อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 718 เจรจา
“สวีหู่ เพิ่มความเร็วต้องส่งอาหน่วนกลับไปที่เผ่าหยกอย่างปลอดภัย ที่นี่พวกเราจะคุมเชิงไว้เอง”

“ขอรับ”

ข้างหูเป็นเสียงที่ร้อนใจของผู้อาวุโสเจ็ด รวมไปถึงเสียงฟาดเส้ลงไปบนหลังม้าของสวีหู่

รถม้าโคลงเคลงไปชั่วครู่ ด้วยพลังที่รุนแรงเกือบจะสะบัดพวกเขาออกไป

ควบม้าด้วยความรวดเร็วขึ้นอีกครั้ง เสี่ยวลู่ระมัดระวังอย่างเต็มที่ ใช่ท่วงท่าที่ดีที่สุดในการคุ้มกันกู้ชูหน่วน

แรงกดดันอันน่ากลัวได้ครอบคลุมรถม้าไว้ทั้งคัน ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าความตายมาเยือนพวกเขาแล้ว

พลังนี้เมื่อเทียบกับรองหัวหน้าเผ่าซือคง มีแต่จะแข็งแกร่งว่าเท่านั้น

เวินเส้าหยีพยายามดิ้นรนจะลงไปจากรถม้า แต่โซ่ตรวนที่ขาล่ามเขาเอาไว้จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ มีดสั้นของเสี่ยวลู่จี้ไปที่ลำคอของเขาอีกครั้ง

“ถ้าไม่อยากตายก็อย่าขยับอีก”

“ผู้อาวุโสทั้งสองของเผ่าหยกไม่มีทางต้านทานสุดยอดผู้อาวุโสทั้งสี่ได้ ถ้าหากไม่ได้รับการช่วยเหลือ อาศัยแค่เขาสองคนคงต้องตายแน่”

“ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเป็นห่วง”

ในขณะที่แรงกดดันมหาศาลกำลังจะบีบอัดรถม้าจนแตกกระจุย พลังอันแข็งแกร่งสองสายได้ขัดขวางไว้ทันท่วงที

“ไป……”

รถม้าพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลมทำให้รอดพ้นไปได้ ใช้ความเร็วที่สุดมุ่งหน้าต่อไป

แต่แล้วไอสังหารทั้งสองสายยังคงตามพวกเขามาติดๆ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งใกล้ สามารถตามทันพวกเขาได้ทุกเมื่อ

ทุกคนต่างก็มีสีหน้าไม่ดีนัก โดยเฉพาะเจี่ยงเสวีย

เจี่ยงเสวียเคยเห็นพลังของสุดยอดผู้อาวุโสทั้งสี่ หัวใจเต้นโครมครามจนแทบจะหลุดออกมาแล้ว

พวกเขาต่างก็รู้ดี ผู้อาวุโสหกกับผู้อาวุโสเจ็ดแยกกันขัดขวางสุดยอดผู้อาวุโสของเผ่าเทียนเฟิ่นไว้คนละสองคน ยังมีสุดยอดผู้อาวุโสที่ยังคงตามพวกเขาตลอดมาอีกสองคน

พลังขั้นสูงสุดระดับหก

อย่างน้อยก็มีพลังขั้นสูงสุดระดับหก ไม่ใช่ม้าธรรมดาทั่วไปจะวิ่งชนะได้

“พระชายา พวกเราจะทำอย่างไรกันดี”

ทำอย่างไร

พลังห่างชั้นกันมากเกินไป หากไล่ตามทันละก็พวกเขาอยากจะจากไปอย่างมีชีวิตอยู่ เกรงว่าจะเป็นเรื่องยาก

ขั้นต้นระดับหกกับขั้นสูงสุดระดับหก ทำไมพลังจึงได้แตกต่างกันมากมายเช่นนี้

แล้วมองไปทางเวินเส้าหยี ตอนนั้นขณะที่เขามีพลังขั้นต้นระดับหก ได้ทำการต่อสู้กับ จอมมารและเย่จิ่งหานครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นแผ่นดินสะเทือนไปหมด ท้องฟ้ามืดครึ้ม

ตอนนี้……

พลังของสุดยอดผู้อาวุโสแห่งเผ่าเทียนเฟิ่น ต่างก็เป็นขั้นสุดยอดระดับหก

เหลืออีกนิดก็จะเลื่อนไปถึงระดับเจ็ดแล้ว……

ถึงว่า……

ถึงว่าหัวหน้าเผ่าคนเดิมที่มีพลังแข็งแกร่งมากยังไม่กล้าบุ่มบ่ามโจมตีเผ่าเทียนเฟิ่น

เผ่าเทียนเฟิ่น ร้ายกาจกว่าที่คิดไว้เสียอีก

กู้ชูหน่วนเอายาออกมาจากแหวนมิติหลายขวด แล้วก็เอาผ้าเช็ดหน้าออกมาอีกหลายผืน พลางพันตนเอง พลางให้พวกเขาปิดจมูกเอาไว้

นางสาดขวดยาพวกนั้นออกไปนอกรถม้า กำชับพวกเขาให้รีบช่วยกันสาดออกไป

กลิ่นของยาเหล่านั้นเหม็นมาก ไม่เพียงแต่เหม็นยังฉุนและมีพิษร้ายแรงด้วย

สุดยอดผู้อาวุโสที่เดิมทีควรจะไล่ตามทันแล้ว แต่เป็นเพราะผงยาพิษทำให้ช้าลงไปบ้าง แต่ไม่ช้าก็ตามทันอีกครั้ง

“เจ้าคนไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ส่งมุกมังกรกับหัวหน้าเผ่าน้อยมา”

เสียงทุ้มต่ำแฝงแววโกรธเคืองดังขึ้น เดิมทีท้องฟ้าที่สดใส สีฟ้าครามดุจสายน้ำก็เกิดลมพายุขึ้นมาทันที เมฆดำทะมึนเข้าปกคลุม

“โครมคราม……”

สายฟ้าฟาดผ่านขอบฟ้า จากนั้นก็เกิดเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น ทันใดนั้นก็เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก

เวินเส้าหยีเอ่ยด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก”เร็วเข้า รีบกางร่ม อย่าให้ถูกน้ำฝนอย่างเด็ดขาด ”

การเคลื่อนไหวของเขาเร็วมาก และโชคดีที่บนรถม้าได้เตรียมร่มเอาไว้หลายคัน

เสียงพรึ่บดังขึ้น ร่มถูกเปิดออก เวินเส้าหยีใช้ร่มกางให้กู้ชูหน่วน ไม่ให้น้ำฝนถูกตัวนาง

คนอื่นๆปฏิกิริยาช้าอยู่ก้าวหนึ่ง แต่ดีที่พวกเขาต่างก็อยู่ในรถม้า ตอนที่ฝนตกลงมาอย่างกะทันหัน พวกเขาไม่ได้ถูกน้ำฝนโดยทันที

ขณะที่ลมพายุรุนแรงได้หอบเอาหลังคารถม้าปลิวออกไป พวกเขาได้กางร่มเสร็จแล้ว

แต่ว่าสวีหู่และม้าที่กำลังวิ่งอย่างรวดเร็วอยู่ด้านนอกไม่ได้โชคดีขนาดนั้น

เมื่อม้าโดนน้ำฝน ราวกับถูกสาดน้ำกรดใส่ เปื่อยยุ่ยไปทันที เปล่งเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด

สวีหู่ก็เจ็บปวดจนต้องลงไปนอนกลิ้งไปมากับพื้น เสี่ยวลู่ไปช่วยกางร่มให้เขา แต่ก็ไม่ทันการณ์แล้ว สวีหู่ถูกน้ำฝนที่เป็นกรดกัดกร่อนจนตายทั้งเป็น แม้ตายไปแล้วศพก็ถูกกัดกร่อนจนหมด ไม่เหลือแม้แต่เศษกระดูกหรือคำสั่งเสียเลยแม้แต่น้อย

เหมือนม้าที่น่าสงสารสองตัวนั้น ก็ตายโดยที่ไร้ซากศพ

ตกตะลึง……

แม้แต่กู้ชูหน่วนยังรู้สึกตกตะลึง

ถึงกับสามารถใช้พลังภายในก่อให้เกิดลมฝนขึ้นมาได้

อีกทั้งยังเป็นฝนที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ทำให้คนที่โดนฝนถึงแก่ชีวิต

“ฟิ้ว……”

เงาร่างสองร่างเคลื่อนมาอย่างรวดเร็ว หนึ่งคนอยู่ด้านหน้าอีกคนอยู่ทางด้านหลังล้อมพวกเขาไว้หมด

ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็มองเห็นใบหน้าของสุดยอดผู้อาวุโสทั้งสองได้ชัดเจนเสียที

แต่ละคนผมขาวหนวดขาว มีลักษณะที่โดดเด่น ใบหน้าดูมีเมตตา ราวกับเทพเซียนที่บำเพ็ญเพียร

แต่สิ่งที่พวกเขาได้ทำเมื่อครู่นี้ กลับไม่มีความเมตตาเหมือนเทพเซียนสักนิด ตรงข้ามกลับโหดเหี้ยมอำมหิตจนน่ากลัว

เสี่ยวลู่กำมือทั้งสองข้างจนเกิดเสียงดังกร๊อบ

นางอยากจะเข้าไปสู้กับพวกเขาสักตั้ง แต่นางรู้ดี นางไม่พอให้เขาฆ่าด้วยซ้ำ อีกอย่างเป้าหมายสำคัญที่สุดของนางคือการปกป้องนายหญิง

กู้ชูหน่วนกำลังวิเคราะห์พวกเขา พวกเขาก็กำลังวิเคราะห์พวกกู้ชูหน่วนเช่นกัน

สุดท้ายก็หยุดสายตาลงที่โซ่ตรวนที่ล่ามขาของเวินเส้าหยีเอาไว้

สุดยอดผู้อาวุโสทั้งสองโมโหขึ้นมาทันที

“หัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่นไหนเลยจึงถูกพวกเจ้าเหยียดหยามกันเช่นนี้”

ขณะที่พูด มือขวาของสุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยทำท่าฟันฉับลงไป อยากจะตัดโซ่ตรวนอันน่าอัปยศที่ล่ามขาของเวินเส้าหยีออก

และการฟันมือลงไปครั้งนี้ โซ่ตรวนที่ขาของเวินเส้าหยีกลับไม่เปื่อยสลายไป ตรงกันข้ามยังคงล่ามขาเขาเอาไว้เหมือนเดิม

มีเพียงสิ่งเดียวที่เปลี่ยนคือสีหน้าของเวินเส้าหยีที่เจ็บปวดจนต้องขมวดคิ้ว กระทั่งเกือบจะยืนไม่มั่นคง คุกเข่าลงกับพื้นทันที

เหงื่อบนหน้าผากเขาไหลหยดลงมาไม่หยุด ราวกับกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัส

กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะ “สิ่งนี้หล่อจากเหล็กกล้านับหมื่นปี นอกจากกุญแจที่พวกเราเผ่าหยกได้ทำขึ้นเป็นพิเศษแล้ว แม้ว่าท่านจะมีพลังระดับเจ็ดก็เปิดมันไม่ได้ มีแต่จะยิ่งทำให้เขาทรมานมากขึ้นเท่านั้น”

“เจ้ามันสมควรตาย”ง

ไอสังหารพวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง

กู้ชูหน่วนไม่กลัวและโต้กลับ จ้องมองไปทางสุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮย”กุญแจที่ไขโซ่ตรวนที่ล่ามขาเขามีแต่ข้าที่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ข้าตายแล้ว หัวหน้าเผ่าน้อยของเผ่าเทียนเฟิ่นคงต้องถูกล่ามไว้กับโซ่ตลอดชีวิต”

“เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าทรมานจนอยู่ไม่สู้ตาย”

“พอดีเลย คนอย่างข้ารับได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเสียเปรียบ ท่านจะให้ข้าอยู่ไม่สู้ตาย เช่นนั้นข้าจะทำให้ท่านหามุกมังกรไม่พบตลอดไป ”

สุดยอดผู้อาวุโสอั้นเฮยยกฝ่ามือขึ้นคิดจะกำจัดกู้ชูหน่วน

สุดยอดผู้อาวุโสอีกคนขวางเอาไว้ จ้องมองกู้ชูหน่วนด้วยสายตาขุ่นเข้ม

“เจ้าก็คือกู้ชูหน่วนที่มาปั่นป่วนเผ่าเทียนเฟิ่นใช่หรือไม่”

“ใช่”

“เจ้าใจกล้าไม่เบา พันปีมานี้ไม่เคยมีใครกล้าก่อกวนเผ่าเทียนเฟิ่นมาก่อน”

“ย่อมต้องมีคนทำลายบันทึกมิใช่หรือ”

“เจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับเผ่าหยก หรือว่า……เจ้าเป็นว่าที่หัวหน้าเผ่าคนต่อไปของเผ่าหยก”

เมื่อเอ่ยถึงหัวหน้าเผ่าคนต่อไป ไอสังหารของสุดยอดผู้อาวุโสทั้งสองก็ปิดเอาไว้ไม่มิด ราวกับว่าถ้ากู้ชูหน่วนบอกว่าใช่ พวกเขาจะทำการกำจัดนางทิ้งทันที

ที่ไม่ได้คิดไปถึงเรื่องของหัวหน้าเผ่านั้น เป็นเพราะว่าพลังของนางอ่อนแอเกินไป

เผ่าหยกไม่มีทางให้คนที่มีพลังเพิ่งจะเข้าสู่ขั้นต้นของระดับสี่มาเป็นหัวหน้าเผ่า

อีกอย่างหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยกนั้นเป็นผู้ที่มีพลังระดับเจ็ด

“พวกเรามาเจรจากันเถอะ”

“หืม ……เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับพวกข้า”

“มุกมังกร เวินเส้าหยี รวมไปถึงหนทางเข้าสู่เผ่าหยก ”

ทั้งสามสิ่งนี้ไม่ว่าสิ่งใดก็มีแรงดึงดูดใจอย่างยิ่ง สุดยอดผู้อาวุโสทั้งสองต่างก็หวั่นไหวขึ้นมา