยศพของเขาเพื่อให้สัตว์แทะกิน แต่เจี้ยนเฉินไม่ได้คิดจะทำดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรซิตูชิงก็คือเซียนผู้คุมกฎ และถึงแม้ว่าเขาตายไปแล้ว มันก็ไม่เหมาะสมที่จะไปทำกับศพของเขาเยี่ยงนั้น
“น้องเจี้ยนเฉิน ตอนนี้เราก็ได้กำจัดซิตูชิงไปแล้ว เราจะเอายังไงกันต่อดี ? ตามไปล้างแค้นไป๋ไฮต่อเลยหรือไม่ ? ” หวงเทียนป้าถามจากด้านหลัง
“เราจะตามหาไป๋ไฮต่อ” เจี้ยนเฉินตอบอย่างไม่ลังเล
พวกเขา 3 คนพักผ่อนที่นี่ต่อเป็นเวลาครึ่งวันก่อนที่จะจากไป ในช่วงเวลานี้ บาดแผลของเจี้ยนเฉินก็หายดีเรียบร้อยแล้ว ทำให้เขาสามารถเหาะไปได้อย่างอิสระกับหวงเทียนป้าและนูบิส
“เจี้ยนเฉิน เจ้าควบคุมร่างกายที่แข็งแกร่งสุดยอดนี้ได้อย่างไร? แผลของเจ้าย่ำแย่กว่าของข้าเสียอีกแต่ความเร็วในการฟื้นตัวของเจ้าทำให้หลายคนพูดไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลแบบใดก็ใช้เวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้นในการฟื้นฟู ข้าไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ” นูบิสมองไปยังเจี้ยนเฉินด้วยความอิจฉาและประหลาดใจ
“น้องเจี้ยนเฉิน ร่างกายของเจ้าแข็งแกร่งจริง ๆ ที่สามารถทนการโจมตีจากเซียนผู้คุมกฎวัฏจักรที่ 5 ได้. ถ้าข้าไม่รู้ข้าคงคิดว่าเจ้าเป็นสัตว์อสูรแน่ ๆ ” หวงเทียนป้าออกความคิดเห็น
“จากความรู้ที่ข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ มี มันไม่มีสัตว์อสูรใดที่จะมีร่างกายที่แข็งแกร่งเท่าเจี้ยนเฉินได้ ถ้ายังไม่ถึงระดับ 7 พวกเราสัตว์อสูรมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าพวกมนุษย์ แต่อย่างเจี้ยนเฉินนี้คงเป็นระดับ 8” นูบิสหยุดเล็กน้อยในประเด็นนี้ “ครั้งหนึ่ง ข้าเคยสงสัยว่าเจ้าคือเทพเจ้าสงครามเอ่อหยินแห่งร้อยเผ่าพันธุ์ แต่นิสัยของเจ้าไม่เหมือนกับเขา ทำให้ข้าคิดว่าคงไม่ใช่”
“เทพเจ้าสงครามเอ่อหยินแห่งร้อยเผ่า ! ” หวงเทียนป้าตกใจหลังจากที่ได้ยินชื่อนี้ “ข้าได้ยินเรื่องของเขามาก่อน ! อ้างอิงจากตำนาน เอ่อหยินเป็นผู้ที่แข่งแกร่งที่สุดในร้อยเผ่าพันธุ์ เขาถูกยกให้เป็นเทพเจ้าในเผ่าพันธุ์ของเขา ! ผู้คนมากมายต่างนับถือเขาและพลังของเขาช่างน่ากลัวเหลือเกิน เขากลายเป็นเซียนจักรพรรดิด้วยในตอนที่เขายังมีชีวิต”
นูบิสคัดค้านอย่างช่วยไม่ได้ “การใช้แค่เซียนจักรพรรดิในการอธิบายถึงเทพเจ้าสงครามเอ่อหยินจะเป็นการดูถูกความยอดเยี่ยมของเขาไปหน่อย” นูบิสนึกถึงเรื่องในอดีตและเริ่มรื้อฟิ้นความทรงจำเก่า ๆ
“ความรู้เรื่องอดีตของเจ้ายังไม่ครบถ้วน ขอให้ข้าได้เล่าให้ฟังเอง” นูบิส พูดหลังจากเรียบเรียงความคิดในหัว “ในเวลานั้นความแข็งแกร่งของเขาช่างไร้เทียมทาน เขายืนอยู่บนจุดสูงสุดร่วมกับผู้ที่แข่งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์อีก 3 คน. บุคคลทั้ง 4 คนนี้ถูกเรียกว่าโมเทียนหยุนของเผ่าพันธุ์มนุษย์, พยัคฆ์ปีกเทวะของเผ่าพันธุ์สัตว์อสูร, เทพเจ้าแห่งท้องทะเลลึก และเทพเจ้าแห่งสงครามเอ่อหยินของร้อยเผ่าพันธุ์ อันเก่าแก่ “
“ความแข็งแกร่งของคนทั้งสี่นี้เหนือจินตนาการมาก พวกเขาเหนือกว่าเซียนจักรพรรดิเสียอีก และยังเป็นกลุ่มคน 4 คนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก พวกเขาเป็นบุคคลที่ได้รับความเคารพสูงสุด เป็นเหมือนเทพเจ้าที่เดินดิน”
“อะไรนะ เหนือยิ่งกว่าเซียนจักรพรรดิอีกงั้นหรือ ! ? ” เจี้ยนเฉินและหวงเทียนป้าโพล่งออกมาด้วยประหลาดใจ นี่มันเหนือกว่าความคาดหมายมาก ถึงแม้ว่านี่จะเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ตามที โมเทียนหยุน และพยัคฆ์ปีกเทวะของเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรจากที่นูบิสเล่าให้ฟังนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเซียนจักรพรรดิเสียอีก
จากชื่อทั้ง 3 ที่ได้เอ่ยมา มี 1 บุคคลที่ทำให้ เจี้ยนเฉิน รู้สึกสับสนคือเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน และนั่นทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“แน่นอนว่าในสมัยนั้นมีบุคคลที่แข็งแกร่งหลายคน แต่คนที่โดดเด่นที่สุดก็คือโมเทียนหยุนและพยัคฆ์ปีกเทวะ ครั้งหนึ่งพยัคฆ์ปีกเทวะได้ให้พวกเราต่อสู้กับร้อยเผ่าพันธุ์ พวกนั้นส่งแค่เทพเจ้าสงครามเอ่อหยินออกมาสู้เท่านั้น หลังจากนั้นร้อยเผ่าพันธุ์ก็ได้ออกจากทวีปสัตว์เทวะไป และก็ไปยังทวีปเทียนหยวนหลังจากนั้น
“แรกเริ่มนั้นเทพเจ้าสงครามเอ่อหยินได้นำลูกน้องที่แข็งแกร่งจากร้อยเผ่าพันธุ์ออกมาขับไล่มนุษย์ออกจากทวีป แต่หลังจากที่โมเทียนหยุนปรากฏตัว ความแข็งแกร่งของเขานั้นก็น่ากลัวไม่ได้น้อยไปกว่าพยัคฆ์ปีกเทวะเลย เขาขับไล่ร้อยเผ่าพันธุ์กลับไป แม้แต่เอ่อหยินก็ยังพ่ายแพ้ต่อน้ำมือของเขา”
“ร้อยเผ่าพันธุ์และมนุษย์นั้นต่อสู้กันมานานหลายร้อยปี ในสงครามที่นับไม่ถ้วน มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากทั้ง 2 ฝ่าย สุดท้ายแล้วนั้น เอ่อหยินเห็นว่าการต่อสู้ที่ทวีปเทียนหยวนไม่คุ้มค่าอีกต่อไป เขาจึงเลิกล้มเพื่อไปตั้งสมาธิในการโจมตีทวีปสัตว์เทวะเพื่อยึดดินแดนดั้งเดิมกลับคืนมา
“มาจนถึงตอนนั้น สงครามระหว่างร้อยเผ่าพันธุ์และเผ่าสัตว์อสูรได้ดำเนินต่อมาอีก 30 ปี มีการสูญเสียอย่างนับไม่ถ้วนกับเผ่าสัตว์อสูร สุดท้ายนั้นพยัคฆ์ปีกเทวะก็ทนไม่ไหวและตัดสินใจที่จะฆ่าเอ่อหยิน
“เมื่อเอ่อหยินจากไป ร้อยเผ่าพันธุ์สูญเสียพลังอำนาจที่จะต่อกรกับเผ่าสัตว์อสูรและมนุษย์. พวกเขาเลิกล้มที่จะเอาทวีปนี้และต้องไปหาทวีปใหม่ที่ไร้ค่าและยากจนแทน หลังจากนั้นพวกเขาสะสมกำลังและรอ แต่พวกเขาก็ไม่เคยย่างกรายกลับมาที่ทวีปเทียนหยวนหรือทวีปเฉาเฉียนอีกเลยหลังจากนั้น”
เจี้ยนเฉินและหวงเทียนป้ายากที่จะทำใจให้สงบจากการที่ได้ฟังเรื่องที่นูบิสเล่า มันมากเกินไปที่จะรับไหว เรื่องความหลังที่นูบิสเล่านั้นยากที่มนุษย์จะเคยได้ยิน
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงจริง ๆคือการดำรงอยู่ของผู้งที่เหนือกว่าเซียนจักรพรรดิ เทพเจ้าแห่งสงครามเอ่อหยินของร้อยเผ่าพันธุ์ และคนแข็งแกร่งอย่างนั้นยังมาพ่ายแพ้ให้แก่พยัคฆ์ปีกเทวะอีก
ยังมีชื่อเทพเจ้าแห่งท้องทะเลจากหุบเหวทะเลลึกที่ยังไม่ได้เอ่ยถึง ซึ่งยังเหนือกว่าเซียนจักรพรรดิอีก
มันใช้เวลาพอสมควรกว่าที่ 2 คนนั้นจะตั้งตัวได้ และเจี้ยนเฉินก็เป็นคนแรกที่พูดออกไป “แล้วเรื่องเกี่ยวกับหุบเหวทะเลลึกนั้นล่ะ ทำไมข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
นูบิสนึกอยู่สักครู่ก่อนอธิบายออกไป “ให้ข้าอธิบายให้เจ้าฟังนะว่าในโลกนี้มี 4 เผ่าพันธุ์ คือ มนุษย์ สัตว์อสูร เผ่าไบ และพวกที่อยู่ในทะเลนั้น”
“ถ้างั้นพวกที่อยู่ในทะเลก็เป็นเผ่าเดียวกันทั้งหมดเลยใช่หรือไม่ ? ” เจี้ยนเฉินถามด้วยความสงสัย
“ถูกต้อง และพวกเขาก็แข็งแกร่งด้วย”
“พวกทั้งหมดในหุบเหวทะเลลึกเป็นเผ่าเดียวกันที่เข้มแข็งและเป็นเจ้าของทุกอย่างในทะเล เพราะว่าทะเลนั้นเหมาะในการดำรงชีวิตอยู่ของพวกเขา พวกเขาเลยไม่เคยขึ้นฝั่งมาหลายหมื่นปีแล้ว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงดูลึกลับในสายตามนุษย์ พวกเขาแข็งแกร่งมากเสียยิ่งกว่ามนุษย์และร้อยเผ่าพันธุ์” นูบิสกล่าว
“มีสิ่งมีชีวิตในทะเลที่พวกเราไม่เคยรู้จักมาก่อน ถ้าท่านไม่เล่าให้ฟังในวันนี้ข้าก็คงไม่รู้ว่ามันมีอยู่” หวงเทียนป้าออกความเห็นอย่างประหลาดใจ หลายสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ในวันนี้ช่างน่าประหลาดใจเหมือนกับเขาไปเจอสถานที่ใหม่ ๆ
“บนทวีปเทียนหยวนของเจ้า ไม่ค่อยมีเผ่าที่รู้เรื่องสิ่งมีชีวิตในทะเล มีก็แต่ตระกูลโบราณเท่านั้นที่มีบันทึกเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในทะเล แต่ความรู้ของพวกนั้นยังน้อยกว่าของข้านัก ในฐานะที่ข้าคืออสรพิษทองริ้วเงิน ข้าต้องส่งต่อความรู้นี้ ประวัติศาสตร์ต้องดำเนินต่อไปไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร” นูบิสกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
……