ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล


“มารดามันเถอะ ตาแก่นี่โหดจริงๆ” เห็นอานุภาพเวทมิติของเฟอร์กูสันแล้วเซียวอวี๋ก็นิ่งตะลึงงัน เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดผู้คนถึงยำเกรงจ้าวมนตราสามท่านนี้นัก

เวทมิติเมื่อครู่ถึงกับทำให้มังกรน้อยตัวสั่นเทา กระทั่งเซียวอวี๋เองก็ยังรู้สึกขนลุก จะเป็นอย่างไรหากเป้าหมายของมันเป็นพวกเขา?

อายามิสเองก็นับว่าเป็นหนึ่งในบอสใหญ่ กระนั้นมันก็ต้องจบชีวิตใต้เงื้อมมือของเฟอร์กุสัน กระทั่งบอสใหญ่ยังสู้ไม่ได้ เฟอร์กูสันแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?

ตอนนี้เซียวอวี๋กระจ่างแจ้งถึงความน่าเกรงขามของจ้าวมนตราแล้ว

หลังโจมตีออกไป เฟอร์กูสันก็หน้าซีดลงเล็กน้อย หลังผ่อนหายใจเล็กน้อยก็ดีขึ้นบ้าง ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำยาฟื้นฟู

กล่าวอีกอย่างคือ การโจมตีนี้ไม่ได้กินแรงมากนัก เขายังสามารถโจมตีได้อีกหลายครั้ง นับว่าน่ากลัวจริงๆ

หลังฟอร์กุสันโจมตีออก ธีโอดอร์กับชัคคุนก็โจมตีเช่นกัน แต่ทั้งสองไม่ได้ร่วมกันโจมตี เพราะการโจมตีของพวกเขาเพียงคนเดียวก็ทรงพลังมากพอแล้ว อีกทั้งหากทำเช่นนั้นละอองเวทอาจเกิดการผันผวนและขัดแย้งกันได้

หากเป็นเพียงเวทบทเล็ก พวกเขาย่อมไม่ใส่เรื่องพวกนี้ ด้วยการควบคุมละอองเวทของพวกเขา สิ่งนี้ย่อมง่ายดุจปลอกกล้วยเข้าปาก ทว่านี่เป็นเวทบทใหญ่ที่ใช้จัดการศัตรูเข้มแข็งในการโจมตีครั้งเดียว ไม่อาจเอาเปรียบเทียบกันได้

ต่อให้พวกเขาเป็นจ้าวมนตราผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่มีข้อยกเว้นในเรื่องนี้

ธีโอดอร์ร่ายเวทเสร็จเป็นคนถัดมา ละอองเวทมหาศาลที่ลอยวนเวียนอยู่รอบกายของเขาทำให้คิเมร่าตัวที่เขานั่งอยุ่ถึงกับสั่นเทิ้มจนแทบทรงกายไม่อยู่

โชคดีที่จ้าวมนตราทั้งสามกางม่านเวทมนตร์ปกป้องรอบกายคิเมร่าเอาไว้ก่อน ซึ่งนั่นช่วยให้รับผลกระทบน้อยลง มิเช่นนั้น พวกคิเมร่าคงต้านแรงกดดันของละอองเวทไม่ไหว

จะเห็นได้ว่าพลังของสามจ้าวมนตราไม่เพียงแต่น่าอัศจรรย์เท่านั้น การควบคุมเองก็ยังไร้ที่ติคู่ควรเป็นสามผู้ใช้มนตราที่เข้มแข็งที่สุด

เวทของธีโอดอร์เป็นศรเวทดอกหนึ่ง ตัวลูกศรมีความยาวราวสามเมตรจนดูคล้ายหอกเล่มหนึ่ง หลังจากละอองเวทก่อรูปจนเสร็จสมบูรณ์ก็กลายเป็นศรเวทที่เปล่งประกายดอกหนึ่ง

สายตาธีโอดอร์จับจ้องแม่ทัพราแจ็คที่กำลังต่อสู้อยู่กับคาร์นเขม็ง เมื่อราแจ็คเห็นศรเวทกำลังเล็งมาที่ตน มันก็รีบถอยหนีโดยไม่ลังเล มันทราบดีว่าหากหลบการโจมตีนี้ไม่พ้น มันคงต้องจบชีวิตเป็นแน่

น่าเสียดายที่ผู้ลงมือคือธีโอดอร์ มันยังจะมีโอกาสหลบหนีอีกหรือ?

ศรเวทพุ่งแหวกฝ่าอากาศก่อนจะพุ่งทะลวงผ่านร่างราแจ็ค

ตูม…….

ศรเวทนี้แม่นยำยิ่ง มันทะลวงผ่านร่างราแจ็คไปกระแทกกับพื้นดินด้านหลังจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ หลังจากนั้นราวห้าวินาทีระลอกพลังเวทก็ระเบิดออกมาจากภายในหลุมจนพื้นดินสั่นสะเทือน

ราแจคหลังจากถูกระลอกพลังเวทก็ร่างระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที

“ให้ตายเถอะ ตาแก่นี่จะโหดไปถึงไหน” เซียวอวี๋อ้าปากค้าง ในที่สุดก็ได้รับทราบความร้ายกาจของตาแก่ที่ตนอยู่ด้วยมานาน หากเปลี่ยนเป็นเขาที่โดนศรเวทดอกนี้เข้าไป เกรงว่าแม้แต่ซากก็คงไม่เหลือ

ต่อเป็นโล่ศักดิ์สิทธิ์ของพาลาดินก็ป้องกันไม่ได้ แม้ทักษะโล่ศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่งจนแทบไร้เทียมทาน กระนั้นก็ยังมีขีดจำกัด สำหรับการโจมตีที่ทะลุทะลวงทุกสิ่งแบบนี้ เกรงว่าจะต้านไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว

ต่อหน้าศรเวทดอกนี้ การป้องกันใดๆก็กลายเป็นบางเบาดุจกระดาษ

ถัดจากเวทของธีโอดอร์ก็เป็นคราวของชัคคุน เขาเริ่มร่ายเวทขึ้นทันที ไม่นาน มังกรเพลิงตัวยาวหลายร้อยเมตรก็ปรากฏเป็นรูปเป็นร่าง มังกรเพลิงร้องคำรามก่อนจะพุ่งเข้าใส่โมแอม

สิ่งที่โมแอมโดดเด่นที่สุดคือการดูดซับเวทมนตร์ ดังนั้นมันจึงถือเป็นดาวข่มของผู้ใช้มนตราทั้งหลายและเป็นเป้าหมายที่ต้องเร่งกำจัดโดยเร็ว ไม่อย่างนั้น ยิ่งมันอยู่นานมากเท่าใด พวกผู้ใช้มนตราก็ยิ่งอ่อนแอลงเท่านั้น

มังกรเพลิงเลื้อยอยู่ในอากาศราวกับกำลังประกาศศักดาต่อโลกหล้า สายตาของมันจับจ้องอยู่ที่โมแอมเขม็ง

โมแอมดูดซับมานาจากในอากาศพลางปลดปล่อยเวทมนสังหารกองทัพมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ทว่าตอนนั้นเองหางตาของมันก็เหลือบเห็นมังกรเพลิงกำลังบินลงมาจากฟ้า มันพยายามจะพุ่งหลบแต่โชคร้ายที่สายไปเสียแล้ว

มังกรเพลิงพุ่งเข้าพัวร่างกายของโมแอมก่อนจะปลดปล่อยเพลิงออกมาจนโมแอมกรีดร้องอย่างหวาดกลัว เสียงของมันยิ่งมายิ่งเบาลง ขณะที่ผิวกายของมันค่อยๆถูกเผาเป็นเถ้าไปที่ละชั้นจนสุดท้ายเหลือทิ้งไว้เพียงขี้เถ้ากองหนึ่ง

หลังเผาโมแอมจนเป็นขี้เถ้ามังกรเพลิงก็ไม่ได้หายไปทันที มันโผบินเข้าหากองทัพเซิกก่อนจะปลดปล่อยเพลิงเผาแมลงปีกเหล็กที่กำลังขวางทางทัพพยัคฆ์จนเหี้ยน หลังจากนั้นไม่กี่นาที ร่างของมังกรเพลิงก็เกิดการระเบิดก่อนจะสลายหายไป

เปลวเพลิงที่เกิดจากการระเบิดได้เผาพวกเซิกที่อยู่ใกล้จนตกตายฝูงใหญ่…..