ยอฮึนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อจนทำได้แค่หัวเราะออกมาเบาๆ มิน่าล่ะ ไม่แปลกใจเลย บุรุษด้านหลังคือขอทานนี่เอง ดูได้จากชุดซอมซ่อและห้อยดาบหนึ่งเล่มกับขวดเหล้าที่เอว คงตั้งใจจะทำให้นางโลมประทับใจจะได้เหล้าถูกๆ มากินฟรีสินะ หลังความตั้งใจว่าจะตัดคอมันทิ้งซะหายไปหมดสิ้น ยอฮึนก็กระดิกนิ้วอย่างเซ็งๆ
“วันนี้ข้าอารมณ์ดี จะยอมปล่อยไปแล้วกัน รู้ไว้ด้วยว่าเจ้าน่ะโชคดี แล้วก็ไสหัวไปซะ”
“ข้าถามว่าร่างกายท่านมีค่าขนาดไหน ตอบไม่ตรงคำถามหนิ”
รอยยิ้มถูกลบออกจากใบหน้ายอฮึน ทหารคุ้มกันที่ซ่อนตัวอยู่รอบด้านเริ่มกังวลใจจึงโผล่พรวดออกมาพร้อมกับจับดาบโดยพร้อมเพรียงกัน สถานการณ์เริ่มเข้าขั้นวิกฤต แต่ชายหนุ่มที่ปรายตามองพวกเขาก็ยังไม่หยุดพูดจาอวดดี
“น่าทึ่งจังเลยนะ ร่างกายตัวเองยังปกป้องไม่ได้ก็เลยใช้วิธีไล่ให้จนมุมสินะ”
“เจ้าหาเรื่องตายเองนะ เป็นพ่อเล้าของผู้หญิงคนนั้นหรือไง”
อีกฝ่ายยักไหล่
“ข้าแค่รู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่เวลาเห็นพวกผู้ชายบังคับขัดขืนใจผู้หญิง ยิ่งเป็นผู้หญิงสวยยิ่งแล้วใหญ่”
เหล่าทหารคุ้มกันชักดาบออกมาโดยพร้อมเพรียงกันเมื่อเขาพูดจบ ชายหนุ่มดันเด็กสาวไปข้างหลังและกระโดดขึ้นกลางอากาศท่ามกลางพายุดาบที่พุ่งเข้ามาราวกับสายฝน ดาบสีนิลดำทะมึนราวกับยามราตรีถูกชักออกมาจากปลอกซึ่งถูกพันด้วยผ้าเก่าๆ และเปล่งแสงสว่าง
“ไอ้ ไอ้ ไอ้บ้านี่!”
ทหารคุ้มกันล้มลงทีเดียวห้าคน ทั้งที่ถูกโจมตีก่อน แต่เขากลับไม่มีร่องรอยใดๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น รอยยิ้มบนริมฝีปากก็ยังปรากฏอยู่ดังเดิม
“รู้อย่างนั้นแล้วก็ไปซะสิ นี่ข้าก็ยอมให้เยอะแล้วนะ”
“ไอ้บ้านี่ รู้ไหมว่าข้าคือใคร!”
“ข้าถามตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ ว่าท่านคือใคร”
ชายหนุ่มปรับท่าจับดาบพร้อมกับกระแหนะกระแหน ความรู้สึกเสียศักดิ์ศรีที่เพิ่งเคยประสบเป็นครั้งแรกในชีวิตทำให้ยอฮึนสั่นงกๆ
“อีกเดี๋ยวข้าก็จะได้เป็นราชบุตรเขยของแทซากุก…!”
“ตายจริง ใต้เท้า!”
ขันทีหน้าซีดดึงตัวยอฮึนให้แยกออกมาโดยลืมบอกไปว่าห้ามพูด
“ปล่อย เอาดาบมาให้ข้า!”
เกิดการทะเลาะกันระหว่างยอฮึนที่เรียกหาดาบกับขันทีที่จับแขนของเขาอย่างเอาเป็นเอาตายขึ้นสักพัก แต่ชายหนุ่มไม่อยู่รอจนเขาได้ดาบ ยอฮึนสะบัดขันทีออกอย่างยากเย็นแล้วเงยหน้าขึ้น แต่ทั้งนางโลม เด็กสาวและชายหนุ่มได้หายตัวไปราวกับหมอกเสียแล้ว
* * *
“ฝ่าบาท องค์ชายรองแห่งอุนกุกขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“อุนกุก?”
ฮอนปิดเอกสารและเอียงคอสงสัย
“องค์ชายรองแห่งอุนกุกมาด้วยตนเองเลยอย่างนั้นหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นเขาจึงอยากเข้าพบและถวายความเคารพฝ่าบาทด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ”
คำสู่ขอระหว่างประเทศมีธรรมเนียมโดยการส่งผู้แทนพระองค์มาเยี่ยมเยียนอีกประเทศพร้อมกับของขวัญและจดหมายขอแต่งงาน แต่นี่องค์ชายมาหาด้วยตนเองเลยงั้นหรือ หากเป็นผู้แทนพระองค์ ยอนก็คงจะจัดการเองได้ แต่พอเป็นองค์ชายของประเทศอื่น ทุกอย่างจึงต่างออกไป ฮอนปล่อยงานเอาไว้ก่อนแล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง
“ให้องค์ชายรองแห่งอุนกุกเข้ามาด้านใน และต้อนรับเขาตามมารยาทของแขกบ้านแขกเมือง ไปเชิญพระมเหสีมาจากวังจานยองด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
ข่าวการมาเยือนอย่างไม่คาดคิดขององค์ชายรองแห่งอุนกุกถูกส่งต่อไปทั่วพระราชวังในทันที คนส่วนใหญ่ต่างให้ความสนใจ แต่ไม่ใช่กับยอนซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องตรงๆ หากเป็นผู้แทนพระองค์ก็คงจะแกล้งพอหอมปากหอมคอแล้วไล่กลับไปก็จบเรื่อง แต่หากองค์ชายมาด้วยตนเอง ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ นางก็ต้องทำตามมารยาททางการทูต ความหงุดหงิดเต็มใบหน้ายอนไม่สงบลงง่ายๆ ทั้งยามถูกเหล่านางในพาไปเปลี่ยนชุด ทั้งยามปักเครื่องประดับผมและแต่งหน้า
“ทำให้หรูหราขึ้นอีก ให้ไม่ดูห่อเ**่ยวมาก”
“เพคะองค์หญิง”
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว การให้อีกฝ่ายก้าวถอยไปเองน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ยอนสวมกระโปรงกว้างแปดพก งดงามมากเสียจนเหมือนถูกถักทอด้วยด้ายทอง เสื้อทำด้วยผ้าไหมจากประเทศตะวันตก รวมถึงคลุมไหล่ด้วยผ้าไหมบาง ผ้าคลุมไหล่ยิ่งบางยิ่งนุ่มก็ยิ่งนับว่าเป็นของคุณภาพดี ซึ่งผืนที่ยอนคลุมอยู่ตอนนี้คุณภาพดีที่สุดจนไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของมันเลยแม้จะเอามาวางไว้บนนิ้วก็ตาม ความจริงแล้วยอนไม่ได้ชอบความหรูหราฟุ่มเฟือยแม้แต่น้อย สิ่งของฟุ่มเฟือยเหล่านี้จึงเป็นเหมือนกับเสื้อเกราะของแม่ทัพที่ออกไปสนามรบสำหรับนาง
“ให้ตายสิ คอจะหักแล้ว”
หลังจากเตรียมตัวออกไปสนามรบเสร็จ ยอนก็พึมพำอย่างไม่สบอารมณ์นัก จะองค์ชายอุนกุกหรือองค์ชายอะไรก็ช่าง นางหวังแค่จะถอดเครื่องประดับหนักๆ นี่ทิ้งโดยเร็ว ยอนครุ่นคิดเช่นนั้นขณะขึ้นรถม้าซึ่งไม่ค่อยได้ใช้ในเวลาปกติ ก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องรับรองแขก ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน ความมีเกียรติในฐานะองค์หญิงผู้เข้าถึงยากก็ปกคลุมตัวนางอย่างเต็มเปี่ยม หลังจากก้าวลงจากรถม้า
“เสด็จทางนี้เลยพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง”
ขันทีที่ออกมารออยู่แล้วเดินนำทาง สิ่งแรกสุดที่ยอนเห็นหลังจากเข้ามาด้านในคือใบหน้าของชินที่กำลังอมยิ้มอย่างน่ารังเกียจ ต่อมาคือกยอลที่มีสีหน้าคล้ายกับกยอม พากันขยับตาโตๆ ไปมา แม้แต่คังที่ไม่ค่อยได้ออกงานก็ยังยิ้มยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อย พวกเขาไม่มีทางยกโขยงกันมาดูองค์ชายรองแห่งอุนกุกหรอก แต่คงจะรวมตัวกันมาเพื่อรอชมปฏิกิริยาของนางต่างหาก ยอนตัดสินใจว่าจะจัดการพวกเขาโดยไม่สนว่าจะเป็นพี่หรือน้องทีหลังพร้อมกับโค้งถวายการคำนับ
“องค์หญิงใหญ่ อียอน ถวายพระพรเพคะฝ่าบาท พระมเหสี”
“มาไวกว่าที่คิดนะ นั่งก่อนสิ”
นึกว่ายอนจะถ่วงเวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วมาในสภาพโกโรโกโสซะอีก แต่กลับปรากฏตัวออกมาอย่างสุภาพเรียบร้อยและตรงเวลาจนคาดไม่ถึง ในเมื่อองค์ชายมาด้วยตนเอง เขาคงจะได้รับความประทับใจไม่น้อย ก็ในเมื่อยอนของพวกเรางดงามถึงเพียงนี้ ฮอนไม่สามารถเก็บซ่อนรอยยิ้มอันปลาบปลื้มใจบนริมฝีปากไว้ได้ จากนั้นจึงชี้ไปยังที่นั่งว่างข้างๆ ตนเอง
“เพคะ เสด็จพ่อ”
ต่างคนต่างมีการตอบสนองต่อเสียงหวานและนั่งลงอย่างเรียบร้อยต่างกัน ชินรู้สึกขนลุกขนชัน คังหลุดขำออกมาเบาๆ ส่วนน้องชายอีกสองคนก็ตีขากันและกัน ฮอนนั่งอยู่ข้างๆ เจ้าของรอยยิ้มแปลกๆ อย่างรยูฮา มองดูลูกสาวด้วยสีหน้าบ่งบอกว่าไม่ว่าใครก็มองว่ายอนสวยจนทำให้ตายได้เลยทีเดียว
ระหว่างนั้น ยอฮึนพยายามขยับปากที่จะอ้าออกหลายรอบอย่างยากเย็น เขาไม่เคยเห็นสตรีที่งดงามขนาดนี้มาก่อนในอุนกุก แม้แต่กระโปรงสีทองกว้างแปดพกก็ยังไม่สง่างามเท่า หากเทียบกับรูปโฉมของนาง
“ทักทายกันสิองค์หญิง องค์ชายรอง นี่คือยอน องค์หญิงใหญ่ ราชธิดาคนเดียวของข้า”
“เป็นเกียรติอย่างมากที่ได้พบ กระหม่อมองค์ชายรองแห่งอุนกุก นามว่ายอฮึนพ่ะย่ะค่ะ”
ยอฮึนยังคงตะลึงงันอยู่รีบลุกขึ้นโค้งคำนับ นอกจากบรรดาสมาชิกในราชวงศ์ทั้งหมดจะมารวมตัวกันเพื่อตนเองที่มาหาอย่างกะทันหันแล้ว องค์หญิงก็ยังแต่งตัวสวยออกมาอีก ทั้งหมดนี่หมายความได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น
แทซากุกยอมรับการสู่ขอของอุนกุกแล้ว ยอฮึนตาเป็นประกายเพราะข้อสรุปที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“องค์หญิงใหญ่แห่งแทซากุก อียอนเพคะ”
ยอฮึนจ้องมองยอนด้วยสายตาเปี่ยมความคาดหวัง แต่สายตาที่ไม่สนใจของยอนกลับมองข้ามเขาอย่างน่าประหลาด และในตอนนั้นเอง
“ฝ่าบาท ด้านนอกพระราชวังมีองค์ชายใหญ่แห่งฮเยกุกมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคนที่คาดไม่ถึง ทำให้ดวงตาของยอนที่รักษาความสงบนิ่งไว้ตั้งแต่แรกสั่นไหวชั่วขณะ
“องค์ชายใหญ่แห่งฮเยกุก? หมายถึงองค์รัชทายาทที่ถูกปลดน่ะหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ พระองค์ตรัสว่านำจดหมายขอแต่งงานมาด้วย”
ฮอนหันมองรยูฮาตามความเคยชิน พอรยูฮาสบตาและพยักหน้าช้าๆ เขาจึงออกคำสั่งในทันที
“ให้เข้ามาด้านใน แต่ตอนนี้เรามีแขกอยู่ เพราะฉะนั้นจัดเตรียมที่ไว้ต่างหาก แล้วให้องค์ชายรอที่นั่น”
“ไม่”
ยอนกะพริบตาอย่างเหม่อลอย ก่อนจะหันมามองผู้เป็นพ่อ
“โปรดพาเขามาที่นี่ด้วยเถิดเพคะเสด็จพ่อ”
“ตอนนี้เรากำลังปรึกษาหารือเกี่ยวกับการสู่ขอกับประเทศอื่นอยู่ ไม่ได้”
“นั่นก็ถูกต้องเพคะ แต่องค์ชายฮเยกุกก็บอกว่าเอาจดหมายขอแต่งงานด้วยไม่ใช่หรือเพคะ องค์ชายทั้งสองได้นำจดหมายแต่งงานมาโดยไม่บอกไม่กล่าวกันทั้งคู่ หรือพูดตรงๆ ก็ถือว่าเป็นการผิดมารยาท แต่การต้อนรับเพียงแค่คนเดียวก็ไม่ถูกหลักประเพณีเช่นกัน”