บทที่ 1367 เป็นสัตว์ประหลาดเหรอ / บทที่ 1368 สัตว์ร้ายที่ขี้อ้อนที่สุด

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1367 เป็นสัตว์ประหลาดเหรอ

วินาทีนี้ ดวงตาที่แดงเล็กน้อยของอี้สุ่ยหานมีประกายเหี้ยมเกรียมพาดผ่าน คล้ายคนขี้เซาที่โดนปลุกกลางดึก

“มีคนลอบฆ่าฉัน…”

อี้สุ่ยหานเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบเล็กน้อย แววตาดูสับสนและประหลาดใจ

เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้าถี่ๆ

เยี่ยหวันหวั่นเองก็รู้ดี เธอกับหมาจรจัดอี้สุ่ยหานไม่ได้เป็นอะไรกัน ถ้าหากเธอไม่หาข้ออ้าง อี้สุ่ยหานก็ไม่มีเหตุผลที่จะช่วยเธอ

ถึงยังไงครั้งก่อนอี้สุ่ยหานก็เคยโดนลอบฆ่าแล้ว โดนอีกสักครั้งก็ไม่เห็นเป็นไร…

“ทำไมเธอมาอยู่นี่ได้” อี้สุ่ยหานจ้องมองเยี่ยหวันหวั่น

เยี่ยหวันหวั่นรีบตอบว่า “จอมยุทธ์อี้ คุณลืมแล้วเหรอ…พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกันนะ…”

“อ้อ…” อี้สุ่ยหานเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยรับคำเสียงเบา

เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันพูดอะไร คนชุดดำพวกนั้นก็วิ่งพรวดเข้ามาแล้ว บ้านของอี้สุ่ยหานไม่มีประตู จึงเข้าออกได้สะดวกสบายมาก

พอเห็นคนชุดดำพวกนั้นตามเข้ามา เยี่ยหวันหวั่นก็รีบวิ่งไปหยุดตรงหน้าเจ้าหมาจรจัด “จอมยุทธ์อี้ พวกนั้นแหละ…”

นัยน์ตาที่เย็นเยียบจนบาดลึกถึงกระดูกของเจ้าหมาจรจัดตวัดมองพวกคนชุดดำ

พอเห็นว่ามีชายหนุ่มใส่ชุดนอนลายการ์ตูนเพิ่มขึ้นมาอีกคน พวกคนชุดดำก็ชะงักไปเล็กน้อย

ผู้ชายคนนี้รวบผมแล้วมัดเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง ใส่ชุดนอนลายการ์ตูนสีเหลือง เหมือนคนที่เดินออกมาจากโลกการ์ตูนยังไงยังงั้น

“มีตัวช่วยด้วยเหรอ?”

หัวหน้ากลุ่มคนชุดดำชะงักไปเล็กน้อย หลังจากเห็นเจ้าหมาจรจัด

ชายชุดดำกลุ่มนี้ไม่เคยเจอเจ้าหมาจรจัดมาก่อน แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน

“ทำไม…”

เจ้าหมาจรจัดจ้องกลุ่มคนชุดดำ แล้วเอ่ยเสียงต่ำ

“ทำไมอะไร?” หัวหน้ากลุ่มคนชุดดำชะงัก แล้วถามกลับโดยสัญชาตญาณ

“ทำไมต้องมากวนตอนฉันนอน” เจ้าหมาจรจัดบิดคอไปมา จากนั้นก็สาวเท้าก้าวใหญ่ๆ ไปทางกลุ่มคนชุดดำ

กลุ่มคนชุดดำยังไม่ทันตั้งตัว เจ้าหมาจรจัดก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่มีใครเห็นว่าเจ้าหมาจรจัดลงมือยังไง ชายชุดดำคนหนึ่งในกลุ่มกลับถูกเจ้าหมาจรจัดบีบคอจนเท้าลอยเหนือพื้นด้วยมือข้างเดียวแล้ว

ชายชุดดำที่ถูกเจ้าหมาจรจัดบีบคอใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัว คนคนนี้เป็นสัตว์ประหลาดรึไง?!

“รนหาที่ตาย!”

หัวหน้ากลุ่มคนชุดดำตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด

แต่ทว่า เพิ่งจะสิ้นเสียงเขา เสียงกระดูกหัก “กร๊อบ” กลับดังขึ้น

ลำคอของชายชุดดำที่ถูกเจ้าหมาจรจัดบีบคออยู่แหลกละเอียดในพริบตา

หลังจากบีบคอของชายชุดดำคนนั้นจนแหลก เจ้าหมาจรจัดก็คลายฝ่ามือซ้าย ร่างของชายคนนั้นร่วงกระทบพื้นดัง “โครม” ตายคาที่อย่างน่าอนาถ

“แก เมื่อกี้ว่ายังไงนะ…” ไม่นาน สายตาของเจ้าหมาจรจัดก็หันไปมองหัวหน้ากลุ่มคนชุดดำ

“แก…”

หัวหน้าคนชุดดำเหงื่อซึมเต็มหน้าผาก คนคนนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงได้น่ากลัวอย่างงี้…

“ลุยพร้อมกันเลย!”

ผ่านไปครู่หนึ่ง หัวหน้ากลุ่มคนชุดดำก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน พวกเขาก็มีคนมากกว่า หากสู้กันยังไม่แน่ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ ถ้าหากสู้ไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยหนีไปจากที่นี่ก็ได้

เมื่อสิ้นเสียงของหัวหน้ากลุ่มคนชุดดำ ชายชุดดำที่เหลือก็พุ่งตัวเข้าไปโจมตีเจ้าหมาจรจัด

แต่ทว่าเพียงหนึ่งเค่อต่อมา บนพื้นก็ปรากฏศพเพิ่มขึ้นมาอีกเจ็ดศพ ชายชุดดำพวกนั้นกลับไม่มีโอกาสหนีเลยแม้แต่น้อย

ห่างออกไปไม่ไกล เยี่ยหวันหวั่นยืนปากอ้าตาค้าง

อี้สุ่ยหานคนนี้เก่งจนน่ากลัวจริงๆ ไม่อยากจะคิกเลย ว่าในตัวเขามีพลังที่บ้าคลั่งอย่างงี้อยู่ได้ยังไง…

————————————————————————————-

บทที่ 1368 สัตว์ร้ายที่ขี้อ้อนที่สุด

ชายชุดดำพวกนั้นแทบไม่มีโอกาสทำอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าอี้สุ่ยหาน…

“จะมาติดประตูให้ฉันเมื่อไหร่” ผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าหมาจรจัดนั่งลงบนโซฟาแล้วพูดกับเยี่ยหวันหวั่น

“พรุ่งนี้…” เยี่ยหวันหวั่นรีบตอบ

เจ้าหมาจรจัดพยักหน้า “เงินไม่ใช่ปัญหา เอาประตูดีๆ มาติดให้ฉัน ฉันไม่อยากให้ใครมารบกวนบ่อยๆ”

เยี่ยหวันหวั่นมุมปากกระตุก โชคดีที่วันนี้เป่ยโต่วไม่ได้มาติดประตูให้เขา ไม่อย่างงั้นเธอต้องแย่แน่ๆ…

เยี่ยหวันหวั่นคิดในใจ พรุ่งนี้ตอนติดประตูต้องสั่งให้เป่ยโต่วเตรียมกุญแจสำรองเพิ่มหนึ่งดอกซะแล้ว…

“ที่เธอยังไม่ไปเพราะอยากนอนด้วยกันเหรอ” เจ้าหมาจรจัดเอนตัวลงบนโซฟา แล้วพูดกับเยี่ยหวันหวั่น

เยี่ยหวันหวั่นกล่าว “จอมยุทธ์อี้ลาก่อน!”

เอ่ยจบ เยี่ยหวันหวั่นก็หมุนตัวเดินออกไป

หลังออกมาจากบ้านของอี้สุ่ยหาน เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้ย้อนกลับไปที่บ้านผีสิง แต่กลับมุ่งหน้าไปที่บริษัท จากนั้นก็ลากเจ้าบีรุสกับต้าไป๋กลับบ้านพักด้วย

อัญเชิญบอดี้การ์ดสองตัวมาที่บ้านอย่างงี้ค่อยรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหน่อย…

ในบ้านพัก เจ้าบีรุสราวกับค้นพบดินแดนใหม่ มันกระโดดโลดเต้นไปมาในห้องโถงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ต้าไป๋อ้าปากหาว นอนหมอบบนพื้น นัยน์ตากลมโตจ้องมองเจ้าบีรุสไม่อย่างไม่ละสายตา

ผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าบีรุสกับต้าไป๋ก็โดนเยี่ยหวันหวั่นลากเข้าไปในห้องนอน

เจ้าบีรุสกระโดดขึ้นเตียงเยี่ยหวันหวั่นอย่างว่องไว จากนั้นก็เอาหัวหนุนท้องเยี่ยหวันหวั่น กางแขนกางขาในท่าที่สบายที่สุด

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก

นี่เป็นสัตว์ร้ายที่ขี้อ้อนที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา ไม่สงวนท่าทีของสัตว์ร้ายไว้เลยแม้แต่น้อย…

ส่วนต้าไป๋นั้นนอนขวางประตูด้วยลำตัวราชสีห์ขนาดใหญ่ของมัน ดุจเทพคุ้มครองประตูยังไงยังงั้น

……

เช้าตรู่วันต่อมา เยี่ยหวันหวั่นกลับไปที่บริษัท

เรื่องเมื่อคืน เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้บอกใคร ถึงเยี่ยหวันหวั่นจะสงสัยว่าเป็นฝีมือของพวกตาเฒ่าในพันธมิตรอู๋เว่ย แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน ถึงจะมีหลักฐาน แต่ด้วยอำนาจของเธอในพันธมิตรอู๋เว่ยตอนนี้ หากจะล้มตาเฒ่าพวกนั้นกลับเป็นไปได้ยาก

ตอนนี้ ทางที่ดีที่สุดก็คือดูสถานการณ์ไปเงียบๆ ก่อน

“พี่เฟิ่ง”

ผ่านไปไม่นาน ชีซิงก็เปิดประตูเข้ามาแล้วพูดกับเยี่ยหวันหวั่นว่า “เมื่อคืนเยี่ยนสยงโดนฆ่า สาขาใหญ่ของตระกูลเยี่ยนโกรธแค้น ต้องการคำอธิบายจากพันธมิตรอู๋เว่ยกับพี่เฟิ่ง ผู้อาวุโสหลายท่านให้ผมมาเรียกพี่ไปประชุม”

เยี่ยหวันหวั่นกล่าวว่า “เดี๋ยวฉันไป”

ชีซิงพยักหน้า จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานไป

หลังชีซิงออกไป เยี่ยหวันหวั่นก็ขมวดคิ้ว ตั้งแต่เธอมาอยู่ที่รัฐอิสระ เกรงว่าความยากลำบากครั้งแรกในการปลอมตัวเป็นแบดเจอร์แห่งพันธมิตรอู๋เว่ยกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

ในช่วงที่พันธมิตรอู๋เว่ยรุ่งเรืองที่สุด ตระกูลเยี่ยนไม่อยู่ในสายตาของพันธมิตรอู๋เว่ยเลยแม้แต่น้อย

แต่พอหัวหน้าพันธมิตรอู๋เว่ยหายตัวไป หลายปีมานี้ตระกูลเยี่ยนได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่เห็นพันธมิตรอู๋เว่ยอยู่ในสายตานานแล้ว

เมื่อวานเยี่ยนสยงน่าจะโดนจี้หวงฆ่า แต่ตระกูลเยี่ยนกลับเบนเข็มคาดโทษมาที่พันธมิตรอู๋เว่ย…

ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงาน เพื่อตรงไปยังห้องประชุม

……

ในห้องประชุม นอกจากหลี่ซือผู้อาวุโสสามแล้ว ยังมีผู้อาวุโสอีกสองคนอยู่ที่นี่ด้วย ที่เหลือก็เป็นสมาชิกระดับสูงในพันธมิตรอู๋เว่ย

“หึๆ…ท่านหัวหน้า คุณเพิ่งจะกลับมาแท้ๆ ทำไมถึงได้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้วล่ะ”

เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งจะปรากฏตัว ผู้อาวุโสสามหลี่ซือก็กล่าวอย่างแค่นยิ้ม

เพิ่งจะสิ้นเสียงของผู้อาวุโสสาม สมาชิกระดับสูงคนอื่นๆ ต่างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ถึงจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ว่าเยี่ยหวันหวั่นทำไม่ถูก แต่ความหมายในคำพูดก็คือกำลังตำหนิเธอ

เยี่ยหวันหวั่นไม่พูดอะไร เธอก้าวไปข้างหน้าแล้วดึงเก้าอี้ที่อยู่ตรงกลางห้องประชุมออก จากนั้นก็นั่งลง