TB:บทที่ 294 ดูถูก

 

เฉินหลงมองแอนเดสแล้วกล่าวไปพร้อมกับรอยยิ้ม “ได้เลย ผมไม่สุภาพแล้วนะ ขอบคุณครับ”

เนื่องจากสภาแห่งความมืดสุภาพเหลือเกิน อีกทั้งภรรยาเขายังชอบที่นี่ด้วย เขาจึงจะรับไว้

เขาเห็นว่าเฉินหลงตอบตกลง ใบหน้าแอนเดสจึงเผยรอยยิ้ม

 

เมื่อเขาได้ยินว่าปราสาทนี่เป็นของเธอแล้ว จี้โม่ซีจึงรีบพาเจสสิก้าไปยังปราสาทด้วยความตื่นเต้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมจึงไม่พาพี่น้องโอโนะมา เพราะว่าจี้โม่ซีมีสัญชาตญาณว่าพวกคนญี่ปุ่นตัวจิ๋วทั้งคู่นี่จะต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างกับสามีเธอแน่ อย่างไรเสียผู้หญิงที่ฉลาดรู้ว่ามีอะไรบางอย่างที่สืบลึกไม่ได้ และในตอนนี้ที่เธอกลายมาเป็นภรรยาของเฉินหลงแล้ว เธอก็ขี้เกียจจะทำอะไรให้มากความ ตราบใดที่เธอจะดูแลสามีเธอ

 

เนื่องจากเหตุผลนี้ จี้โม่ซีจึงไม่ค่อยจะชอบพี่น้องโอโนะนัก

ในขณะเดียวกันนั้น ด้วยพลังของเฉินหลงที่พัฒนาแล้ว ดูเหมือนว่าพลังของเฉินหลงจะดีขึ้นและดีขึ้น ก่อนหน้า เธอต้องการจะตามพี่น้องมาร่วมทุกข์สุขกับตน แต่ตอนนี้เธอไม่มีความคิดอะไรแบบนั้นแล้ว

ในท้ายที่สุด ผู้คนนั้นช่างเห็นแก่ตัว โดยเฉพาะเรื่องของความรู้สึก คนรัก ที่เป็นไปตามธรรมชาติอย่างเต็มที่

 

เมื่อจี้โม่ซีและเจสซิก้าไปยังปราสาทและถ่ายรูป แอนเดสพูดกับเฉินหลง “คุณเฉินหลง ในโบถส์เซนต์พอลจะมีคาดินัลสองคน ผู้ช่วยหัวหน้าเขตปกครองคนหนึ่ง ผู้บริหารอาวุโสสามคน ผู้ช่วยบาทหลวงระดับหนึ่งสิบห้าคน ผู้ช่วยบาทหลวงระดับสองสามสิบแปดคนเพื่อจัดการสอบสวน พลังของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ พวกเราจะลงมือให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นหลังจากที่คาดินัลประเมินจอกศักดิ์สิทธิแล้ว ของนั่นจะโดนนำไปแล้วพระสันตะปาปาที่น่ารังเกียจจะมอบให้กับอัศวินศักดิ์สิทธิ โบสถ์แห่งแสงจะแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก” แอนเดสว่า

 

“เช่นนั้น หากอยากให้ผมช่วยแล้ว แค่ขอมา” เฉินหลงพยักหน้า จะว่าไปแล้วการยืนยันของคาดินัลนี่คืออะไร

“การยืนยันคือการหาว่ามีความศักดิ์สิทธิหรือไม่ ของศักดิ์สิทธิบางอย่างนั้นน่ารังเกียจ ของบางอย่างโดนปกป้องไว้ แล้วพวกเขาก็จะเอากลับไปที่โบสถ์หลังจากที่ยืนยันตัวตนกับคาดินัลแล้ว” แอนเดสอธิบาย

“เมื่อไหร่ที่คุณจะทำเช่นนั้นหรือ” เฉินหลงถาม

 

“หากว่าทำได้ก็คืนนี้ครับ พลังของสภาในอังกฤษนี่ไม่เลวเลย ตราบใดที่โบสถ์แห่งแสงไม่เพิ่มพลังด้วยละก็คงไม่ยากนักหากจะไปยึดเอาพวกของศักดิ์สิทธิมา” แอนเดสกล่าว สายตาของเขาแสดงความโหดร้าย ตอนที่ขโมยจอกศักดิ์สิทธิ์อยู่นั้นเขายังต้องตัดสินใจว่าจะฆ่าพวกผู้ติดตามของโบสถ์แห่งแสงสักคนด้วย

“เยี่ยม ผมจะออกไปกับพวกคุณสักคนในตอนเย็นนะครับ” เฉินหลงพยักหน้า

เขาไม่อาจพลาดสงครามได้

เมื่อแอนเดสได้ยินที่เฉินหลงกำลังจะออกไปแล้ว แต่เขาไม่คาดว่าเขาจะไปเอง นี่คงไม่ใช่การช่วยตัวเขานิดหน่อยแล้ว

“เพราะคุณเฉินมาร่วมด้วย ภารกิจจะต้องสำเร็จแน่”

หลังจากนั้น เฉินหลงเดินไปรอบๆปราสาท สถานที่นี้จะต้องเหมาะกับการอยู่อาศัยมากแน่ๆ ที่นี้ห่างไกลและค่อนข้างใหญ่ เป็นที่ที่เหมาะให้เฉินหลงและคนของเขาอาศัยอยู่

 

ในตอนเย็น เฉินหลงออกไปกับแอนเดสพร้อมด้วยเทียซินและโบล์ดวิน เบอร์ตันกับโบว์แมนจากทีห้าสี

สองชั่วโมงต่อมา เฉินหลงและพวกคนที่มาด้วยมาถึง “เมืองหมอก”

ในระยะทางที่ห่างจากปราสาทมาแล้ว แอนเดสมาถึงอาคารหลังเล็ก สถานที่ตั้งของอาคารเล็กๆนั้นสามารถจะเห็นมหาวิหารได้

“เรากำลังทำอะไรกันอยู่” เฉินหลงถามแอนเดส

“แน่นอนว่านี่คือทีมแวนการ์ด” แอนเดสกล่าวจบแล้วก็มียิ้มแปลกๆบนใบหน้า

 

ค้างคาวเป็นสัตว์ที่เข้ากันไม่ได้กับโบถส์ เฉินหลงรู้สึกแปลกๆที่มีค้างคาวเยอะขนาดนี้อยู่แถวนี้

ขณะนั้นเองที่ นาฬิกาเรือนใหญ่บนมหาวิหารดังขึ้นในทันใด จากนั้นเสียงคลื่นก็กระจายไปทางค้างคาว

เมื่อได้ยินสียงระฆังพวกนี้แล้ว คิ้วของเฉินหลงจึงขมวด พลังของระฆังที่ดังมีมากถึงระดับกำเนิด

หลังจากที่พวกค้างคาวโดนระฆังโจมตีใส่แล้ว พวกมันแปลงร่างเป็นมนุษย์ทีละตัวจากนั้นก็โฉบต่อลงไปบนโบสถ์

 

ในตอนนั้นเองที่มีเสียงดังขึ้น “ในนามแห่งพระเจ้า จงขับไล่ปิศาจทั้งหมดในโลกหล้า”

ทันใดที่คำคำนี้ออกมา แสงสีขาวพลันพุ่งออกมาจากโบสถ์ จากนั้นก็กระจายออกในทันที

ร่างสีดำ เปลี่ยนไปเป็นค้างคาวด้วยแสงสีขาวที่มีเงาดำห่อหุ้ม พวกเขากรีดร้องและเปลี่ยนไปเป็นค้างคาวอย่างรวดเร็ว พวกมันบินหนีไปทั่วทุกสารทิศ

 

อย่างไรเสีย เนื่องจากโจมตีแสงศักดิ์สิทธิที่ส่องสว่างทำให้ร่างสีดำมากกว่าสิบร่างที่เข้าไปโจมตีตกลงพื้นไปทันใด มีควันดำที่ห่อหุ้มรอบพวกมันราวกับว่ากำลังโดนแผดเผา

ในตอนนั้นเอง ชายผมขาวอายุราวหกสิบปีในชุดแห่งพระสันตะปาปาสีแดง เดินออกไปจากโบสถ์และมองควันแวมไพร์สีดำบนพื้น เขากล่าวไปว่า

 

“นี่คือแวมไพร์จากโลกมืด ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกำลังเล็งชุดเกราะอัศวินศักดิ์สิทธิ พวกเขาจะต้องโดนสั่งให้มาทำลายของศักดิ์สิทธิพวกนี้แน่ๆ ของพวกนี้เป็นของศักดิ์สิทธิอันทรงพลัง ราวกับจะสร้างอัศวินศักดิ์สิทธิขึ้นมาใหม่ ของเหล่านั้นจะถูกทำลายไม่ได้ พวกเราจะออกไปพร้อมของศักดิ์สิทธิและกลับไปยังโบสถ์แห่งแสง แล้วความศักดิ์สิทธิจะรับรู้ได้ด้วยชุดเกราะนี้”

 

ขณะนั้น จะมีคาดินัลและกรรมการตัดสินมาร่วมมือกับเขา คนที่ยืนอยู่อย่างไม่เป็นที่สนใจเบื้องหลังพวกเขา

แม้พวกผู้ตัดสินพวกนี้และโบสถ์จะมีสองระบบ ทั้งสองอย่างนี้อยู่ภายใต้การนำของพระสันตะปาปา โดยปกติแล้ว ถึงทั้งสองฝั่งจะไม่ชอบกันนัก แต่ในสถานการณ์นี้ พวกเขามาร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้น อีกอย่างหนึ่ง อังกฤษเป็นที่ที่แสงดำมืดฉายริบหรี่ พวกเราควรจะออกจากที่นี่ไปดีกว่า

 

“สติปัญญาเป็นสิ่งที่ดี มีคาดินัลสองคนและเพชฌฆาตของผู้พิพากษาอยู่ ทีมแวนการ์ดออกไปแล้ว แน่ล่ะ นี่คือกองทัพขนาดใหญ่” แอนเดสว่า

ในตอนนี้เพชฌฆาตของผู้พิพากษพร้อมจะเผาพวกแวมไพร์ด้วยแสงศักดิ์สิทธินั้นเอง เสียงทุ่มต่ำดังขึ้นมา

“หากว่าคุณต้องการจะออกไปแล้ว ก็ควรทิ้งจอกศักดิ์สิทธิไว้ที่นี่ คุณยังไม่ได้ยืนยันว่าเสื้อเกราะนี่ช่างศักดิ์สิทธิจริงหรือไม่ ดังนั้นคุณควรที่จะทิ้งมันไว้กับพวกเรา เมื่อทำตามแล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องสู้กันจนตาย”

จากนั้นคนมากกว่าสิบคนในชุดคลุมสีดำ ที่เหมือนกับชุดของแอนเดส พวกเขาค่อยๆออกมาจากความมืดรอบๆจัตุรัส

 

ด้วยการปรากฏตัวของชายในชุดคลุมสีดำ ขอบเขตสีดำเข้ามาล้อมรอบทั้งโบสถ์เซนต์พอลไว้

เมื่อเห็นว่าคนในชุดคลุมดำพวกนั้น ตาแอนเดสฉายความอิจฉา

หลังจากนั้น เสียงยังพูดต่อไป “อีกอย่าง ชุดเกราะนั้นเป็นวัตถุโบราณของจักรวรรดิอังกฤษ ตามกฏหมายของจักรวรรดิอังกฤษ การเอาวัตถุทางวัฒนธรรมออกไปจากศุลกากรโดยไม่มีคำอนุญาตนี่ผิดกฎหมาย คุณรู้ใช่ไหม ผู้แทนพระเจ้าจะเพิกเฉยกับกฎหมายของโลกนี้ได้หรือ นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าพระเจ้า พระเจ้าจะทำเช่นนั้นหรือ ลักขโมยน่ะ”

ช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความเหยียดหยามและดูถูกต่อพระเจ้า