บทที่ 469 เหวมรณะ

ในระหว่างที่หลงเฉินกำลังลากรถม้า เขาก็พยายามทำความเข้าใจกับเคล็ดวิชาของมังกรครามที่หลิงตู้ฉิงถ่ายทอดให้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันทำให้ความเร็วในการลากรถม้าของเขานั้นเร็วกว่าเมื่อก่อนมาก

เดิมทีเผ่ามังกรของพวกเขาเองก็มีความสามารถในการควบคุมลมและเมฆอยู่แล้ว และยิ่งตอนนี้หลังจากที่หลงเฉินทำความเข้าใจเคล็ดวิชาที่หลิงตู้ฉิงมอบให้ มันก็ส่งผลให้เขาเข้าใจความสามารถโดยกำเนิดของมังกรครามมากยิ่งขึ้น

ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นของหลงเฉิน แต่เดิมเขาคงต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนในการบินออกจากทะเลชางหมาง แต่ตอนนี้เขาใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้นก็ได้มาถึงเมืองเจินไห่แล้ว

“นายท่าน ตัดสินใจจะไปที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเราตอนนี้เลยงั้นเหรอ?” โม่เอ๋อถามอย่างมีความสุข

ในขณะที่นางพูด นางก็ส่งมอบค่ายกลกระบี่เหินเมฆาให้เย่ชิงเฉิง

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ใช่ จุดประสงค์หลักที่ข้าออกจากทะเลชางหมางรอบนี้ก็เพราะข้าจะเดินทางไปที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า แต่ยังไงซะก่อนที่เราจะไปที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะต้องแวะไปที่อื่นก่อนอีกสองแห่ง”

“สามี ท่านจะไปแวะที่ไหนก่อนงั้นเหรอเรา?” เยว่ชิงเฉิงถาม

“ดินแดนหยูชาน” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “ข้าต้องไปแวะที่อารามนวดาราก่อนเป็นที่แรก!”

เยว่ชิงเฉิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “หืม? ท่านจะไปที่อารามนวดาราทำไม?”

ในทางกลับกัน โม่เอ๋อตะลึงไปชั่วขณะและมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที นางพูดว่า “นายท่านคงไม่คิดที่จะคืนสมบัติวิเศษของอารามนวดาราให้กับพวกเขาใช่ไหม?”

“เกิดอะไรขึ้น?” เยว่ชิงเฉิงถามด้วยความประหลาดใจ

โม่เอ๋อตอบกลับพร้อมกับหัวเราะ “ก่อนหน้านี้เราได้พบกับผู้เชี่ยวชาญของอารามนวดาราที่ถูกวิญญาณปีศาจครอบงำที่เมืองหยูหลัน…”

เมื่อ 10 กว่าปีก่อนตอนที่หลิงตู้ฉิงจัดการกับวิญญาณปีศาจที่เมืองหยูหลัน เขาได้พบกับผู้เชี่ยวชาญของอารามนวดาราที่ถูกวิญญาณปีศาจครอบงำ จากนั้นเมื่อพวกเขาทำการทำลายเศษเสี้ยวของวิญญาณปีศาจที่ครอบงำร่างชายผู้นั้น ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะทำลายเศษเสี้ยววิญญาณได้ชายผู้นั้นก็ต้องตายอยู่ดี แต่ก่อนที่ชายผู้นั้นจะตายเขาได้มอบสมบัติประจำสำนักของเขาให้กับหลิงตู้ฉิง และขอร้องให้หลิงตู้ฉิงนำมันไปคืนให้ที่สำนักของเขาอารามนวดารา

และในตอนนี้ที่เวลาผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาหลิงตู้ฉิงนั้นไม่เคยมีโอกาสหรือเวลาที่จะไปคืนสมบัติวิเศษนี้ให้กับอารามนวดาราเลย ดังนั้นเมื่อในตอนนี้ที่เส้นทางไปยังสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์จะต้องผ่านดินแดนที่อารามนวดาราตั้งอยู่ หลิงตู้ฉิงจึงตั้งใจที่จะไปทำตามคำร้องขอของผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นให้จบไป

เย่ชิงเฉิงมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความเข้าใจ นางรู้ว่าอันที่จริงแล้วสำหรับสามีของนาง สมบัติวิเศษทั้งสองชิ้นนี้นั้นไม่ได้มีค่าอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวของหลิงตู้ฉิงแล้ว หากเขาได้รับปากอะไรไว้กับใคร เขาจะทำตามที่เขาเคยพูดไว้อย่างแน่นอน ดังนั้นมันจึงไม่แปลกเลยที่สามีของนางจะต้องไปที่อารามนวดารา

“อืม จากจุดที่เราอยู่เราก็น่าจะใช้เวลาไม่นานนักก็จะถึงอารามนวดารา!” เยว่ชิงเฉิงหัวเราะ “ว่าแต่สามีแล้วหลังจากที่เราไปคืนสมบัติที่อารามนวดาราเสร็จ เราจะไปที่ไหนต่องั้นเหรอ?”

หลิงตู้ฉิงหยุดชั่วขณะแล้วพูดว่า “สถานที่ที่ข้าต้องแวะต่อไปก็คือ อาณาเขตสุสานกระบี่!”

เขาต้องไปดูให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่สุสานกระบี่นั่น

ทาสกระบี่อยู่เคียงข้างเขามานานกว่า 3,000 ปีแล้ว แต่เขากลับไม่รู้แม้แต่ชื่อของทาสกระบี่

แต่ตอนนี้เมื่อเขาได้รู้ข่าวว่าทาสกระบี่ตายไปแล้ว และทิ้งสุสานกระบี่ไว้ข้างหลัง ซึ่งมันทำให้เขานึกถึงคนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์คนนี้ เขาจึงต้องไปดูให้เห็นกับตาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เยว่ชิงเฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและไม่พูดอะไร

เย่หยูหลัน ซึ่งอยู่ด้านข้างก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงแบบเงียบ ๆ

เทพกระบี่ได้ทิ้งสุสานกระบี่ไว้ข้างหลัง และภายในนั้นยังมีชุดวิชากระบี่อีกด้วย ซึ่งคนตรงหน้าของพวกนางกลับรู้วิชากระบี่ชุดนี้ที่ไม่มีผู้ใดรู้อีกต่างหาก ดังนั้นพวกนางจึงมีได้แต่คาดเดาถึงภูมิหลังของหลิงตู้ฉิง ที่เขาไม่เคยพูดถึงมันให้ทุกคนรู้เลยแม้แต่น้อย

แต่เย่ชิงเฉิงเชื่อว่าวันหนึ่งความจริงจะถูกเปิดเผย

หลิงตู้ฉิงมองไปที่เย่ชิงเฉิง และถามว่า “ตอนที่เจ้ามาที่นี่ เจ้ามาจากประตูเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคที่ถูกสร้างขึ้นที่ไหน?”

ระยะห่างระหว่างูมิภาคหนานลี่ที่พวกเขาอยู่และสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์นั้นถูกคั่นด้วยดินแดนมากมายนับไม่ถ้วน หากพวกเขาใช้วิธีการเดินทางโดยการบินผ่านอาณาเขตและดินแดนต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ เช่นนี้มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึงที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ภายใน 400 กว่าปี หากพวกเขาต้องการประหยัดเวลา พวกเขาจะต้องเดินทางโดยประตูเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคเท่านั้น

อย่างไรก็ตามประตูเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคนั้นไม่ใช่สิ่งที่อาณาจักรธรรมดาทั่วไปจะมีได้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการสร้างของมันนั้นมหาศาลมาก ดังนั้นจำนวนของมันจึงมีน้อยมาก ๆ และประตูเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคที่ส่งผู้คนไปยังปลายทางในจุดที่ใกล้กับสำนักมหาอำนาจเช่นนี้ อาณาจักรที่ดูแลประตูเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคอยู่จะต้องเป็นอาณาจักรหรือขุมกำลังที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดหรือเป็นสาขาของสำนักมหาอำนาจเหล่านั้นเท่านั้น

เนื่องจากประตูเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคนั้นมีความสามารถส่งผู้คนจำนวนมากไปยังปลายทางได้ตลอดเวลา หากมันถูกใช้โดยกองกำลังของศัตรู มันจะเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก ๆ สำหรับสำนักที่อยู่ปลายทาง

ตัวอย่างเช่นความสัมพันธ์ระหว่างสำนักเบญจธาตุและสำนักสายธารทองคำ หรือความสัมพันธ์ระหว่างตำหนักมังกรและภูเขาเอ้อหลงเป็นต้น

เย่ชิงเฉิงหัวเราะและพูดว่า “สำนักของเรามีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างใกล้ชิดกับ สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่ในอาณาเขตวารีทมิฬ ในตอนที่ข้าเดินทางมาอาณาเขตนภาข้าก็มาจากประตูเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคที่ถูกสร้างขึ้นโดยสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์นั่นแหละ ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่สามารถเดินทางไปถึงอาณาเขตนภาในเวลาเพียงไม่กี่ปีได้”

“อาณาเขตวารีทมิฬ? สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์?” หลิงตู้ฉิงพึมพำ เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสำนักนี้มาก่อน

เย่ชิงเฉิงอธิบายว่า “สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 30,000 ปีก่อน ในตอนช่วงแรก สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ใช่สำนักชั้นนำ แต่ต่อมาผู้อาวุโสของสำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ได้มาพบกับพื้นที่ที่มีมหาวิถีเต๋าดำรงอยู่โดยบังเอิญ จากนั้นพวกเขาจึงย้ายสำนักของพวกเขาเองมาตั้งอยู่ ณ พื้นที่แห่งนั้น ซึ่งมันก็คือที่ตั้งปัจจุบันของสำนัก ซึ่งในตอนที่สำนักใหม่ของพวกเขากำลังก่อตั้งขึ้น ผู้อาวุโสของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของเราก็ให้ความช่วยเหลือพวกเขาไว้มากในช่วงเวลานั้น นั่นคือเหตุผลที่ทั้งสองสำนักเชื่อมโยงกัน”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าช้า ๆ พร้อมกับเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงไม่รู้จักสำนักนี้ นั่นก็เพราะมันเป็นสำนักที่เพิ่งมาเฟื่องฟูเอาตอนเมื่อสามหมื่นปีก่อน

สองเดือนต่อมา หลงเฉินได้ลากรถม้ามาถึงที่ชายขอบของอาณาเขตนภาแล้วและหยุดลง

“นายท่าน เหวมรณะอยู่ข้างหน้าแล้ว” หลงเฉินเอ่ยเตือนหลิงตู้ฉิง

ระหว่างอาณาเขตทั้งหลายมันจะมีพื้นที่ที่ขั้นแบ่งระหว่างอาณาเขตต่าง ๆ อยู่ ซึ่งพื้นที่นั้นจะเรียกว่า เหวมรณะ ภายในพื้นที่ของเหวมรณะนั้นพลังแห่งกฎต่าง ๆ จะบิดเบี้ยววุ่นวายรุนแรงเป็นอย่างมาก หากปราศจากความแข็งแกร่งเหนือระดับสวรรค์สามัญแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านมันไป พวกเขาต้องใช้อาณาเขตสวรรค์เพื่อปกป้องตัวเองและใช้อาณาเขตสวรรค์เพื่อต่อต้านกฎอันบิดเบี้ยวที่อยู่ในนั้น เพื่อที่จะไม่ร่วงหล่นลงไปในก้นเหวที่ไม่มีใครทราบว่ามีความน่ากลัวอะไรรอพวกเขาอยู่

และนอกเหนือจากที่ในบริเวณเหวมรณะจะมีอันตรายที่เกิดจากกฎที่บิดเบี้ยวอย่างรุนแรงแล้วมันยังมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในเหวมรณะ ซึ่งหากใครต้องการที่จะผ่านพื้นที่ของเหวมรณะไปจะต้องระวังการโจมตีของพวกมัน ดังนั้นหากไม่มีความแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่ง มันจะไม่มีใครกล้าบินข้ามอาณาเขตไปแน่นอน

ในหมู่พวกเขาระดับการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงนั้นอยู่เพียงแค่ในขอบเขตประสานทะเลปราณ แม้แต่หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวก็อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราเท่านั้น แม้ว่าเย่ชิงเฉิงจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตนภาแล้ว แต่นางก็ยังมีความสามารถไม่พอที่จะผ่านเหวมรณะที่กั้นขวางระหว่างอาณาเขตได้

ดังนั้นหลงเฉินจึงต้องพูดเตือนหลิงตู้ฉิงก่อน เพื่อที่จะให้หลิงตู้ฉิงบอกกับโม่เอ๋อและเย่หยูหลัน ซึ่งเป็นสองคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา เปิดใช้งานอาณาเขตสวรรค์ปกป้องพวกเขาเอาไว้

เย่หยูหลันเหลือบมองไปที่หลิงตู้ฉิง โดยที่นางพร้อมจะใช้ทักษะอาณาเขตสวรรค์ของนางได้ทุกเมื่อ แต่เพราะนางไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงเต็มใจที่จะอยู่ภายใต้อาณาเขตสวรรค์ของนางหรือไม่ นางจึงยังไม่กล้าที่จะทำอะไรอย่างบุ่มบ่าม

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวบ่งบอกว่าเขาไม่ต้องการอยู่ภายใต้อาณาเขตสวรรค์ของเย่หยูหลัน เขาหันไปพูดกับเย่ชิงเฉิงแทน “เปิดใช้งานค่ายกลกระบี่เพื่อปกป้องพวกเราทุกคน”

เย่ชิงเฉิงพยักหน้าและเปิดใช้งานค่ายกลกระบี่เหินเมฆาทันที ส่งผลให้กระแสพลังของเจตจำนงกระบี่เข้าล้อมรอบพวกเขา

เมื่อเห็นว่าทุกคนถูกปกป้องเรียบร้อย หลงเฉินจึงบินเข้าไปในพื้นที่ของเหวมรณะ ทันที

ซึ่งในวินาทีแรกที่หลงเฉินลากรถม้าลอยเข้าไปในเขตเหวมรณะ สายลมอันรุนแรงและแหลมคมก็โหมพัดเข้าใส่เขาทันที แต่มันก็ถูกสลายไปโดยค่ายกลกระบี่เหินเมฆาทันทีเช่นกัน ซึ่งความรุนแรงของสายลมนี้เทียบเท่ากับการโจมตีจากผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญ!

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หลงเฉินก็ผ่อนคลายลงและบินตรงเข้าไปเรื่อย ๆ อย่างกล้าหาญ

ทางด้านของหลิงตู้ฉิงก็มองลงไปยังเหวมรณะด้วยสายตาครุ่นคิด มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ชัดว่าเหวลึกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

เหวมรณะนี้คือผลพวงของเหตุการณ์ที่อัจฉริยะในอดีตผู้นั้นต้องการที่จะทำลายโลกใบเดิมเพื่อสร้างโลกใหม่ แต่ล้มเหลวจนโลกใบใหม่ที่ต้องการสร้างกลายเป็นเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ส่วนโลกใบเดิมที่เกือบถูกทำลายก็กลายสภาพมาเป็นเช่นนี้หลังจากวิวัฒนาการต่อมาจากซากปรักหักพังนานหลายหมื่นปี

เมื่อสายลมอันรุนแรงนั้นได้พัดผ่านไป ทันใดนั้นจุดเล็ก ๆ สีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็บินเข้ามาชนกับค่ายกลกระบี่เหินเมฆา ส่งผลให้จุดสำดำเล็ก ๆ เหล่านั้นกลายเป็นหมอกเลือดกระจุยกระจายอยู่นอกค่ายกลกระบี่

“สามี แมลงปีศาจ!” เย่ชิงเฉิงรีบตะโกนขึ้น

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกมันก็แค่แมลงปีศาจ พวกมันไม่สามารถผ่านเข้ามาได้หรอก!”