บทที่ 6 บทที่ 84 ดาวดวงแรกกระบวยใหญ่

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

จุยเฟิงออกจากสวนสาธารณะที่ซ่อนตัวแห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย เขาอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้มาได้นานสักระยะแล้ว แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือเวลาไม่ได้ผ่านไปนานมาก 

 

 

แม้แต่ในวันนั้น 

 

 

เขายากที่จะเชื่อ…ไม่เชื่อเลยว่าอาการบาดเจ็บถึงชีวิตเช่นนั้นจะฟื้นฟูได้รวดเร็วขนาดนี้ อีกทั้งยังไม่มีแม้แต่รอยแผลหลงเหลืออยู่ 

 

 

ถ้าหากเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดจากรอยแผลนั้นมาก่อน จุยเฟิงยังคิดว่าตัวเองอาจจะฝันไป 

 

 

พ่อค้าคนหนึ่ง…ขายได้ทุกอย่าง 

 

 

ส่วนสิ่งแลกเปลี่ยนก็คือ… 

 

 

จุยเฟิงกุมการ์ดสีดำแปลกๆ ในมือแน่น มันสามารถส่งพลังงานบางอย่างมาบอกอะไรแก่เขา แต่เขาก็ยังฟังไม่ออกอยู่ดีว่ามันพูดอะไร ทำให้จุยเฟิงรู้สึกแปลกๆ  

 

 

รู้สึกเหมือน…เขาเคยพบเห็นมันที่ไหนมาก่อน 

 

 

แต่เรื่องเหล่านี้ยังเป็นเรื่องไกล สำหรับจุยเฟิงแล้ว สิ่งที่น่าปวดหัวในตอนนี้ก็คือ เขาจะเผชิญหน้ากับเรื่องต่อไปได้อย่างไร?  

 

 

ฟังจากน้ำเสียงของเสี่ยวเจียง เกรงว่าเรื่องนี้คง… 

 

 

แต่เวลาที่รู้สึกกลัว สิ่งที่ทำให้กลัวมักมาถึงโดยไม่ทันตั้งตัว เหมือนโชคชะตากำลังเยาะเย้ยผู้อ่อนแอ 

 

 

จุยเฟิงได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามาจากด้านหลัง 

 

 

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าและกลิ่นอายที่มาพร้อมกับเสียงฝีเท้า จุยเฟิงคิดที่จะหนี…พยายามจะใช้ความเร็วที่สูงสุดของตัวเองหลบหนี 

 

 

แต่เขากลับไม่สามารถขยับขาได้ เพราะด้านหลังของตัวเองนั้นเป็นผู้ที่เปรียบเสมือนรูปสลักบนแผ่นดินเทพ…หลงซีรั่ว 

 

 

 “จุยเฟิง หานายเจอสักที…นายหายไปอยู่ที่ไหนมา?” 

 

 

เสียงดังมาจากด้านหลัง พริบตาเดียวจุยเฟิงก็คิดไปถึงเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน คิดไปถึงคำพูดที่หลงซีรั่วเคยพูดกับเขา ‘หากไม่มีที่ไปก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เถอะ คงไม่ตายง่ายๆ’ 

 

 

… 

 

 

จุยเฟิงหันหน้ากลับไป สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในเมื่อไม่สามารถหลบหนีต่อหน้าหลงซีรั่วได้ก็เผชิญหน้าเลยดีกว่า 

 

 

บนถนนข้างสวนสาธารณะ มีรถผ่านมาบ้างเป็นบางครั้ง…เมื่อรถคันหนึ่งขับผ่านออกไปไกล หลงซีรั่วก็ลัดไปยืนอยู่ตรงหน้าจุยเฟิง  

 

 

จุยเฟิงเอ่ยว่า “เธอมาจับฉันงั้นเหรอ?” 

 

 

หลงซีรั่วก้มหน้าลงเล็กน้อย 

 

 

เธอไม่ชอบท่าทีกระด้างอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ของจุยเฟิง นี่อาจจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่เขาเติบโตขึ้นมาบ่มเพาะขึ้น แต่ในบรรดาปีศาจนับพันนับหมื่นที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน มีใครบ้างไม่เคยพบเจอกับความเจ็บปวด 

 

 

เธอวาดเส้นแบ่งระหว่างปีศาจและมนุษย์กำหนดให้ทั้งสองฝ่ายไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน…หรือเธอยังต้องดูแลทุกความรู้สึกของปีศาจทุกตนเหมือนเป็นพี่เลี้ยงเด็กอีก? เช่นนั้นถึงแม้เธอจะเกิดใหม่ได้เป็นพันเป็นหมื่นครั้งก็ขอไม่ทำดีกว่า 

 

 

ดังนั้นเธอจึงทำให้ตัวเองดูน่าเกรงกลัวต่อปีศาจทุกตน 

 

 

 “ในเมื่อนายไม่ได้ทำอะไรผิด งั้นทำไมต้องหนีด้วย” หลงซีรั่วเอ่ย 

 

 

จุยเฟิงเอ่ยขึ้นในทันใดว่า “เธอจะเชื่อด้วยงั้นเหรอ” 

 

 

หลงซีรั่วเอ่ยว่า “ฉันเชื่อความจริง นายบอกความจริงฉันมา” 

 

 

จุยเฟิงพูดขึ้นว่า “ถ้าฉันบอกว่า อยู่ดีๆ คนก็มาตายอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว เธอจะเชื่อไหม?” 

 

 

หลงซีรั่วขมวดคิ้ว ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ของคำพูดนี้ 

 

 

จุยเฟิงหัวเราะดังขึ้นและเอ่ยว่า “ดูสิ! ลังเลใช่ไหม! เธอไม่คิดจะ เชื่อฉันสักหน่อย!” 

 

 

เด็กคนนี้ยังคงคิดมากเกินไป… 

 

 

หลงซีรั่วส่ายหน้า “จุยเฟิง หากนายเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่เพียงแต่แก้ไขอะไรไม่ได้ แม้แต่ฉันกับนายก็ไม่อาจคุยกันต่อได้” 

 

 

 “ฉันไม่ต้องการเธอ! ฉันไม่ต้องการความสงสารจากเธอ!” จุยเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดเสียงดังว่า “ไปสนใจพวกปีศาจในอาณัติ ไปเป็นใต้เท้าหลงผู้สูงส่งของเธอไป…ไม่ต้องมาสนใจฉัน เรื่องของฉัน ฉันจะจัดการเอง!” 

 

 

 “นาย…นายถืออะไรไว้ในมือ?” ทันใดนั้นหลงซีรั่วก็ขมวดคิ้ว ดวงตาหรี่ลง กลิ่นอายทรงอำนาจแผ่กระจายออกมาในพริบตา 

 

 

กลิ่นอายที่ออกมาจากมังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพทำให้จุยเฟิงสีหน้าซีดขาวในพริบตา หัวใจเต้นเร็วขึ้น ร่างกายสั่นสะท้าน แต่เขาก็ยังกัดฟันพูดเยาะเย้ยออกไปว่า “นี่คือ…ความช่วยเหลือที่เธอหมายถึงงั้นหรือ?” 

 

 

หลงซีรั่วพูดเสียงเข้มว่า “จุยเฟิง นายฟังฉันพูดนะ ของในมือนายไม่ใช่ของดี วางมันลงซะ!” 

 

 

ชัดเจนมากแล้ว! 

 

 

เธอมองเห็นการ์ดสีดำเล็กๆ ใบนี้ได้อย่างชัดเจนดีแล้ว รู้สึกถึงกลิ่นอายที่เหมือนกันกับสถานที่แห่งนั้น! นี่เป็นของของสถานที่แห่งนั้นไม่ผิดแน่! 

 

 

แต่ทันใดนั้นจุยเฟิงก็ไม่สั่นอีก ดูเหมือนเขาจะพบที่พึ่งพิง…หลงซีรั่วแผ่กลิ่นอายออกมาเต็มที่ แต่การ์ดดำในมือกลับแทรกซึมความสงบเข้ามาในร่างกายเขาอยู่ตลอด 

 

 

มันทำให้พลังกดดันของหลงซีรั่วลดลงไปเรื่อยๆ 

 

 

 “ฟังเธอ…” จุยเฟิงจ้องมองหลงซีรั่ว พูดเยาะเย้ยว่า “ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องฟังเธอพูดด้วย…เพียงเพราะเธอเป็นมังกรแท้จริงงั้นเหรอ? เป็นเพราะเธอเป็นมังกรแท้จริง ทุกคำพูดที่เธอพูดถึงถูกต้องงั้นเหรอ? พวกเราจำเป็นต้องยอมโดยปราศจากเงื่อนไข?”  

 

 

 “ฉันให้นายวางของในมือลง ได้ยินไหม!” หลงซีรั่วตะคอกออกไปอีกครั้ง “นายไม่รู้ถึงอันตรายของของสิ่งนั้น!” 

 

 

พูดแล้วเธอก็ไม่รอปฏิกิริยาของจุยเฟิง เธอก้าวไปข้างหน้ายื่นมือออกไปคว้าการ์ดสีดำในมือของจุยเฟิง 

 

 

ถึงความเร็วของจุยเฟิงจะมากแค่ไหนก็เทียบกับมังกรแท้จริงผู้มีที่มาไม่ธรรมดาผู้นี้ไม่ได้ เพียงพริบตาเดียวมือของหลงซีรั่วก็คว้าโดนการ์ดสีดำใบนั้น 

 

 

ดูเหมือนมือของหลงซีรั่วจะมีแสงสีทองวาบผ่าน คล้ายจะบีบการ์ดดำให้แหลกสลายสิ้นซากในพริบตา! 

 

 

 “อย่านะ!” จุยเฟิงร้องเสียงสูง 

 

 

ส่วนหลงซีรั่วก็ส่งเสียงครางออกมาในเวลานี้…เหมือนโดนโจมตีอย่างกะทันหัน มือถูกการ์ดสีดำดีดออก 

 

 

พริบตาเดียวดูเหมือนเธอได้ย้อนกลับไปในคืนวันนั้น คืนที่มองเห็นประตูด้านหลังเจ้าของสมาคมค่อยๆ เปิดออก 

 

 

โลกกลายเป็นสีแดง ท้องฟ้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ! 

 

 

สติของหลงซีรั่วมึนงงในพริบตา! 

 

 

แต่เมื่อดวงตาของเธอมีประกายสีทองวาบขึ้นมา เธอก็ตื่นจากภวังค์ทันที หลงซีรั่วสะบัดๆ หัว การ์ดสีดำหายไปแล้ว แม้แต่จุยเฟิงก็หายไปด้วย 

 

 

คิดว่าจุยเฟิงคงฉวยโอกาสตอนที่เธอสติหลุดหนีไป…หลงซีรั่วหันมองอีกด้านหนึ่งของทางม้าลาย เธอรู้ว่าจุยเฟิงหนีไปทางนี้ 

 

 

เธอไม่ได้ตามไป เพียงแค่ขมวดคิ้วขึ้น 

 

 

สุดท้าย หลงซีรั่วก็เดินไปอีกด้านหนึ่ง นี่เป็นทางไปย่านการค้าแห่งหนึ่งของเมือง…ไปยังร้านค้าร้านหนึ่งที่เปิดอยู่ที่นั่น 

 

 

… 

 

 

… 

 

 

ภายในชั้นใต้ดินของสมาคม ตรงหน้าโต๊ะเก่าล้าสมัย  

 

 

ตรงหน้าของลั่วชิววางสมุดบัญชีหนาเล่มหนึ่ง…แน่นอน แม้ว่าจะหนาแบบนี้ แต่ก็เป็นเพียงแค่เล่มเดียวในอีกหลายๆ เล่มเท่านั้น 

 

 

วันนี้มันมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเจ้าของสมาคมลั่วอย่างกะทันหัน และเปิดไปยังหน้าหน้าหนึ่งเอง “ให้เขามีชีวิตอยู่ อย่างน้อยก็ถึงอายุหกสิบปี…” 

 

 

นี่เป็นการค้าขายเมื่อหลายปีก่อน เป็นการค้าขายที่เจ้าของสมาคมคนก่อนทำเอาไว้ 

 

 

นิ้วของลั่วชิวเคลื่อนไปตามเงื่อนไขสัญญาครั้งนี้จนถึงตอนสุดท้าย…ในที่สุดเขาก็มองคุณหนูสาวใช้และเอ่ยอย่างสนใจว่า “นี่ดูเหมือนสัญญาประกันชีวิตเลย” 

 

 

โยวเย่ยิ้มและเอ่ยว่า “บรรพบุรุษมักชอบหลงเหลือบางอย่างให้กับคนรุ่นหลัง” 

 

 

 “หากทำตามคำขอของลูกค้าท่านนี้ การ์ดสีดำของเขาก็ต้องมอบให้จุยเฟิงด้วย” ทันใดนั้นลั่วชิวก็หัวเราะ ในขณะที่แบมือ ช่องว่างอันลึกลับที่เขาเองยังไม่เข้าใจนักก็มีร่างลูกบอลสีทองค่อยๆ ปรากฏขึ้น 

 

 

แต่บนบอลแสงลูกนี้กลับมีโซ่อยู่หลายเส้น…บอลแสงลูกนี้ไม่ได้เป็นของเจ้าของสมาคมทั้งหมด 

 

 

เพราะการค้าขายบนสมุดบัญชีครั้งนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ดังนั้นอย่างมากมันก็เป็นเพียงของที่อยู่ที่นี่…ถือเป็นแค่เพียงการชำระค่าแลกเปลี่ยนล่วงหน้าเพียงครั้งเดียวเท่านั้น 

 

 

ลั่วชิวพิจารณาอย่างสงบและพึมพำเอ่ยว่า “นี่เป็นชีวิตยังไงกัน? ดาวดวงดวงแรกของกระบวยใหญ่*…วิญญาณหมาป่าตะกละ” 

 

 

ทันใดนั้นคุณหนูสาวใช้ก็พูดว่า “เป็นคนที่อ่อนโยนเลยนะคะ” 

 

 

แสงบนลูกบอลสว่างจ้าแสบตา ทำให้เจ้าของสมาคมยิ่งรู้สึกชอบขึ้นไปอีก ดังนั้นจึงพยักหน้าพูดว่า “ผมก็คิดว่าใช่” 

 

 

ทันใดนั้นก็มีกลิ่นอายผิดปกติบุกเข้ามา…อยู่ที่หน้าประตู 

 

 

เจ้าของสมาคมเก็บลูกบอลแสงและปิดสมุดบัญชี จากนั้นก็ยืนขึ้นเตรียมตัวออกจากประตู 

 

 

แต่คุณหนูสาวใช้กลับรู้สึกว่าแบบนี้ดูไม่เหมาะสม จึงเดินเข้ามาอยู่ตรงหน้าของลั่วชิวและจัดคอเสื้อให้เขาจนเป็นระเบียบ 

 

 

 “น่าจะไม่ใช่เรื่องดีอะไร ไม่ต้องเป็นทางการมากก็ได้” 

 

 

โยวเย่ถึงหยุดมือลง แต่สุดท้ายมือยังเลื่อนลงมา จัดเสื้อที่เข้าที่อยู่แล้ว 

 

 

… 

 

 

ลั่วชิวจำได้ว่านี่เป็นครั้งที่สองที่ตัวเองพบกับหลงซีรั่วหน้าประตูร้าน 

 

 

ดูเหมือนทุกๆ ครั้งที่พบกันก็มักจะมาพร้อมกับความรู้สึกไม่พึงประสงค์ 

 

 

 “คุณหลง คุณมาหาผมงั้นเหรอ เข้ามานั่งก่อนสิครับ” 

 

 

 “ฉันไม่เคยคิดจะเหยียบเข้าไปที่นี่แม้แต่นิดเดียว” 

 

 

ลั่วชิวยืนอย่างมีมารยาท และโยวเย่ยิ้มต้อนรับอยู่ตรงหน้าประตู…ส่วนหลงซีรั่วกลับมีสายตาเย็นชา 

 

 

 

 

 

*ดาวกลุ่มเจ็ดดวงซึ่งชาวจีนและชาวยุโรปเห็นว่ามีลักษณะคล้ายกระบวยจึงเรียกดาวกลุ่มนี้ว่า ‘กระบวยใหญ่’