บทที่ 470 สถานการณ์ที่ย่ำแย่ของอารามนวดารา

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 470 สถานการณ์ที่ย่ำแย่ของอารามนวดารา

ภายใต้ผลของค่ายกลกระบี่เหินเมฆา กลุ่มของหลิงตู้ฉิงก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรจากการโจมตีของฝูงแมลงปีศาจแม้แต่น้อย

3 วันต่อมา หลงเฉินก็ได้ลากรถม้าออกมาพ้นจากเหวมรณะที่ขั้นระหว่างอาณาเขตนภาและอาณาเขตหยกพิสุทธิ์ ซึ่งในตอนนี้พวกเขาได้เข้ามาในอาณาเขตหยกพิสุทธิ์เรียบร้อยแล้ว

แต่ด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครในกลุ่มพวกเขาที่คุ้นเคยกับอาณาเขตหยกพิสุทธิ์ ดังนั้นหลังจากที่พวกเข้ามายังอาณาเขตหยกพิสุทธิ์ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องมุ่งหน้าไปทางไหนต่อถึงจะได้พบกับอารามนวดารา แต่พวกเขายังโชคดีที่อารามนวดาราเป็นสำนักที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในอาณาเขตหยกพิสุทธิ์ ตราบใดที่พวกเขาพบกับผู้เชี่ยวชาญที่อาศัยอยู่ที่นี่และสอบถามข้อมูลจากคนเหล่านั้น พวกเขาก็จะรู้ที่ตั้งของอารามนวดาราได้แน่นอน

ในแง่ของความแข็งแกร่งโดยรวม อาณาเขตหยกพิสุทธิ์นั้นเหนือกว่าอาณาเขตนภา

เนื่องจากทั้งในส่วนของอารามนวดาราหรือในส่วนของความแข็งแกร่งของสำนักอื่น ๆ พวกเขาแทบทุกสำนักจะมีผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับนภาคราม(ขอบเขตสวรรค์ระดับ7) เป็นเสาหลักด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งแตกต่างจากความแข็งแกร่งของสำนักที่อยู่ในอาณาเขตนภา ที่ไม่นับรวมกับพวกบรรดาสาขาของสำนักมหาอำนาจที่ส่งมาให้เฝ้าทางออกทะเลชางหมางหรือหอการค้าเชื่อมสวรรค์ที่มาตั้งสาขาอยู่ พวกเขามีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดอยู่ที่ระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์(ขอบเขตสวรรค์ระดับ6) เท่านั้น แถมยังมีเพียงคนเดียวอีกต่างหาก

แต่น่าเสียดายที่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหยูหลัน อันดับความแข็งแกร่งของอาณาเขตหยกพิสุทธิ์ก็ได้กลายเป็นอาณาเขตที่อ่อนแอที่สุด เพราะไม่ว่าจะเป็นอารามนวดาราหรือผู้เชี่ยวชาญของสำนักอื่น ๆ ต่างก็พินาศด้วยเงื้อมมือของวิญญาณปีศาจ

จากนั้น สามเดือนต่อมาพวกเขาก็ได้มาถึงทางเขตตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาเขตหยกพิสุทธิ์ ตามข้อมูลที่พวกเขาได้คอยหยุดถามผู้คนที่พบเจอ อารามนวดาราตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาเขตหยกพิสุทธิ์แน่นอน แต่ปัญหาคือพวกเขาไม่แน่ใจว่ามันตั้งอยู่ตรงจุดไหน

“นายท่าน ข้าเกรงว่าพวกเราคงต้องหยุดถามผู้คนแถวนี้อีกรอบ” เสี่ยวเยว่เฟิงเอ่ยขึ้น “ข้าเห็นว่าข้างหน้ามีเมืองใหญ่อยู่ ข้าคิดว่าเราน่าจะหยุดแวะถามคนแถว ๆ นั้นดีไหมนายท่าน?”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดว่า “อืม งั้นเราก็หยุดพักที่นั่นสักหน่อยก็แล้วกัน”

ที่หลิงตู้ฉิงตัดสินใจเช่นนี้ก็เพราะ ประการแรกเขาไม่รู้ว่าอารามนวดาราอยู่ที่ไหนและประการที่สอง หลงเฉินบินมานานมากแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องการพักผ่อน

นอกจากนี้ หลิงตู้ฉิงยังจำเป็นต้องเข้าใจข้อมูลพื้นฐานต่าง ๆ ของอาณาเขตหยกพิสุทธิ์

นี่เป็นเพราะแม้ว่าสิ่งต่าง ๆ ส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบันจะคล้ายคลึงแบบเดียวกันกับเมื่อหลายหมื่นปีก่อน แต่มันก็ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่เปลี่ยนแปลงไปโดยที่เขาไม่รู้ ตัวอย่างเช่นสำนักใหม่อย่าง สำนักวารีศักดิ์สิทธิ์ ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อสามหมื่นปีก่อน หรือแม้แต่อาณาเขตสุสานกระบี่ที่กำเนิดขึ้น ในระยะยาวอาณาจักรจันทราจะต้องขยายอาณาเขตมาถึงที่นี่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นมันจำเป็นที่เขาจะต้องรู้ข้อมูลเหล่านี้ไว้เพื่อเอาไปบอกเล่าเป็นข้อมูลให้กับลูกชายของเขา

ในไม่ช้ากลุ่มของหลิงตู้ฉิงก็มาถึงเมืองที่เสี่ยวเยว่เฟิงพูดถึง หลงเฉินเปลี่ยนร่างจากมังกรกลายเป็นมนุษย์เหมือนเดิม ในขณะที่เสี่ยวเยว่เฟิงก็เก็บรถม้าเอาไว้ในแหวนมิติของนาง

เมื่อพวกเขาเข้ามาในเมือง พวกเขาเห็นชื่อบนประตูเมืองและรู้ว่าเมืองนี้มีชื่อว่า เมืองเมฆาวารี

หลังจากเข้ามาในเมืองแล้ว พวกเขาก็หาที่พักและพักผ่อนกันอยู่ 2-3 วัน ก่อนที่หลิงตู้ฉิงจะสั่งให้โม่เอ๋อและคนอื่น ๆ ออกไปหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งทางด้านหลิงตู้ฉิงและเย่ชิงเฉิงก็รอข่าวอยู่ภายในที่พัก

หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดโม่เอ๋อก็กลับมาและพูดว่า “นายท่าน เราได้สอบถามไปรอบ ๆ และพบว่า อารามนวดาราอยู่ห่างจากเมืองเมฆาวารีไปทางทิศตะวันตกประมาณ 1,000 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามข้าได้ยินจากหลายคนว่า ปัจจุบันสถานการณ์ของอารามนวดารานั้นไม่สู้ดีนัก”

เสี่ยวเยว่เฟิงยังพูดอีกว่า “ถูกต้อง ข้าเองก็ได้ยินมาว่าหลายสำนักกำลังเตรียมที่จะลงมือกับอารามนวดารา”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “การที่คนอื่นจะทำอะไรกับอารามนวดารานั้นไม่ใช่เรื่องของเรา เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอารามนวดารา เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะข้าแค่ต้องการมาคืนสมบัติสองชิ้นให้พวกเขาเท่านั้น ในเมื่อตอนนี้เราได้พบกับสถานที่ตั้งของอารามนวดาราแล้ว และเราก็พักผ่อนกันจนเต็มอิ่ม ดังนั้นทุกคนจงเก็บของ เราจะมุ่งหน้าไปที่อารามนวดาราทันทีเมื่อทุกคนเตรียมตัวเสร็จ และเมื่อข้าจัดการคืนสมบัติให้พวกเขาเรียบร้อย เราจะมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตสุดสานกระบี่ทันที”

เย่ชิงเฉิงพยักหน้า “สามีพูดถูก จริง ๆ หากจะว่ากันตามจริงก็คือ อารามนวดารานั้นนับได้ว่าเป็นศัตรูของเราด้วยซ้ำ ซึ่งนี่มันก็ดีเท่าไหร่แล้วที่เราไม่ร่วมวงกับคนอื่น ๆ จัดการพวกเขาด้วย”

อันที่จริงแล้ว เย่ชิงเฉิงนั้นไม่อยากเสียเวลากับที่นี่เท่าไหร่นัก นางอยากให้หลิงตู้ฉิงทำธุระที่นี่ให้ให้เสร็จไว ๆ และไปที่สำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์โดยเร็วที่สุด

การไปถึงสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์เร็วขึ้นหนึ่งวัน มันก็หมายถึงว่าหลิงตู้ฉิงจะได้มีเวลาคิดหาทางช่วยเหลือพ่อของนางเพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งวัน ซึ่งมันจะทำให้นางจะมีความอุ่นใจมากขึ้น

ในทางกลับกัน ทางด้านของหลิงตู้ฉิงนั้นต้องการไปที่อาณาเขตสุสานกระบี่โดยเร็วที่สุดมากกว่า

ดังนั้นในเมื่อพวกเขาพบตำแหน่งของอารามนวดาราแล้ว หลิงตู้ฉิงจึงสั่งให้ทุกคนออกเดินทางไปที่อารามนวดาราทันที

ด้วยระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตรไปยังอารามนวดารา โดยการลากรถม้าของหลงเฉิน พวกเขาใช้เวลาเพียงครู่เดียวพวกเขาก็ได้เห็นอารามนวดาราทันที

อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะเข้าใกล้อารามนวดารา พวกเขาก็ถูกหยุดไว้โดยชายกลางคนผู้หนึ่ง

คนที่หยุดรถม้าไว้เป็นชายวัยกลางคนที่มีระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับเหนือล้ำ (ขอบเขตสวรรค์ระดับ3)

“ทุกท่านข้าชื่อ ฉีหู่ จากสำนักหมอกเมฆา ข้าขอถามได้ไหมว่าพวกท่านมาที่นี่เพื่อสนับสนุนอารามนวดาราหรือไม่?” ชายวัยกลางคนถามขึ้น

เสี่ยวเยว่เฟิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ใช่!”

หลังจากที่ฉีหู่ได้ยินคำตอบของเสี่ยวเยว่เฟิง ใบหน้าที่จริงจังของเขาก็ผ่อนคลายลงจากนั้นเขาก็พูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ถ้างั้นพวกท่านต้องการที่จะมาสร้างปัญหาให้กับอารามนวดาราใช่ไหม?”

เสี่ยวเยว่เฟิงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ใช่เช่นกัน! เราจะเข้าไปที่อารามนวดาราเพื่อจัดการเรื่องบางเรื่องกับพวกเขาให้เสร็จ แล้วจากนั้นพวกเราจะจากไป”

ฉีหู่ที่กำลังยิ้มอยู่ขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ จากนั้นเขาพูดขึ้นว่า “ถ้าพวกท่านไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับอารามนวดารา เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด ข้าหวังว่าพวกท่านทุกคนไม่ควรที่จะเข้าไปที่อารามนวดารา!”

“ทำไม?” เสี่ยวเยว่เฟิงถาม

“เพราะในตอนนี้พวกของข้าที่มีความขัดแย้งกับอารามนวดารา กำลังจะลงมือคิดบัญชีกับพวกเขาเร็ว ๆ นี้แล้ว!” ฉีหู่มองไปที่หลงเฉินอย่างหนักใจ “แน่นอนถ้าท่านตกลงที่จะช่วยเราอีกแรง เราจะซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง”

เมื่อฉีหู่มองไปที่หลงเฉิน เขาก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ใครกันที่ใช้ ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์สามัญมาลากรถม้า?

เสี่ยวเยว่เฟิงส่ายหัว “ข้าขอปฏิเสธ เจ้านายของข้าต้องไปที่อารามนวดาราเพื่อทำธุระให้เสร็จสิ้นและเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด ข้าหวังว่าพวกท่านจะเปิดทางให้เรา มิฉะนั้นหากมีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นก็อย่าได้โทษพวกเรา”

ฉีหู่ขมวดคิ้วหนักขึ้น

ในขณะเดียวกันกับที่ฉีหู่ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจทำอะไรต่อ ชายชราผู้หนึ่งที่อยู่ในระดับนักบุญ(ขอบเขตสวรรค์ระดับ4) ก็บินเข้ามาและถามว่า “ฉีหู่ เกิดอะไรขึ้น?”

“ผู้อาวุโส พวกเขาต้องการเข้าไปที่อารามนวดารา!” ฉีหู่ตอบ

ชายชราผู้นั้นมองไปที่เสี่ยวเยว่เฟิงกับหลงเฉิน และพูดว่า “ตอนนี้อารามนวดาราได้ถูกปิดล้อมไปด้วยสำนักทั้งสี่ของเรา ไม่ว่าท่านจะมีความสัมพันธ์ใดกับอารามนวดารามันจะดีที่สุดสำหรับพวกท่านที่จะหันกลับไป มิฉะนั้นเราจะมองว่าพวกท่านเป็นหนึ่งในสหายของอารามนวดารา!”

หลิงตู้ฉิงที่ได้ยินการสนทนาทั้งที่อยู่ด้านนอกเริ่มขมวดคิ้ว

เขาเกลียดคนที่พูดมากเกินไป

แต่เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์เคยเอ่ยกับเขา ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะอดทนไว้ก่อน

ในทางกลับกัน เย่ชิงเฉิงเริ่มหมดความอดทน นางชักไม่เข้าใจว่าทำไมช่วงนี้เวลานางจะไปไหนมาไหนมักชอบมีคนมาขวางทางของนางอยู่เสมอ ไอ้คนพวกนี้มันรนหาที่ตายนัก!

“โม่เอ๋อ เจ้าจงออกไปทำให้พวกเขาหลีกทางให้เรา ข้าไม่ต้องการที่จะเสียเวลาที่นี่นานนัก!” เย่ชิงเฉิงสั่ง

โม่เอ๋อพยักหน้าและเดินออกจากรถม้าทันที และพูดกับฉีหู่ และชายชราว่า “จงหลีกไปให้พ้น ๆ นายท่านของข้าจะผ่านเข้าไป!”