ตอนที่ 136-2 สุ่ยจูเอ๋อร์ เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือไร?

จำนนรักชายาตัวร้าย

ทั้งที่เป็นการกระทำที่เหมือนกัน แต่เชียนเย่เสวี่ยทำออกมา เขากลับรู้สึกสบายใจอย่างที่สุด ทว่าเมื่อสุ่ยเยว่เอ๋อร์ทำ ตี้อู่เฮ่ออี้กลับรู้สึกสะอิดสะเอียนแทบเป็นแทบตาย จนเกือบจะอาเจียนออกมาเลยทีเดียว! 

 

 

“เยว่เอ๋อร์——” เชียนเย่เสวี่ยประคองสุ่ยเยว่เอ๋อร์เข้ามา 

 

 

รอจนกระทั่งสุ่ยเยว่เอ๋อร์ล้างขี้ผึ้งบนใบหน้าออกไป ปานแดงบนใบหน้าของนางก็เลือนหายไปจนหมดสิ้น 

 

 

“เอ่อ เมื่อครู่ข้าไม่ได้ตดนะ!” ตี้อู่เฮ่ออี้หยิบถุงกำยานใบน้อยออกมาแล้วบีบเบาๆ เสียงตดก็ดังออกมา พร้อมกับกลิ่นไม่พึงประสงค์กำจรออกมา 

 

 

“ข้าใช้เจ้าสิ่งนี้!” 

 

 

ตี้อู่เฮ่ออี้คิดว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องอธิบายสักหน่อย 

 

 

มิเช่นนั้นสุ่ยเยว่เอ๋อร์อาจจะเข้าใจผิดว่านางกำลังดมกลิ่นตดของเขาอยู่ก็เป็นได้! 

 

 

“ข้าไม่เป็นไร เมื่อครู่ทำให้เจ้าตกใจสินะ!” คำพูดของตี้อู่เฮ่ออี้ทำให้สุ่ยเยว่เอ๋อร์หัวเราะออกมา เขาใช้วิธีการเช่นนี้บีบให้สุ่ยจูเอ๋อร์ล่าถอยไป  

 

 

‘วิธีการยอดเยี่ยมจริงเชียว’ 

 

 

ตรงกันข้ามกลับเป็นเชียนเย่เสวี่ยที่ได้ยินตี้อู่เฮ่ออี้กล่าวเช่นนี้ก็รู้สึกข้องใจขึ้นมา 

 

 

“ข้าพลาดอะไรไปหรือเปล่า?” 

 

 

“ผู้หญิงคนนี้ต้องการยั่วยวนข้า!” ตี้อู่เฮ่ออี้ไม่มีอะไรปิดบังเชียนเย่เสวี่ยอยู่แล้ว เมื่อเขากล่าวจบ ก็เห็นหญิงแกร่งตรงหน้าเผยรอยยิ้มร้ายกาจออกมา ทำเอาตี้อู่เฮ่ออี้ถึงกับตื่นตระหนกตกใจ 

 

 

“เสวี่ย ข้าไม่ได้ทำเรื่องที่ผิดต่อเจ้าเลย เจ้าต้องเชื่อข้านะ! คุณหนูเยว่เอ๋อร์สามารถเป็นพยานให้ข้าได้!” 

 

 

ตี้อู่เฮ่ออี้เกรงว่าเชียนเย่เสวี่ยจะเข้าใจผิดตนเอง 

 

 

“ข้ารู้แล้ว เจ้าไม่กล้าหรอก และไม่เคยคิดด้วย!” เชียนเย่เสวี่ยสบถออกมาแล้วกำไม้กำมือเสียง ‘กรอบแกรบ’ 

 

 

บังอาจมายั่วยวนผู้ชายของข้า รนหาที่ตายชัดๆ! 

 

 

เชียนเย่เสวี่ยยกเท้าขึ้น แล้วแตะเข้าที่ท้องของสุ่ยจูเอ๋อร์อย่างแรง 

 

 

ยังดีที่ยาของตี้อู่เฮ่ออี้มีฤทธิ์ชะงักนัก มิเช่นนั้น สุ่ยจูเอ๋อร์จะต้องตื่นเพราะความเจ็บอย่างแน่นอน 

 

 

แต่ถึงกระนั้น สุ่ยจูเอ๋อร์ก็ยังขมวดคิ้วเล็กน้อย และแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาอยู่บ้าง 

 

 

หลังจากเตะระบายแค้นไปแล้ว แต่เชียนเย่เสวี่ยก็ยังไม่สาแก่ใจ นางจึงเอื้อมมือเข้าไปหยิบยาออกมาจากเสื้อด้านในของตนเอง แล้วยัดเข้าปากสุ่ยจูเอ๋อร์ 

 

 

“นี่คือยาที่ซาซ่ามอบให้ข้า คนจิตใจต่ำเช่นนี้ รับกรรมของตัวเองไปเสียเถอะ!” 

 

 

ยาเม็ดนี้จะทำให้คนเป็นอัมพาตทั้งตัวราวสิบวัน และในสิบวันนั้นคนที่ถูกยานี้จะรู้สึกหิวโหยอย่างหนัก แต่กินอะไรเข้าไปก็จะถ่ายสิ่งนั้นออกมาทันที ที่ภาษชาวบ้านเขาเรียกกันว่า อั้นขี้อั้นเยี่ยวไม่อยู่นั่นเอง 

 

 

ในอดีต อวี้เฟยเยียนและเชียนเย่เสวี่ย หญิงสาวจอมวายร้ายสองคนที่เข้าขากันเป็นอย่างดี เวลาที่อยู่ด้วยกันไม่เคยเลยที่จะไม่คิดค้นวิธีการต่างๆนานาออกมาเพื่อทรมานคนเล่น ซึ่งเมื่อตี้อู่เฮ่ออี้เห็นการกระทำของเชียนเย่เสวี่ยแล้ว ก็รู้สึกสะใจยิ่งนัก 

 

 

แม้ว่าน้ำมือของว่าที่ฮูหยินของเขาออกจะโหดร้ายไปสักหน่อย แต่คนเช่นสุ่ยจูเอ๋อร์ต้องได้รับบทเรียนเสียบ้าง! 

 

 

“พวกเรารีบไปทำจัการงานใหญ่ของเรากันเถอะ!” 

 

 

ตี้อู่เฮ่ออี้เดินเข้าไปหาสุ่ยเยว่เอ๋อร์ แล้วจัดแจงลูบคลำ จับ บีบขี้ผึ้งบนใบหน้าของสุ่ยเยว่เอ๋อร์อยู่สามสี่ครั้ง ไม่นานใบหน้าของสุ่ยเยว่เอ๋อร์ก็กลับกลายเป็นสุ่ยจูเอ๋อร์เรียบร้อย 

 

 

และเมื่อสุ่ยเยว่เอ๋อร์ได้ส่องกระจกมองดูใบหน้าของตนเองนั้น ก็ทำให้นางรู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก 

 

 

“เฮ่ออี้วิชาแปลงโฉมของท่าน สามารถตบตาผู้คน กลับปลอมเป็นจริงได้จริงๆด้วย” 

 

 

ที่ด้านนอก รอบด้านทั้งสี่ของเรือนที่สุ่ยเยว่เอ๋อร์อาศัยอยู่นั้นมีจอมปราชญ์อาวุโสเฝ้าอยู่ทุกด้าน ดังนั้นสุ่ยเยว่เอ๋อร์ไม่มีทางหลุดรอดพ้นจากสายตาของจอมปราชญ์อาวุโสไปได้เลย 

 

 

คราวนี้นับเป็นโอกาสอันดี ใบหน้าของนางกลายเป็นในหน้าของสุ่ยจูเอ๋อร์แล้ว เช่นนี้ก็จะสามารถเดินออกไปจากเรือนได้อย่างเปิดเผยโดยที่ไม่มีผู้ใดสงสัย 

 

 

“เยว่เอ๋อร์ เจ้ารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียเถอะ!” เชียนเย่เสวี่ยถอดเสื้อผ้าของสุ่ยจูเอ๋อร์ส่งให้สุ่ยเยว่เอ๋อร์ 

 

 

อาศัยโอกาสที่สุ่ยเยว่เอ๋อร์กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นั้น ตี้อู่เฮ่ออี้จึงแปลงโฉมใบหน้าของสุ่ยจูเอ๋อร์ให้กลายเป็นสุ่ยเยว่เอ๋อร์เสียเลย ซึ่งหากว่าไม่สังเกตให้ละเอียดละก็จะไม่มีทางดูออกได้เลย 

 

 

หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อย เชียนย่เสวี่ยก็หิ้วร่างของสุ่ยจูเอ๋อร์ไปทิ้งไว้บนเตียง แล้วยัง ‘เจตนาดี’ ห่มผ้าให้กับนางอีกด้วย 

 

 

“พวกเราแยกกันไปทำตามแผนการที่วางเอาไว้! แล้วเจอกันที่นอกเมือง” เชียนเย่เสวี่ยยิ้มสดใส 

 

 

สุ่ยเยว่เอ๋อร์สามารถเดินออกจากเรือนของตนมาได้โดยไม่มีใครสงสัย ตามแผนการที่เชียนเย่เสวี่ยวางเอาไว้  

 

 

เมื่อสุ่ยเยว่เอ๋อร์เดินมาถึงที่สวนดอกไม้ สายตาก็เหลือบไปเห็นชายที่กำลังก้มหน้าก้มตาตัดแต่งดอกไม้อยู่ 

 

 

‘ชิงฉง!’ 

 

 

ดวงตาของสุ่ยเยว่เอ๋อร์เริ่มร้อนผ่าว 

 

 

แม้ว่าชายตรงหน้านี้จะรูปร่างหน้าตาน่าเกลียด ไม่มีส่วนใดคล้ายคลึงกับอวี้ซิงฉงเลยแม้แต่น้อย แต่เพียงแค่มองเห็นดวงตาของเขา สุ่ยเยว่เอ๋อร์ก็จดจำได้ในทันทีว่าเขาคืออวี้ซิงฉง 

 

 

แต่ว่า ตอนนี้พวกนางยังอยู่ในเขตของจวนสกุลสุ่ย จึงไม่อาจเผยตัวได้ ยิ่งกว่านั้นในตอนนี้นางคือสุ่ยจูเอ๋อร์ จึงต้องมีมาดของสุ่ยจูเอ๋อร์สักหน่อย 

 

 

“นี่ เจ้าอัปลักษณ์ มานี่หน่อยสิ!” 

 

 

สุ่ยเยว่เอ๋อร์ชี้ไม้ชี้มือไปที่ชายอัปลักษณ์ที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่ตรงนั้น 

 

 

“เจ้ามีแรงไหม?” 

 

 

“เรียนคุณหนูสาม บ่าวแรงดีนักขอรับ!” อวี้ซิงฉิงเสียงแหบแห้ง 

 

 

“บ่าวมีเรี่ยวแรงมากทีเดียว” 

 

 

“เช่นนั้นก็ดี! ข้าชอบหินประหลาดก้อนหนึ่ง เจ้าไปช่วยข้าย้ายมันมาทีนี่ที!” 

 

 

“ขอรับ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้!” 

 

 

และแล้ว สุ่ยเยว่เอ๋อร์ก็สามารถพาอวี้ซิงฉงออกจาบ้านสกุลสุ่ยไปได้อย่างเปิดเผย ในขณะที่กำลังจะเดินออกจากประตูจวนนั่นเอง สุ่ยเยว่เอ๋อร์พบเข้ากับสุ่ยเจียง 

 

 

“คุณหนูสาม จะออกไปข้างนอกหรือขอรับ!” สุ่ยเจียงมองเลยไปที่ชายหน้าตาอัปลักษณ์ที่เดินตามหลังสุ่ยจูเอ๋อร์ไป ก็เข้าใจในทันที 

 

 

เพราะเขารู้ดีว่าสุ่ยจูเอ๋อร์เกลียดคนหน้าตาอัปลักษณ์มาแต่ไหนแต่ไร บ่าวไพร่ในบ้านขอเพียงแต่หน้าตาน่าเกลียดสักหน่อย ล้วนแต่ถูกสุ่ยจูเอ๋อร์สั่งโบยมาแล้วทั้งสิ้น ชายคนนี้เห็นทีคงยากที่จะหลบหลีกจากเคราะห์กรรมครั้งนี้ไปได้พ้น ต้องกลายเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของคุณหนูสามเสียแล้วกระมัง! 

 

 

“ใช่นะสิ! “ 

 

 

สุ่ยเยว่เอ๋อร์เชิดใบหน้าขึ้นท่าทางเย่อหยิ่ง 

 

 

“รีบไปเร็วเข้า เจ้าคนอัปลักษณ์!” 

 

 

สุ่ยเยว่เอ๋อร์เริ่มต่อว่า 

 

 

“ขอรับๆ! “ 

 

 

อวี้ซิงฉงก้มหน้าลง ท่าทางราวกับไม่อาจพบหน้าใครได้อย่างไรอย่างนั้น จนกระทั่งเขาเดินออกไปจนไกลลิบแล้ว สุ่ยเจียงยังคงยืนส่ายหน้าอยู่ที่เดิม 

 

 

ต่อหน้านายท่าน คุณหนูสามมักจะแสร้งทำเป็นว่าตนเองเป็นผู้มีจิตใจอ่อนหวานงดงาม แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นนางมารร้ายที่จิตใจเ**้ยมโหดคนหนึ่งต่างหาก 

 

 

หลายปีที่ผ่านมานี้ บ่าวไพร่ที่ตายด้วยน้ำมือของสุ่ยจู่เอ๋อร์มีเป็นสิบยี่สิบคนเข้าไปแล้ว หวังว่าคราวนี้นางจะไม่เล่นงานคนถึงตายอีกนะ มิเช่นนั้นเขาก็จะต้องมาคอยจัดการเก็บกวาดให้นางอีกตามเคย 

 

 

เดินต่อมาอีกสักครู่ สุ่ยเจียงก็พบเข้ากับตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเย่เสวี่ยที่อยู่บนรถม้า 

 

 

“ท่านหมอเทวดาเหอ ท่านจะออกไปข้างนอกหรือ?” เมื่อพบกับตี้อู่เฮ่ออี้ สุ่ยเจียงก็แลดูกระตือลือล้นขึ้นมาก 

 

 

โชคดีที่ได้ยาของตี้อู่เฮ่ออี้ สองสามวันมานี้เขารู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว อาการปัสสาวะเป็นเลือดดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด อีกฝ่ายช่วยเขาเอาไว้แท้ๆเลย! 

 

 

“ใช่! ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่หญ้าเขี้ยวเสื้อกำลังเบ่งบานพอดี ข้าจะออกไปเก็บมันเสียหน่อย! ที่ห้องเก็บยาของตระกูลสุ่ย สมุนไพรชนิดนี้ยังค่อยดีเท่าไหร่นัก เจ้าหญ้าเขี้ยวเสือต้องใช้ที่เพิ่งเก็บใหม่ๆจึงจะให้ผลดีที่สุด!” 

 

 

ตี้อู่เฮ่ออี้ยิ้มอย่างเป็นมิตร เขามีเสน่ห์เฉพาะตัวบางอย่างที่ทำให้คนเชื่อถือในตัวเขา 

 

 

ก่อนหน้านี้ ตี้อู่เฮ่ออี้และเชียนเยเสวี่ยเคยออกไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นสุ่ยเจียงยังจัดคนไปนำทางให้กับพวกเขาคนหนึ่ง ดังนั้นคราวนี้สุ่ยเจียงจึงมิได้สงสัยเลยแม้แต่น้อย  

 

 

อีกอย่าง ตี้อู่เฮ่ออี้ออกไปทำงานให้กับนายท่าน สุ่ยเจียงจึงไม่มีเหตุผลที่จะไปขัดขวางเขา 

 

 

“ดีๆ ข้าน้อยก็ไม่ยุ่งวุ่นวายกับท่านแล้วละ!” สุ่ยเจียงหัวเราะร่วนแล้วตบไหล่คนบังคับรถม้าพร้อมกับกำชับว่า 

 

 

“ค่อยๆไปละ อย่าให้มีอะไรผิดพลาดได้นะ!” 

 

 

“ขอรับ!” 

 

 

กระทั่งรถม้าแล่นออกไปจนไกลลิบแล้ว สุ่ยเจียงยังโบกไม้โบกมือให้กับตี้อู่เฮ่ออี้อยู่เลย 

 

 

รอจนกะทั่งรถม้าแล่นมาถึงนอกเมืองในจุดที่ไร้ซึ่งผู้คน ตี้อู่เฮ่ออี้ก็จัดการคนบังคับรถม้าจนสลบแล้วลากไปทิ้งไว้ในวัดร้างเรียบร้อย และได้สมทบกับสุ่ยเยว่เอ๋อร์และอวี้ซิงฉงที่นั่น 

 

 

“พวกเรามาแปลงโฉมกันก่อน!” 

 

 

ตี้อู่เฮ่ออี้ติดหนวดเครา ปลอมตัวเป็นชายหนุ่มชาวบ้านธรรมดา ทั้งยังแปลงโฉมให้กับผู้ร่วมทางอีกสามคนที่เหลืออีกด้วย 

 

 

“หลังจากนี้พวกเราจะไปทีไหนกัน?” สุ่ยเยว่เอ๋อร์กล่าวถามขึ้น 

 

 

แม้ว่าจะสามารถหลบหนีออกมาจากสกุลสุ่ยได้อย่างราบรื่นแล้ว แต่ทว่าแผ่นดินกว้างใหญ่ พวกนางจะหลบไปอยู่ที่ไหนกันได้นะ? 

 

 

“ไปถิ่นของสกุลหนานกง!” เชียนเย่สวี่ยกำหมัดแน่น หน้าตาท่าทางมุ่งมั่น 

 

 

นางมีความรู้สึกบางอย่างในใจที่กำลังบอกนางว่า อวี้เฟยเยียนอยู่ที่นั่น! 

 

 

“สกุลหนานกง…”