ตอนที่ 654 อย่าเหมารวม

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 654

อย่าเหมารวม

“เจ้านี่แปลก ทำไมถึงอยากไปหาชิวซุยเสียเฉยๆล่ะ”หลังจากลงโทษเซี่ยจินเย่ด้วยการฝึกหนักหลายวัน หลินเฟยก็เอ่ยถามนางเรื่องสาเหตุที่หนีไปเขตอสูรผาไร้ก้นเสียเฉยๆ โดยเซี่ยจินเย่กลับให้เหตุผลว่านางอยากไปพบอาจารย์อาของนางเท่านั้นโดยไม่พูดถึงเรื่องพลังดึงดูดเหล่าอสูรแต่อย่างไร

“ก็อาจารย์บอกว่าที่นี่อสูรอยู่ร่วมกับมนุษย์นี่เจ้าคะ ข้าก็เลยอยากไปพบอาจารย์อาเฉยๆ”เซี่ยจินเย่ตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา

“ข้าอธิบายไม่ชัดเองสินะ ไม่ใช่ว่ามนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับอสูรแล้วจะสามารถไปได้ทุกที่หรอก มันก็มีสถานที่ห้ามเข้าเหมือนกัน”หลินเฟยถอนหายใจออกมาเพราะเข้าใจว่าเซี่ยจินเย่เข้าใจผิดไปเอง

“อาจารย์ ข้าขอโทษเจ้าค่ะ”เซี่ยจินเย่เห็นหลินเฟยทำท่าทีลำบากใจก็เอ่ยปากขอโทษขึ้นมา นางแสดงท่าทีสำนึกผิดอย่างเห็นได้ชัดแถมหลินเฟยก็ลงโทษนางไปแล้วก็คงไม่มีอะไรต้องโกรธกันอีก

“อย่าให้มีครั้งหน้าอีกก็แล้วกัน”หลินเฟยถอนหายใจออกมาช้าๆ แม้ท่านตาอู๋หมิงจะบอกว่าหลินเฟยควรดุเซี่ยจินเย่ให้หลาบจำเสียหน่อย แต่หลินเฟยไม่ใช่คนที่จะพูดจาทำร้ายหญิงสาวได้หากไม่เกลียดจริงๆ

“หลินเฟย ต่อไปตาเจ้าแล้ว”เมื่อเห็นว่าหลินเฟยคุยกับเซี่ยจินเย่เสร็จแล้ว อู๋หมิงที่ยืนอยู่กลางลานประลองก็เรียกหลินเฟยเข้าไปหา ตอนนี้ฟงเป่ากับหนี่หลิงหนานที่ใช้วิชากระบี่และดัชนีกระบี่ต่างนั่งแหมะกับพื้นด้วยท่าทีหมดแรงหลังจากช่วยกันโจมตีใส่อู๋หมิงอย่างหนัก น่าเสียดายต่อให้พวกมันทั้งสองพลังสูงส่งกว่านี้ก็ใช่ว่าจะทำอะไรท่านตาอู๋หมิงได้ง่ายๆ ท่านเป็นยอดฝีมือด้านวิชาต่อสู้อย่างแท้จริง ท่านไม่มีพลังอสูร ไม่มีความสามารถทางร่างกายแปลกประหลาดเหมือนตระกูลไป๋ แต่ท่านกลับเป็นคนที่เหนือกว่าท่านแม่ของหลินเฟยอย่างไป๋หลินอย่างชัดเจน แถมยังทัดเทียมกับท่านยายที่ว่ากันว่าฝีมือกระบี่เป็นรองแค่ท่านตาทวดเท่านั้นอีกต่างหาก ในสายตาหลินเฟยกระบี่เทพอัสนีของอู๋หมิงเป็นวิชาที่เทียบเท่ากระบี่ทองราชวงศ์ชินเลย

“ช่วยทำให้ตาสนุกหน่อยเถอะ”อู๋หมิงยิ้มออกมาพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีสบายๆ แน่นอนว่าคำตอบที่ได้คือสายตาประชดของหลินเฟยนั่นเอง สนุก? คนที่ประลองกับท่านตาอู๋หมิงได้ก็มีแต่พวกท่านตาท่านยายเท่านั้นล่ะ อย่ามาหวังกับหลายชายที่พึ่งอยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้น 1 เลย

“ยอดเลยนะ….”อาทู้เดินมานั่งข้างๆเซี่ยจินเย่พลางมองการประลองของอู๋หมิงกับหลินเฟยด้วยท่าทีชื่นชม หลายวันที่พวกนางฝึกอยู่ที่นี่นอกจากจะเพิ่มพูนพลังวิญญาณและพลังอสูรอย่างมากแล้วยังได้ประลองกับผู้มาฝึกฝน ณ สถานที่แห่งนี้ด้วย วิชาของคนในอาณาจักรไป๋พัฒนากว่าอาณาจักรซานมาก แม้จะได้ยอดวิชาจากหลินเฟยแล้วแต่การได้เจอวิชาแปลกตามากมายก็ทำให้พวกนางได้พัฒนาขึ้นมากจริงๆ

“ทั้งฟงเป่า ทั้งหนี่หลิงหนาน พยายามกันเต็มที่เลย ทั้งสองคนต้องเก่งขึ้นแน่ๆ”เซี่ยจินเย่ตอบพลางยิ้มด้วยใบหน้าอ่อนโยนอย่างเช่นเคย ตอนนี้ปัญหาคาใจของนางคลี่คลายไปได้แล้ว แม้จะยังไม่เจอบิดาของตนแต่นางก็ไม่ไขว้เขวหรือพวงเรื่องอื่นอีก เซี่ยจินเย่ตอนนี้เลยกลับมาทำตัวสบายๆเรื่อยเปื่อยของนางต่อไป

“แต่ข้าไม่ไหวหรอกนะ บอกตามตรงข้าเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว”อาทู้ถอนหายใจออกมาพลางมองไปที่ฝ่ามือตนเอง วิชาลมปราณมังกรแม้จะทำให้ฝึกฝนได้รวดเร็วแต่ก็กินพลังงานอย่างมากเพราะร่างกายต้องฝืนจนบาดเจ็บแล้วค่อยใช้พลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ในการรักษากลับมาเป็นเหมือนเดิม แม้พลังของอาทู้จะฟื้นกลับมาเยอะแล้วแต่ก็ไม่สามารถฝึกอย่างต่อเนื่องได้เพราะร่างกายของนางไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนของคนตระกูลไป๋เสียหน่อย

“เซี่ยจินเย่ เจ้าไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิ”อาทู้ว่าพลางจับแขนของเซี่ยจินเย่เอาไว้ด้วยท่าทีอ้อนๆ นางอยากฝึกวิชาก็จริง แต่นางก็อยากออกไปพักบ้าง บนยอดเขาแห่งนี้มีแต่ม่านหมอกไม่ค่อยมีที่สวยๆให้พักผ่อนหย่อนใจเลย

“ถ้าแค่ใกล้ๆก็ได้เจ้าค่ะ”เซี่ยจินเย่ตอบพลางพยักหน้าช้าๆ หากหายไปไกลอีกมีหวังอาจารย์หลินเฟยได้คิดว่านางแอบออกไปข้างนอกอีกรอบแน่ๆเลย

.

.

“……….”แม้จะชวนเซี่ยจินเย่ออกมาเดินเล่นก็จริง แต่สถานที่ฝึกฝนวิชาแห่งนี้ไม่ได้มีจุดชมวิวเลย ที่นี่คือภูเขาสูงที่มีแต่หมอกสีขาวจางๆตลอดเส้นทาง ต่อให้เดินลงไปถึงหมู่บ้านด้านล่างก็ไม่มีอะไรให้ดูจริงๆ เพราะแบบนี้ไงหลินเฟยเลยไม่เคยพาสาวๆมาเที่ยวที่นี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว

“หวา….สมกับเป็นสถานที่ฝึกฝนวิชาอย่างจริงจังจริงๆ”อาทู้บ่นพลางเดินกลับขึ้นมาบนยอดเขาด้วยท่าทีผิดหวัง

“ช่วยไม่ได้นี่นา พวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะมาเที่ยวสักหน่อย”เซี่ยจินเย่ยิ้มเจื่อนๆออกมาพลางเดินตามอาทู้ด้วยความเร็วที่น้อยกว่านิดหน่อย

“มิน่าล่ะถึงไม่เห็นคนหนุ่มสาวคนอื่นเลย ที่นี่คงมีแต่คนแก่มาจริงๆละมั้ง”อาทู้บ่นออกมาพลางมองไปรอบๆ คนที่มาฝึกที่ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นคนเก่าแก่รุ่นอู๋หมิงทั้งนั้น แม้ภายนอกจะดูยังหนุ่มแต่ก็อายุอานามเกิน 50 ปีขึ้นไปกันทุกคน

“พวกเจ้า เหมารวมแบบนั้นมันไม่ดีไม่ใช่หรือไง”ระหว่างอาทู้กำลังเดินบ่นอยู่นั้น ที่ด้านหลังของพวกนางก็ปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังเดินตามพวกนางขึ้นมาบนยอดเขาโดยด้านหลังของนางนั้นมีผู้ติดตามมาด้วย 2 คนท่าทางจะเป็นคนมีฐานะไม่น้อยเลย

“ข้าพึ่งจะอายุยี่สิบปี ไม่ได้แก่อย่างที่พวกเจ้าเข้าใจหรอกนะ”หญิงสาวคนนั้นเห็นอาทู้กับเซี่ยจินเย่หันมามองด้วยท่าทีงงๆก็เอ่ยคำตอบออกมาด้วยตนเอง นางแค่ไม่พอใจที่อาทู้หาว่าที่นี่มีแต่คนแก่เท่านั้นเอง

“แฮะๆ พี่สาวจ้าแค่บ่นไปอย่างนั้นเองพี่สาวอย่าถือโทษข้าเลยนะ”อาทู้ว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา

“เอาเถอะ ข้าแค่ไม่อยากให้พวกเจ้าเข้าใจผิดเท่านั้นเอง”หญิงสาวตรงไม่ได้คิดจะเอาผิดอะไรหรอก นางเพียงแต่อยากแก้ไขเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นเอง

“ขอบคุณพี่สาว ท่านช่างใจกว้างจริงๆ”อาทู้ยิ้มกว้างก่อนจะประสานมือให้อีกฝ่ายด้วยท่าทียิ้มแย้ม นางปากพร่อยไปหน่อยได้รับการอภัยถือว่าอีกฝ่ายใจดีทีเดียว

.

.

ตั้งแต่อู๋หมิงเข้ามาช่วยฝึก ทั้งหลินเฟยและลูกศิษย์ต่างก็โดนขังอยู่ในลานประลองแทบจะตลอดเวลา พอฝึกฝนพลังเสร็จก็ประลองกันเพื่อฝึกฝนฝีมือต่อโดยเฉพาะหลินเฟยที่โดนอู๋หมิงดุเอาว่าไม่ยอมฝึกซ้อมแทบจะโดนอู๋หมิงติววิชาฝีมือหนักกว่าพวกลูกศิษย์เป็นสิบๆเท่าได้ ทำเอาหลินเฟยแทบไม่มีเวลามาแนะนำพวกฟงเป่าเลย ปล่อยให้พวกนางเรียนรู้เอากับคนที่มาร่วมประลองและจากอู๋หมิงอีกที

“พี่สาวคนนั้นยังฝึกอยู่เลยนี่นา”อาทู้ที่ออกมาพักผ่อนกับเซี่ยจินเย่เช่นเคยพูดพลางมองไปทางเนินเขาแห่งหนึ่งที่มีร่างของหญิงสาวที่เคยเอ่ยปากทักท้วงอาทู้นั่งอยู่ นางนั่งฝึกฝนอยู่ตรงนั้นมาหลายวันแล้วโดยมีคนติดตามเฝ้าระวังอยู่

“นางดู แปลกๆนะ”เซี่ยจินเย่ว่าพลางมองหญิงสาวคนนั้นด้วยท่าทีประหลาดใจ นางดูเศร้าๆอย่างประหลาดไม่เหมือนคนที่มาเพื่อฝึกฝนวิชาเลย แถมนางยังสวมใส่เสื้อผ้าสีขาวอย่างกับกำลังบวชชีไม่มีผิด

“พี่สาว ท่านดูไม่สบายใจเลยมีเรื่องอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ”อาทู้เห็นเช่นนั้นแทนที่จะปล่อยผ่านกลับเดินเข้าไปหาหญิงสาวคนนั้นด้วยท่าทีสงสัย

“เจ้า…มีธุระอะไรกับข้างั้นเหรอ”หญิงสาวคนนั้นมองอาทู้กับเซี่ยจินเย่ด้วยท่าทีประหลาดใจ อยู่ๆพวกนางก็เข้ามาทักแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่

“ท่านดูไม่สบายใจ ข้าก็เลยรู้สึกเป็นห่วงเจ้าค่ะ”เซี่ยจินเย่ตอบพลางมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีเห็นใจ นางเองก็ไม่ชอบเห็นคนแสดงท่าทีเจ็บปวดออกมาหรอก

“นี่ข้าแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยงั้นหรือ”หญิงสาวก้มหน้าลงเล็กน้อยพลางถอนหายใจออกมา

“พี่สาว อย่างไรเราก็เป็นคนแปลกหน้ากันท่านอยากจะบ่นอะไรให้ข้าฟังหรือเปล่า”อาทู้ถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีกะล่อน ท่าทางนิสัยตอนแกล้งเป็นผู้ชายจะยังอยู่กระมัง

“เล่าความทุกข์ให้คนแปลกหน้าฟังงั้นหรือ…..”หญิงสาวหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะมองอาทู้และเซี่ยจินเย่ด้วยท่าทีครุ่นคิด พวกนางเป็นคนแปลกหน้าไม่เคยพบเจอกันมาก่อน แถมพวกนางก็ไม่รู้ด้วยว่าตนเป็นใครเล่าอะไรให้พวกนางฟังไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก

“จริงๆแล้ว…ข้ามาที่นี่เพื่อจะลืมเรื่องเลวร้ายเท่านั้นเอง”หญิงสาวเริ่มพูดออกมาชาๆก่อนจะเลิกฝึกฝนพลังวิญญาณลงเสีย

“เรื่องเลวร้าย?”อาทู้เลิกคิ้วด้วยท่าทีสนใจทันที นางเคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายมาบ้างบางทีอาจจะให้คำแนะนำพี่สาวท่านนี้ได้ก็ไม่แน่

“จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ ข้าเคยรักผู้ชายคนหนึ่ง”หญิงสาวเล่าออกมาด้วยใบหน้าเศร้าๆ แต่พอพูดคำว่า ชายคนนั้น ดวงตาของนางก็ส่องประกายโหยหาออกมาอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางคงต้องแก้ไขคำว่า เคยรัก เป็น ยังรักอยู่เสียมากกว่า

“มันเป็น รักแรกของข้า….ชายคนนั้นเข้ามาทำให้ข้าตกหลุมรัก….ข้ามอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับชายคนนั้น แต่…..”หญิงสาวนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะเหลือบสายตาไปมองทางอื่น พอพูดเรื่องความหลังออกมาแล้วก็ทำให้นางเจ็บปวดไม่น้อย

“แต่ผู้ชายคนนั้นกลับบอกว่าไม่ได้รักข้า แล้วก็ทิ้งข้าไป”หญิงสาวพูดจบน้ำตาก็ไหลออกมาด้วยท่าทีเศร้าสร้อย นางดูเจ็บปวดมาก แต่ที่แย่ที่สุดคืออาทู้และเซี่ยจินเย่ไม่สามารถให้คำปรึกษาอะไรได้เลย พวกนางทั้งสองคนไม่เคยมีความรักเสียด้วย

“ช่างเป็นผู้ชายที่แย่จริงๆ ไม่รับผิดชอบเอาเสียเลย”อาทู้ว่าพลางกำหมัดแน่น ไม่รู้หรอกว่าเป็นผู้ชายแบบไหน แต่กล้ามาล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นแบบนี้ต้องเป็นผู้ชายที่แย่มากๆแน่นอน

“พี่สาว ผู้ชายแบบนั้นออกจากชีวิตท่านได้ถือเป็นเรื่องดีต่างหาก ท่านเองก็ออกจะสวยต้องมีผู้ชายที่ดีกว่ามาขอคบหาอย่างแน่นอน”อาทู้ด่าจบก็หันมาให้กำลังใจหญิงสาวคนนั้นทันที

“ไม่หรอก ผู้ชายที่ดีกว่าคนคนนั้นคงไม่มีแล้ว”หญิงสาวตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ ท่าทางนางจะรักฝังใจมากทีเดียว

“ไม่หรอกพี่สาว ข้ารู้จักผู้ชายคนหนึ่ง ท่านเป็นคนดีมากๆเลย”อาทู้ยิ้มพลางมองไปทางเซี่ยจินเย่ แน่นอนว่านางย่อมหมายถึงอาจารย์ของพวกตนอย่างหลินเฟยนั่นเอง สำหรับพวกนางแล้วหลินเฟยเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดเท่าที่พวกนางเคยรู้จักเลย

“ถึงจะดีแค่ไหน แต่คงเทียบท่านผู้นั้นไม่ได้หรอก”หญิงสาวยังคงส่ายหน้าด้วยท่าทีไม่เห็นด้วย สำหรับนางแล้วคนรักเก่าของนางช่างหาคนมาแทนที่ได้จริงๆ

“งั้นข้าจะพาอาจารย์ของข้ามาพบท่าน ข้าจะให้ท่านได้เห็นว่าเหนือฟ้าย่อมมีฟ้า”อาทู้พูดด้วยท่าทีมั่นใจ ไม่รู้หรอกว่าคนรักเก่าของอีกฝ่ายจะดีแค่ไหน แต่นางเชื่อว่าอาจารย์ของนางเป็นคนที่ยอดเยี่ยมกว่าเป็นร้อยๆเท่าอย่างแน่นอน