ฉางกูตกลงร่วมมือกับเฉินเกอ และพวกเขาก็ทำข้อตกลงคร่าว ๆ หลังจากสัญญาว่าจะมาหาใหม่อีกครั้งคืนถัดไป เฉินเกอก็ผลักเปิดประตูโรงละครส่วนตัว ท้องฟ้าด้านนอกสว่างขึ้นแล้ว ทันทีที่เฉินเกอก้าวเท้าออกจากโรงละคร โทรศัพท์เครื่องดำก็สั่นอีกครั้ง

“ขอแสดงความยินดี ผู้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าวิญญาณ คุณดูหนังในโรงละครแห่งซากจบ ขอแสดงความยินดีที่ทำภารกิจระดับสองดาวส่วนแรก– ดวงตาข้างซ้าย สำเร็จ!

“สำหรับภารกิจส่วนที่สอง ตามหาพี่ชายของเหวินอวี้ ฉางกู และได้รับความชื่นชอบจากเขา!

“ขอแสดงความยินดี ผู้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าวิญญาณที่ทำภารกิจส่วนที่สองสำเร็จ

“สำหรับภารกิจส่วนที่สาม เดินทางไปยังโรงพยาบาลจิตเวชจิ่วเจียงเพื่อให้เห็นสีสันของความฝันของเหวินอวี้ด้วยตัวคุณเอง!

“คำเตือน! ภารกิจนี้มีปัจจัยที่ไม่แน่นอนหลายอย่าง หลังจากทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับความชื่นชอบจากเหวินอวี้ ชิวเหมย และฉางกูมากขึ้น! จะสามารถปลดล็อกฉากระดับสองดาว โรงละครคนตายและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทำภาพยนตร์!”

เห็นข้อความบนโทรศัพท์เครื่องดำ ความปรารถนาจะทำภารกิจระดับสองดาวให้สำเร็จของเฉินเกอก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น นอกจากจะมอบฉากระดับสองดาวใหม่ให้เขาแล้ว เขายังได้อุปกรณ์ที่มีประโยชน์อีกมากมาย ก่อนหน้านี้ เขาสัญญากับพนักงานรับโทรศัพท์สายด่วนฆ่าตัวตายว่าจะช่วยเขาถ่ายหนังเรื่องหนึ่งให้เสร็จ ตอนนี้ เขามีผู้กำกับและนักแสดงแล้ว และหลังจากทำภารกิจสำเร็จ เขาก็จะมีอุปกรณ์ที่จำเป็นด้วย

“ถึงแม้ว่าภารกิจทดลองนี้จะค่อนข้างซับซ้อน แต่รางวัลก็ดีงามตามไปด้วย ฉันอยากรู้ว่าปัจจัยที่ไม่แน่นอนที่โทรศัพท์เครื่องดำเตือนหมายถึงอะไร?” เฉินเกอนั้นเข้าใจกฎของภารกิจที่โทรศัพท์เครื่องดำให้อยู่แล้ว– รางวัลนั้นเป็นสัดส่วนกับระดับของอันตราย

“สีสันของความฝันของเหวินอวี้? ความฝันของคนเรามีสีด้วยเหรอ?” คำอธิบายของภารกิจนั้นค่อนข้างประหลาด เฉินเกอบอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเหวินอวี้ในภารกิจคือเหวินอวี้ในชีวิตจริงหรือว่าวิญญาณของเหวินอวี้

“เอาเถอะ ฉันแน่ใจว่าถึงที่สุดแล้วทุกอย่างก็จะกระจ่าง ไม่จำเป็นต้องคิดให้มากไป คืนพรุ่งนี้ ฉันจะพาฉางกูไปเยี่ยมเหวินอวี้ด้วยกัน” เฉินเกอไม่คิดที่จะกลับคำ ไม่ว่าจะเป็นชิวเหมยหรือเหวินอวี้ เขาเห็นคุณค่าของทั้งสองคน

ด้วยคำยืนกรานของฉางกู เฉินเกอนำพนักงานทั้งหมดของเขากลับออกมาจากฮอลิเดย์วิลล่าเขาหยงหลิง เขาเดินอยู่นานกว่าจะเรียกแท็กซี่ได้คันหนึ่งที่ยอมรับเขาขึ้นรถ

เฉินเกอไม่รู้สึกเหนื่อยถึงแม้ว่าจะไม่ได้หลับเลยสักวินาที การปรากฏตัวของดวงตาข้างซ้ายทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับภารกิจระดับสี่ดาว โรงเรียนแห่งปรโลก และความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจเขา ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ จางหยางนั้นยังไม่ตื่นขึ้นก่อนที่ภารกิจโรงเรียนแห่งปรโลกจะหมดเวลาแน่ ๆ เมื่อไม่มีเธอ ความยากของภารกิจก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

เฉินเกอนั้นลังเลอยู่ว่าเขาควรจะเสี่ยงดีหรือไม่ สวนสนุกแห่งอนาคตกำลังจะเปิดแล้ว ถ้าไม่มีฉากน่าตื่นเต้นใหม่ ๆ ความนิยมของสวนสนุกนิวเซนจูรี่ที่เพิ่งมีมาก็อาจจะถูกสวนสนุกแห่งใหม่แย่งชิงไป เขาพยายามอย่างหนักก็เพื่อวันนี้ และตอนนี้ก็เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว

“ถ้าฉันสามารถหาข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับโรงเรียนแห่งปรโลกได้ระหว่างทำภารกิจดวงตาข้างซ้าย อย่างนั้นฉันก็จะไปดูรอบ ๆ โรงเรียนผีนั่นก่อนที่เวลาจะหมดลง” ยอมแพ้โดยไม่ได้ไปดูสถานที่ด้วยซ้ำนั้นเป็นสิ่งที่เฉินเกอทำไม่ได้

เฉินเกอเอนหลังพิงเบาะ มองไปยังเงาของตัวเองและก็จมลึกไปในภวังค์ เขากลับไปถึงสวนสนุกนิวเซนจูรี่ตอนแปดโมงเช้า เขาเพิ่งเข้าประตูไปก็เห็นคนสองคนเดินอยู่หน้าทางเข้าบ้านผีสิงของเขา

“ลุงซู? จิงจิ่ว? พวกคุณสองคนมาเช้านะวันนี้” เฉินเกอวางกระเป๋าลงที่เก้าอี้ไม้และเก้าอี้ก็ลั่นเอี๊ยดจากน้ำหนักกดทับ

“แกออกไปข้างนอกคนเดียวอีกแล้วเมื่อคืนนี้?” ลุงซูมองเก้าอี้ที่ดูเหมือนจะพังลงไปเมื่อไหร่ก็ได้

“ผมแค่ออกไปวิ่งตอนเช้า” เฉินเกอแก้ตัวง่าย ๆ

“วิ่งกับกระเป๋าหนักขนาดนั้นน่ะนะ?” ลุงซูถอนหายใจอย่างจนปัญญา “แกไม่ใช่เด็กหนุ่ม ๆ แล้วนะ หยุดเสียเวลาเปล่ากับกิจกรรมกลางคืนได้แล้ว ทางที่ดีก็หาเมียสักคนมาทำให้ชีวิตของแกเข้ารูปเข้ารอยสักที”

“ลุงซู ลุงคงไม่ได้มาเช้าป่านนี้เพื่อแนะนำคู่หมายให้ผมนะ?” เฉินเกอมองเงาตัวเองแล้วก็ปาดเหงื่อที่ไหลลงมาตามใบหน้า

“ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น” ลุงซูถอนหายใจ “เมื่อกี้นี้ ฉันได้รับโทรศัพท์จากผู้อำนวยการลั่ว เมื่อคืน คนจากสถาบันฝันร้ายซินไห่เปิดกระทู้หลายกระทู้บนกระดานสนทนาใหญ่ที่สุดบนออนไลน์เกี่ยวกับบ้านผีสิงของแก พวกเขาตั้งคำถามเรื่องความปลอดภัยของบ้านผีสิงของแก และกระทู้ก็ได้รับความนิยมเร็วมาก ผู้อำนวยการลั่วเชื่อว่ามีคนของสวนสนุกแห่งอนาคตอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่”

“สถาบันฝันร้าย? พวกเขาอีกแล้ว? ผมยังไม่ทันเรียกร้องให้พวกเขาออกมาอธิบาย และพวกเขาก็ยังมาหาเรื่องเราแล้ว?” เสียงของเฉินเกอนั้นแฝงอันตรายไว้

“แกคิดจะทำยังไง? ใจเย็นก่อนนะ! อย่าทำอะไรวู่วาม!” ลุงซูหยุดเฉินเกอไว้ทันที

“ผู้อำนวยการลั่วให้ฉันมาที่นี่แต่เช้าเพื่อเตือนแก บอกให้แกเก็บตัวเงียบ ๆ อย่าปล่อยให้พวกเขาเอาเปรียบแกได้ หลังจากพวกเราผ่านการเปิดตัวของสวนสนุกแห่งอนาคตไปได้ ทุกอย่างก็ไม่เป็นไรแล้ว”

“พวกเราทำอะไรเปิดเผยเสมอ จะมีอะไรที่พวกเขาจะเอาเปรียบเราได้กัน?”

“แกพูดไม่ผิด แต่ว่าพวกเราก็รับรองไม่ได้ว่าพวกเขาจะไม่เล่นวิธีสกปรกและแต่งเรื่องขึ้นมา” ลุงซูต้องการให้เฉินเกอระมัดระวังให้มากขึ้น

“ลุงพูดออกมาเองนะ ลุงซู พวกเขาลดตัวลงต่ำไปเพื่อสร้างปัญหาให้พวกเรา ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมคิดว่าพวกเราก็ควรจะใช้วิธีการที่ต่างออกไปรับมือกับปัญหานี้” เฉินเกอคว้ากระเป๋าหนังอึ้งแล้วมองเข้าไปข้างใน

“แกคิดจะทำอะไร?” ลุงซูรู้สึกไม่ดี

“ในเมื่อพวกเขาต้องการหาข้อบกพร่องของเราทั้งที่มันไม่มี อย่างนั้นผมก็จะไปจัดการพวกเขาซะ ทีนี้ก็จะไม่มีใครมาหาเรื่องพวกเราอีกใช่ไหม?” เฉินเกอตอบเหมือนว่าความจริงก็เป็นอย่างนี้

“จัด.. จัดการพวกเขา?” ลุงซูก้าวเท้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง เหมือนเขาได้ยินที่เฉินเกอพูดไม่ชัดและอยากจะฟังให้ชัดเจน

“ง่ายจะตาย ผมจะไปที่ซินไห่วันนี้” เฉินเกอตบไหล่ลุงซู “ไม่ต้องห่วง ตอนนี้มีรถไฟระหว่างเมือง ไปกลับก็แค่สองชั่วโมงเท่านั้น ผมจะกลับมาก่อนมืด”

“แกคิดจริง ๆ หรือว่าฉันเป็นห่วงเรื่องนั้น?” ลุงซูผลักแขนเฉินเกอทิ้ง “นี่เป็นปัญหาทางธุรกิจ อย่าได้ทำให้มันกลายเป็น…”

“ไม่ต้องห่วง ให้ผมจัดการเอง ผมจะไม่ทิ้งหลักฐานเอาไว้”

“หลักฐานอะไร? แกอย่าไปสร้างเรื่องนะ!”

หลังจากปลอบลุงซูแล้ว เฉินเกอก็หันไปหาจางจิงจิ่ว “จิงจิ่ว ทำไมนายถึงมาเช้านักล่ะวันนี้?”

“บอส ผมจะมาลางานวันหนึ่งครับ” จางจิงจิ่วดึงโทรศัพท์ออกมา มีข้อความบนนั้น “พ่อของผมเข้าโรงพยาบาล ผมอยากไปเยี่ยม”

“ไม่มีปัญหา” เฉินเกอตอบตกลงอย่างง่ายดาย “ถ้าฉันจำไม่ผิด นายเคยบอกว่าพ่อของนายอยู่ที่เมืองซินไห่”

“ครับ”

“อย่างนั้นก็ยอดเยี่ยมเลย ฉันจะไปซินไห่กับนาย พวกเราจะนับมันเป็นการไปดูงาน” สายตาของเฉินเกอย้ายจากทั้งสองคนไปที่ขอบฟ้า “หลังจากพวกเรารอดพ้นจากการเปิดตัวสวนสนุกแห่งอนาคตไปได้และไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว พวกเราก็สามารถคิดถึงการเปิดสาขาที่ซินไห่ได้ คนที่นั่นน่าจะดีใจที่ได้รู้ว่าในที่สุดพวกเขาก็จะได้สัมผัสกับความหมายที่แท้จริงของคำว่าสยองขวัญแล้ว”