ตอนที่ 653
ไม่ไว้ใจ
“ท่านพ่อ เมื่อสิบห้าปีก่อนตอนนั้นท่านอยู่ที่ไหน”ไป๋จูเหวินยังไม่ทันได้ทราบสถานการณ์อะไรก็โดนลากตัวเข้ามาในห้องโถงเสียแล้ว
“เจ้าพูดอะไรกัน ตอนนั้นเจ้าก็อยู่กับข้าไม่ใช่หรือ”ไป๋จูเหวินตอบพลางเลิกคิ้วสงสัย ความทรงจำของตระกูลไป๋ล้ำเลิศแค่ไหนทำไมไป๋หลินถึงจำไม่ได้กัน
“ตอนนั้นแม่ไปเยี่ยมท่านตาของเจ้าพอดีก็เลยไม่ได้อยู่ที่เขตอสูรผาไร้ก้นด้วยสิ ลูกคิดว่าพ่อของเจ้าจะแอบออกไปตอนไหนหรือเปล่า”เหม่ยหลินถามพลางจ้องมองสามีของตนด้วยท่าทีไม่ไว้ใจ
“ก็มีบางวันที่ท่านพ่อหายไปเหมือนกันเจ้าค่ะ ถ้าขี่อสูรบินความเร็วสูงๆไปเวลาแค่นั้นไปกลับอาณาจักรซานได้สบายอยู่แล้ว”ไป๋หลินตอบพลางพยักหน้าช้าๆเหมือนกำลังเชื่อมโยงอะไรบางอย่างสำเร็จ
“ไป๋หลินเจ้าพูดเรื่องอะไรกัน ตอนหลินเฟยกับชิวซุยได้ยินเรื่องอาณาจักรซานจากท่านน้าไก่ฟ้าข้ายังบอกเจ้าอยู่เลยไม่ใช่หรือไงว่าข้าไม่เองก็ไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน”ไป๋จูเหวินเหงื่อตกพลางตอบคำถามบุตรสาวด้วยท่าทีงุนงงอย่างหนัก นี่พวกนางกำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
“แต่เด็กคนนี้ก็เกิดที่อาณาจักรซานนะเจ้าคะ หากไม่ใช่เพราะท่านพ่อนางจะเกิดมามีพลังดึงดูดเหล่าอสูรได้อย่างไร”ไป๋หลินถามพลางจับบ่าเซี่ยจินเย่เอาไว้เบาๆ
“เรื่องนั้นมันก็มีหลายสาเหตุไม่ใช่หรือไง…..”ไป๋จูเหวินยิ้มเจื่อนๆออกมาพลางมองเซี่ยจินเย่ด้วยท่าทีงงๆ จากที่ไป๋หลินเล่ามาดูเหมือนเด็กคนนี้จะถูกพ่อแท้ๆทิ้งเอาไว้ไม่ยอมเลี้ยงดู และสิ่งเดียวที่เชื่อมโยงระหว่างตัวนางกับพ่อก็คือพลังดึงดูดเหล่าอสูรที่นางมีติดตัวมาตั้งแต่เกิด
“ท่านพี่ ท่านเป็นคนไม่รับผิดชอบเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หากท่านจะมีหญิงอื่นข้าก็ไม่เคยห้ามนะเจ้าคะ แต่ทำไมท่านต้องปล่อยให้เด็กคนนี้ต้องเติบโตตามลำพังด้วย”เหม่ยหลินพูดด้วยท่าทีเศร้าสร้อย เพียงแต่ท่าทีเศร้าๆของนางกลับดูแปลกไปเสียหน่อย…..
“นี้พวกเจ้า”ไป๋จูเหวินเห็นท่าทีแปลกๆของภรรยาก็หันไปมองเจ้าเด็กตัวแสบไป๋หลินทันที
“ท่านแม่ ท่านแม่เข้าใจผิดแล้วท่านพ่อไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นหรอก”ไป๋หลินเห็นท่านพ่อจับได้แล้วก็รีบหลบสายตาก่อนจะเปลี่ยนฝั่งมาอยู่ฝั่งบิดาของตนทันที
“พูดอะไรของเจ้า แม่ไม่เคยสงสัยพ่อหรอกนะ”เหม่ยหลินยิ้มพลางตรงเข้าไปกอดแขนของไป๋จูเหวินเอาไว้แน่น เห็นแบบนี้แล้วจะให้ไป๋จูเหวินถือสาพวกนางได้อย่างไร
“เอาล่ะ ไหนเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น”ไป๋จูเหวินถอนหายใจออกมาพลางมองไปที่เซี่ยจินเย่ที่กำลังทำหน้างงกับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่
“อย่างที่ข้าบอกไปก่อนหน้านี้เจ้าค่ะ เด็กคนนี้มีนามว่าเซี่ยจินเย่ นางเป็นลูกศิษย์ของหลินเฟยที่พึ่งเดินทางมาจากอาณาจักรซาน ดูเหมือนว่านางจะมีพลังดึงดูดเหล่าอสูรติดตัวมาตั้งแต่เกิดก็เลยสงสัยว่าพวกเราที่เป็นครอบครัวของหลินเฟยจะเกี่ยวข้องกับพ่อของนางที่หายไปหรือไม่เจ้าค่ะ”ไป๋หลินเล่าจบเซี่ยจินเย่ก็พยักหน้าช้าๆเพื่อเป็นการยืนยัน ความจริงก่อนหน้าไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินจะกลับมา ไป๋หลินก็บอกกับเซี่ยจินเย่เอาไว้แล้วว่าพ่อของนางไม่เคยไปอาณาจักรซานเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไป๋จูเหวินจึงไม่ใช่พ่อของนางแน่ๆ นอกจากนี้เซี่ยจินเย่ยังไม่มีพลังของอสูรแมงมุมติดตัว และไม่มีความสามารถจดจำเหนือมนุษย์ของตระกูลไป๋ นั่นก็คือพลังดึงดูดเหล่าอสูรในร่างเซี่ยจินเย่นั้นมาจากคนรุ่นก่อนไป๋จูเหวินที่ได้รับพลังของอสูรแมงมุมและความทรงจำเหนือมนุษย์ของราชวงศ์ชินมานั่นเอง
“แบบนี้นี่เอง หมายความว่าบิดาของเจ้าเป็นคนตระกูลหวังสินะ”ไป๋จูเหวินได้ยินเรื่องราวก็สรุปออกมาได้ทันที มารดาของไป๋จูเหวินเองก็ไม่มีความสามารถจดจำเหมือนท่านพ่อ นั่นหมายความว่าแต่เดิมคนตระกูลหวังก็มีเพียงพลังดึงดูดเหล่าอสูรเท่านั้น อย่างน้อยเซี่ยจินเย่ก็น่าจะเป็นลูกหลานของใครสักคนในตระกูลหวังเป็นแน่ แต่….ยังมีคนตระกูลหวังเหลืออยู่อีกงั้นหรือ เท่าที่ฟังมาจากท่านแม่ของตนนางบอกว่านางเป็นคนเดียวที่เหลือรอดอยู่นี่นา….
“หวังหรือเจ้าคะ”เซี่ยจินเย่เบิกตากว้างด้วยท่าทีประหลาดใจ ท่านแม่ของเซี่ยจินเย่ไม่เคยเล่าเรื่องของท่านพ่อมาก่อนเลย ไม่ใช่แค่ไม่เล่านางจงใจเลี่ยงเสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าเซี่ยจินเย่จะถามอะไรเกี่ยวกับพ่อของตนท่านแม่ก็จะเบี่ยงไปเรื่องอื่นเป็นประจำ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เซี่ยจินเย่ได้ทราบว่าบิดาของตนนั้นเป็นคนตระกูลหวัง
“ถูกแล้ว ข้าเชื่อว่าบิดาของเจ้าเป็นคนที่มีบรรพบุรุษคนเดียวกันกับพวกเรา หรือก็คือเจ้าเป็นญาติห่างๆของพวกเรานั่นเอง”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอบอุ่น ในสายตาของไป๋จูเหวินยามนี้มองเซี่ยจินเย่เหมือนหลานสาวคนหนึ่งเลย แถมนางยังเป็นลูกศิษย์ของหลินเฟยด้วยคิดว่าหลินเฟยคงไม่เอาคนแย่ๆมาเป็นศิษย์หรอก
“ญาติ…..”เซี่ยจินเย่มองคนตระกูลไป๋ด้วยท่าทีอึ้งๆ นางมีครอบครัวคนอื่นนอกจากท่านแม่ด้วยสินะ แม้นางจะไม่เคยคาดหวังแต่พอรู้ว่าตนเองไม่ได้อยู่กับแม่ตามลำพังก็ทำให้เซี่ยจินเย่รู้สึกดีใจอย่างประหลาด
“เซี่ยจินเย่……”ชิวซุยที่นั่งอยู่ข้างๆนางพูดออกมาด้วยท่าทีตกใจ เพราะตัวเซี่ยจินเย่ที่นั่งอึ้งจนถึงเมื่อครู่กลับหลั่งน้ำตาออกมาเสียอย่างนั้น
“ขอโทษเจ้าค่ะ ข้า…”เซี่ยจินเย่เองก็ไม่ทราบทำไมตนเองถึงได้ร้องไห้ออกมา นางก็แค่อยากรู้ว่าพ่อของตนเองเป็นใครเฉยๆไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงรู้สึกดีใจนักที่รู้ว่าตนเองยังมีครอบครัวคนอื่นอยู่
“หลานเซี่ย เจ้าพักผ่อนที่นี่ก่อนก็แล้วกัน ทุกคนที่นี่ยินดีต้อนรับเจ้าเสมอ”ไป๋จูเหวินเห็นท่าทีของนางก็ถอนหายใจออกมาช้าๆ ความรู้สึกดีใจตอนที่รู้ว่าครอบครัวของตัวเองยังอยู่นั้นไป๋จูเหวินเข้าใจดี
“เจ้าค่ะ….”เซี่ยจินเย่พยายามเช็ดน้ำตาของตนเองก่อนจะกลับมายิ้มเช่นเดิม
“จริงสิ เซี่ยจินเย่ แล้วพี่ชายข้ารู้หรือเปล่าว่าเจ้ามาที่นี่”ระหว่างกำลังพาเซี่ยจินเย่ไปพักที่ห้องภายในปราสาทจำลอง ชิวซุยก็เอ่ยถามเซี่ยจินเย่ด้วยท่าทีสงสัย นางบอกว่าหลินเฟยพาพวกตนมาฝึกวิชาที่อาณาจักรไป๋ แต่ไม่มีทางที่หลินเฟยจะปล่อยเซี่ยจินเย่เข้ามาในเขตอสูรตามลำพังทั้งๆที่ไม่ทราบว่านางมีพลังดึงดูดเหล่าอสูรแน่ๆ
“เรื่องนั้น……”เซี่ยจินเย่หลบสายตาชิวซุยทันทีที่ได้ยินคำถาม นางแอบหนีหลินเฟยมานี่นา
“แอบหนีมา…แบบนี้ท่านพี่ต้องเป็นห่วงเจ้าแน่ๆเลยไม่ใช่หรือไง”ชิวซุยได้ฟังว่าเซี่ยจินเย่แอบหนีมาก็แสดงท่าทีตำหนิเซี่ยจินเย่ทันที
“ขอโทษเจ้าค่ะ ตอนนั้นข้าเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่ก็เลยเผลอมาที่นี่”เซี่ยจินเย่ตอบพลางก้มหน้าลงน้อยๆ
“ข้าจะส่งจดหมายไปบอกท่านพี่ก่อน เจ้าไปพักผ่อนที่ห้องแล้วพรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปส่ง”ชิวซุยว่าพลางนำกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาเขียนอย่างรวดเร็ว
“เจ้าค่ะอาจารย์อา”เซี่ยจินเย่ยิ้มเจื่อนๆออกมาพลางเข้าไปในห้องด้วยท่าทีสำนึกผิด ส่วนชิวซุยนั้นก็บอกให้นางพักผ่อนแล้วเดินไปเรียกอสูรปักษาตนหนึ่งให้ไปส่งจดหมายให้ตนเองทันที
“เป็นห่วงงั้นเหรอ”เซี่ยจินเย่พึมพำออกระหว่างเอนกายอยู่บนเตียง นี่คือสิ่งที่ครอบครัวปกติทำกันสินะ…..
.
.
“ท่านพ่อ มีอะไรหรือขอรับ”หลังจากแยกออกมาจากเซี่ยจินเย่แล้ว อยู่ๆไป๋จูเหวินก็บอกให้ต้าหวานไปตามตัวไป๋จูล่งให้มาพบตนเองทันที
“เรื่องของเซี่ยจินเย่ทำข้าแปลกใจไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าจะมีคนตระกูลหวังเหลืออยู่”ไป๋จูเหวินตอบพลางถอนหายใจออกมา เรื่องนี้แม้จะฟังดูปกติ แต่พลังดึงดูดเหล่าอสูรไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากผู้ใช้นำไปใช้ในทางที่ผิดผลลัพธ์ที่ออกมาย่อมเลวร้ายมาก อาจจะเพราะเคยเห็นเรื่องที่ชินอี้ทำหรือแม้แต่เรื่องที่มารดาของตัวเองเคยโดนไป๋จูเหวินเลยรู้สึกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ล่งเอ๋อ เจ้าช่วยไปที่อาณาจักรซานแล้วตามหาบิดาของเซี่ยจินเย่ให้ข้าหน่อย ข้าอยากทราบว่าบิดาของเซี่ยจินเย่นั้นเป็นใคร แล้วทำอะไรอยู่กันแน่”ไป๋จูเหวินพูดพลางมองไปทางบุตรชายของตนเองด้วยท่าทีคาดหวัง แต่เดิมไป๋จูเหวินควรจะไปด้วยตนเอง แต่เพราะพึ่งเดินเรื่องล้มล้างตระกูลไป๋ได้ไม่นาน ตนจึงจำเป็นต้องอยู่ที่อาณาจักรไป๋เพื่อเฝ้ามองสถานการณ์ไม่สามารถเดินทางไปด้วยตนเองได้
“ขอรับ”จูล่งตอบรับพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายๆ น่าเสียดายที่ไป๋จูล่งไม่มีความคิดกังวลเหมือนบิดาของตนเลย มันคิดว่าที่บิดาของตนให้ไปตามหาพ่อของเซี่ยจินเย่ก็เพื่อช่วยเหลือนางเท่านั้น
“อืม…”ไป๋จูเหวินมองบุตรชายตนเองพลางกะพริบตาปริบๆ นี่มันใช้งานถูกคนหรือเปล่านะ…. แต่ก็ช่วยไม่ได้หรอกเพราะทั้งเหม่ยหลินและไป๋หลินต้องอยู่ช่วยงานล้มล้างตระกูลไป๋เสียก่อนเลยเหลือเพียงจูล่งที่ครอบครองแต่บริษัทที่อาณาจักรไชน์เท่านั้นที่พอมีเวลาว่างพอจะไปสืบข้อมูล หวังว่าจูล่งจะทำงานสำเร็จนะ
.
.
“อาจารย์ ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ”ในวันต่อมา เซี่ยจินเย่ก็เดินทางกลับมาที่ยอดเขาฝึกฝนวิชาที่นางแอบหนีออกมาด้วยตนเอง แม้ชิวซุยจะขอมาส่งด้วยตนเอง แต่เซี่ยจินเย่ก็บอกว่าตนสามารถเดินทางมาด้วยตนเองได้ไม่มีปัญหา
“เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเจ้าทำให้ข้าเป็นห่วง”หลินเฟยว่าพลางจ้องเซี่ยจินเย่ด้วยท่าทีตำหนิ แต่แทนที่จะกลัวหรือรู้สึกผิดเซี่ยจินเย่กลับรู้สึกดีใจเสียอย่างนั้น
“ข้าขอโทษเจ้าค่ะ”เซี่ยจินเย่ตอบพลางก้มหัวลงน้อยๆ
“ใครเขาขอโทษแล้วยังยิ้มอยู่ไม่ทราบ เจ้าขาดซ้อมไปตั้งสองวันรีบไปฝึกกับคนอื่นๆได้แล้ว”หลินเฟยว่าพลางสั่งให้เซี่ยจินเย่รีบกลับไปฝึกซ้อมเสีย โชคดีที่ชิวซุยรีบส่งจดหมายมาบอกไม่อย่างนั้นหลินเฟยคงเป็นห่วงจนเป็นบ้าแน่ๆ ในอาณาจักรไป๋ก็ใช่ว่าจะมีคนไม่ดี นางมีพลังเพียงเท่านี้หากพลาดโดนคนพวกนั้นเล่นงานเอาจะเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นเซี่ยจินเย่กลับมาอย่างปลอดภัยหลินเฟยกลับดุนางไม่ลงเสียอย่างนั้น
“เจ้านี่…เป็นอาจารย์ที่ไม่ได้เรื่องเลยนะ”อู๋หมิงว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเอ็นดู ปกติแล้วเวลานี้อาจารย์สมควรดุด่าลูกศิษย์ให้สำนึกสิ
“ข้ารู้ขอรับ”หลินเฟยตอบพลางหลบสายตาอู๋หมิงทันที ตอนแรกหลินเฟยก็เข้าใจว่าตนเองจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่พอมาเป็นอาจารย์ของพวกฟงเป่าก็ได้ทราบว่าตนเองเป็นอาจารย์ที่ไม่ได้เรื่องเลย มีหลายๆอย่างต้องปรับไปทีละน้อยกว่าจะเข้าที่เข้าทาง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเรื่องพลาดอีกตั้งหลายอย่างเช่นเรื่องของเซี่ยจินเย่ในครั้งนี้ ทำไมมันถึงไม่สังเกตเลยว่านางจะแอบหนีไปหาชิวซุยแบบนี้