ตอนที่ 655
เพราะอะไร
“อาจารย์ ท่านพอจะมีเวลาว่างหรือเปล่าเจ้าคะ”อาทู้และเซี่ยจินเย่เดินตะล่อมเข้ามาหาหลินเฟยหลังจากโดนอู๋หมิงจัดการจนลงไปนอนกองกับพื้น
“ว่างหรือเปล่างั้นเหรอ….”หลินเฟยที่นอนแผ่อยู่กับพื้นเหลือบสายตาไปมองท่านตาอู๋หมิงครู่หนึ่ง ดูเหมือนท่านตาจะยังมีแรงเหลืออีกเยอะให้ประลองกันอีก 10 หรือ 20 รอบก็คงยังสบาย
“พวกเราอยากให้อาจารย์มาช่วยอะไรหน่อยเจ้าค่ะ ท่านว่างหรือเปล่า”อาทู้ถามพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีขอร้อง
“ช่วยพวกเจ้างั้นเหรอ”หลินเฟยได้ยินเช่นนั้นก็ลุกขึ้นมานั่งก่อนครุ่นคิดอะไรอยู่พักนึง
“ท่านตา ดูเหมือนอาทู้กับเซี่ยจินเย่มีเรื่องให้ข้าช่วย ท่านฝึกให้ฟงเป่ากับหนี่หลิงหนานไปก่อนนะขอรับ”หลินเฟยว่าพลางยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ แต่ฟงเป่ากับหนี่หลิงหนานนี่สิสะดุ้งโหยงกันทั้งคู่เลย
“ช่วยไม่ได้ งั้นเจ้าก็ไปเถอะ”อู๋หมิงพยักหน้าช้าๆก่อนจะเรียกฟงเป่ากับหนี่หลิงหนานเข้าไปสอนต่อ ได้ประลองและรับคำชี้แนะจำบุคคลระดับยอดของยอดฝีมือเช่นนี้นับเป็นเรื่องดีอย่างมาก แต่มากเกินไปก็ทำเอาทั้งสองเหนื่อยจนใจจะขาดเช่นกัน
“อาทู้ เซี่ยจินเย่ ไปกันเถอะ”หลินเฟยยิ้มกว้างก่อนจะพาอาทู้และเซี่ยจินเย่เดินออกจากลานประลองไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเลยว่าฟงเป่าและหนี่หลิงหนานจะส่งสายตาละห้อยมามากแค่ไหน
“ว่าแต่เรื่องที่พวกเจ้าอยากให้ข้าช่วยเป็นเรื่องอะไรกันงั้นหรือ”หลินเฟยถามหลังจากพาอาทู้และเซี่ยจินเย่ออกมาแล้ว
“อาจารย์ พวกข้าได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งเจ้าค่ะ นางกำลังมีเรื่องลำบากใจอยากให้ท่านช่วยเหลือ”อาทู้ตอบพลางพาหลินเฟยเดินไปตรงจุดที่หญิงสาวคนนั้นใช้เป็นสถานที่ฝึกฝนวิชา
“เรื่องลำบากใจอะไรกัน”หลินเฟยถามด้วยท่าทีงุนงง หรือว่าอีกฝ่ายจะฝึกฝนวิชาไม่ก้าวหน้าก็เลยอยากให้ตนไปช่วยแนะนำงั้นหรือ
“เปล่าเจ้าค่ะ นางบอกว่านางลืมคนรักเก่าไม่ได้ จนต้องทุกข์ใจเจ้าค่ะ ข้าเลยอยากให้อาจารย์ช่วยปลอบใจนางหน่อย”เซี่ยจินเย่ตอบพลางเดินนำหลินเฟยตรงขึ้นไปบนยอดเขาอีกเล็กน้อย เพียงไม่กี่อึดใจก็จะถึงจุดที่พี่สาวคนเมื่อวานอยู่แล้ว
“คนรักเก่า….”หลินเฟยได้ยินที่พวกนางบอกก็ชะงักเท้าไปเล็กน้อย เหล่าสาวๆที่หลินเฟยเคยจีบแล้วเลือกจะทิ้งไปนั้นมีจำนวนไม่ใช่น้อยๆ แม้จะไม่เคยพาสาวๆมาเที่ยวที่นี่ก็รับประกันไม่ได้หรอกว่าพวกนางสักคนจะไม่มาที่นี่ด้วยตนเอง
“พี่สาว ข้าพามาแล้วเจ้าคะ”อาทู้เห็นหญิงสาวคนนั้นยังอยู่ที่เดิมก็พาหลินเฟยเข้าไปหาทันทีทำเอาหลินเฟยที่กำลังกังวลว่าจะเจอคนรักเก่าเข้าไม่อาจหันหลังกลับได้แล้ว
“พวกเจ้ามาจริงๆงั้นหรือ”หญิงสาวคนนั้นหัวเราะออกมาพลางมองมาทางอาทู้และเซี่ยจินเย่ด้วยท่าทีขำขัน ตอนนั้นนางคิดว่าพวกอาทู้แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง
“เจ้าค่ะ ข้าอยากให้พี่สาวรู้ว่าผู้ชายไม่ได้แย่ทั้งหมดหรอก”อาทู้ยิ้มกว้างพลางดึงแขนหลินเฟยเข้าไปหาหญิงสาวตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
“ท่าน…..”ทันทีที่เห็นหน้าของหลินเฟย ตัวหญิงสาวก็มีท่าทีประหลาดใจทันที
“ท่านหน้าคุ้นๆนะเจ้าคะ”หญิงสาวตอบพลางเพ่งมองหลินเฟยนิ่ง โชคดีของหลินเฟยจริงๆที่หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่คนที่หลินเฟยเคยจีบ ท่าทางคนที่ทำนางเจ็บช้ำจะเป็นคนอื่นเสียแล้ว
“อย่างนั้นหรือขอรับ แต่ข้ามั่นใจว่าข้าไม่เคยพบท่านมาก่อนนะขอรับ”หลินเฟยตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา นางเป็นหญิงสาวหน้าตาดีทีเดียว แถมยังมีคนติดตามมาด้วยท่าทางจะมีฐานะพอสมควร แต่ผู้ติดตามมีพลังไม่มากคงเป็นลูกคุณหนูร้านค้าใหญ่สักแห่งไม่ได้ใหญ่โตอะไร ที่คุ้นหน้าตนเองนั้นคงเคยเห็นรูปของตระกูลไป๋มาบ้าง
“ข้าเพียงรู้สึกคุ้นๆเท่านั้นเจ้าค่ะ ข้าคงจำผิดไปเอง”หญิงสาวตอบพลางยิ้มบางๆออกมา แม้คนรักเก่าของนางจะเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี แต่ต้องยอมรับเลยว่าหลินเฟยผู้นี้หล่อเหลามากจริงๆ บางทีน่าจะหล่อกว่าคนรักเก่านางตั้งหลายเท่าแน่ๆ
“ข้าได้ยินจากศิษย์ของข้าว่าท่านกำลังมีเรื่องกลุ้มใจ มีอะไรที่ข้าช่วยได้หรือไม่”หลินเฟยถามพลางตรงเข้าไปหาหญิงสาวตรงหน้าด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ดูเหมือนพวกอาทู้จะอยากให้หลินเฟยมาช่วยปลอบใจนาง แถมหลินเฟยยังใช้ข้ออ้างนี้หลบท่านตาอู๋หมิงมาเสียด้วยจะไม่ทำก็คงไม่ได้
“ท่านเป็นอาจารย์ของพวกนางงั้นหรือเจ้าคะ”หญิงสามถามพลางมองหลินเฟยด้วยท่าทีสงสัย ดูๆแล้วหลินเฟยอายุไม่น่าจะห่างกับพวกตนมากแต่กลับเป็นคนระดับอาจารย์แล้ว แสดงว่าหลินเฟยผู้นี้ต้องมีความสามารถมากแน่นอน
“ขอรับ ถูกต้องแล้ว”หลินเฟยยิ้มพลางเดินเข้าไปใกล้หญิงสาว แต่ยังไม่ทันจะเข้าไปใกล้มากชาย 2 คนที่อยู่ด้านหลังนางก็เดินเข้ามาทำท่าจะขวางหลินเฟยเอาไว้เสียก่อน
“ไม่เป็นไร พวกเจ้าออกไปก่อน”หญิงสาวสั่งพลางมองชายทั้ง 2 คนด้วยท่าทีเหมือนจะบอกว่าไม่เป็นอะไร พวกมันได้รับคำสั่งว่าห้ามไม่ให้ผู้ชายเข้ามาใกล้นางเด็ดขาดเพราะนางกำลังอยู่ในช่วงอกหัก ทำให้ทั้ง 2 ไม่เข้ามาห้ามตอนพวกอาทู้เข้ามาแต่ห้ามตอนหลินเฟยเข้ามานั่นเอง
“ต้องขอโทษด้วยเจ้าค่ะ เชิญท่านอาจารย์นั่งทางนี้สิเจ้าคะ”หญิงสาวว่าพลางผายมือไปทางก้อนหินข้างๆทำให้หลินเฟยเดินไปนั่งโดยไม่ต้องเกรงใจอะไร
“ท่านดูเป็นคนมีฐานะ มีอะไรต้องกลุ้มใจงั้นหรือ”หลินเฟยว่าพลางมองชายทั้ง 2 คนที่เดินออกไปยืนวงนอก แน่นอนว่าหลินเฟยทราบแล้วว่านางกำลังกังวลเรื่องความรัก แต่หลินเฟยอยากได้ยินจากปากของนางเองมากกว่า
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ ฐานะของบ้านข้าก็แค่พอมีพอกินเท่านั้น”หญิงสาวตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา บ้านของนางนั้นเป็นร้านขายรถยนต์ขนาดกลางที่ตั้งอยู่ในเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรไป๋ หากนับแค่ในเมืองนางก็เรียกได้ว่าเป็นผู้ฐานะพอสมควร แต่ก็ไม่ยิ่งใหญ่อะไรมาก แม้จะมีคนติดตามแต่ก็ไม่ใช่ระดับยอดฝีมือแต่อย่างไร
“แต่ว่าปัญหาที่ข้ากำลังเผชิญไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฐานะหรอกเจ้าค่ะ ปัญหาความรักต่อให้เป็นจักรพรรดิก็คงต้องเคยเจอมาบ้าง”หญิงสาวตอบพลางยิ้มเศร้าๆออกมา
“ที่แท้ท่านก็เป็นไข้ใจนี่เอง ทำไมไม่ลองเล่าอาการให้ข้าฟังดูล่ะเพื่อข้าจะช่วยท่านได้”หลินเฟยถามด้วยรอยยิ้มพลางโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย กลิ่นของไม้หอมที่ใช้ปกปิดพลังดึงดูดเหล่าอสูรนั้นแม้จะไม่ได้หวังประโยชน์จากกลิ่นหอม แต่กลิ่นของมันก็ทำให้ผู้ได้สูดดมรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย
“ข้ามีนามว่า หลู่เซียง เจ้าค่ะ…..”หลู่เซียงแนะนำตัวก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของตนออกมาช้าๆ อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ นางเป็นบุตรสาวของร้านขายรถยนต์ ทำให้บ้านมีฐานะพอสมควรและได้เข้าร่วมงานเลี้ยงต่างๆภายในเมืองอยู่บ่อยครั้ง ในวันหนึ่งท่ามกลางงานเลี้ยงและเหล่าสหายของตน หลู่เซียงได้พบกับชายคนหนึ่ง มันมีชื่อว่า ปากุน มันเป็นชายหนุ่มรูปงามท่าทีสุภาพและน่าเชื่อถือ หลังจากหลู่เซียงได้คุยกับมันไม่นาน นางก็ตกหลุมรักมันในทันที
เรื่องที่หลู่เซียงเล่าออกมานั้นราวกับนิยายเพ้อฝันของเหล่าหญิงสาวไม่มีผิด ปากุน ที่นางเล่าเหมือนกับเจ้าชายไม่มีผิด แถมยิ่งเล่านางก็เอาแต่พูดข้อดีของปากุนออกมา ไม่ว่าจะเรื่องหน้าตาดี นิสัยดี ร่ำรวย มีบารมี รวมทั้งยังเป็นคนดูแลเอาใจใส่นางอย่างมากอีกต่างหาก ฟังๆดูแล้วนางกับปากุนท่าทางจะรักกันมากไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา
“แล้วอยู่ๆวันหนึ่งปากุนก็มาหาข้าแล้วบอกว่าหมดรักข้าแล้วเสียเฉยๆ….”ตลอดเวลาการเล่า หลู่เซียงมีความสุขมาก เห็นได้ชัดเลยว่าเวลาที่นางอยู่กับปากุนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีแค่ไหน แต่ทันทีที่มาถึงจุดจำใบหน้าของนางก็เหมือนกับกำลังจะร้องไห้ไม่มีผิด
หากฟังถึงตรงนี้เรื่องของนางก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ ก็เพียงแค่ปัญหาความรักธรรมดาเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทางที่ดีที่สุดก็แค่ปล่อยให้นางทำใจเท่านั้น แต่หากจบปัญหาง่ายๆด้วยการปลอบใจนางนิดหน่อยก็หมายความว่าหลินเฟยต้องกลับไปฝึกกับท่านตาต่อนะสิ
“น่าแปลก อยู่ๆก็บอกเลิกเลยหรือขอรับ”หลินเฟยถามด้วยท่าทีจริงจังอย่างมากราวกับสนใจปัญหาของอีกฝ่ายจริงๆ
“เจ้าค่ะ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นพวกเราพึ่งจะไปเที่ยวในเมืองด้วยกันแท้ๆ ก่อนจะจากกันเรายังเดินจับมือกันอยู่เลย พอเช้าวันต่อมาอยู่ๆมันก็บอกว่าอยากเลิกกับข้าเสียแล้ว”หลู่เซียงตอบด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย ตอนนี้ปัญหาของนางคือยังรักปากุนอยู่และไม่เข้าใจเลยว่าทำไมปากุนถึงเลิกกับตน
“ท่านได้ถามออกไปหรือเปล่าขอรับ”หลินเฟยถามพลางเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย
“เปล่าเจ้าค่ะ ตอนนั้นข้าตกใจมากที่ปากุนบอกเลิกกับข้า พอบอกเลิกเสร็จมันก็เดินจากไปเลยไม่แม้แต่จะเหลียวมองสักนิด”หลู่เซียงตอบพลางก้มหน้าลงน้อยๆ ทำเอาอาทู้และเซี่ยจินเย่ที่อยู่ด้านหลังพากันมีท่าทีสงสารกันอย่างมาก พวกนางไม่เคยมีความรักก็จริง แต่ก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง หากคนรักของพวกนางทำเช่นนั้นก็คงเสียใจมากเช่นกันแน่ๆ
“เช่นนั้น เราก็ไปถามมันเถอะขอรับ”หลินเฟยว่าพลางลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ที่มันตะล่อมถามเช่นนั้นเพราะคิดอยู่แล้วว่าหลู่เซียงน่าจะยังไม่ทันได้ถามว่าทำไมถึงบอกเลิกตนเอง หากเป็นเช่นนั้นหลินเฟยก็มีข้ออ้างจะพาหลู่เซียงกลับไปถามเจ้าปากุนอะไรนั่นให้เรียบร้อย นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาให้หลู่เซียงแล้วยังได้หนีเที่ยวตั้งหลายวันด้วย นับว่าเป็นโอกาสอันดีของหลินเฟยเลยทีเดียว
“มะ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้เจ้าค่ะ แบบนั้นจะรบกวนท่านเกินไปหรือเปล่า”หลู่เซียงว่าพลางส่ายหน้าด้วยท่าทีเกรงใจ นางนึกว่าหลินเฟยแค่จะให้คำปรึกษาเฉยๆเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะพาตนเองกลับไปที่เมืองแล้วไปถามจากปากุนด้วยกันแบบนี้
“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ ข้าในฐานะบุรุษแล้วไม่อาจมองหญิงสามต้องทนเศร้าได้หรอกขอรับ”หลินเฟยว่าพลางยิ้มด้วยท่าทีนุ่มนวลก่อนจะเรียกตัวจางจินให้มาหาตนเอง แม้ในใจของหลินเฟยจะอยากหนีซ้อมเพียงเท่านั้น แต่ภาพที่หลู่เซียงเห็นกลับเป็นภาพชายผู้หนึ่งที่กำลังยื่นมาเข้ามาช่วยอย่างเต็มที่ในยามที่นางกำลังเศร้าใจ วินาทีที่เห็นภาพหลินเฟยกำลังยื่นมือมารับตัวนางให้ขึ้นไปบนหลังของมังกรนั้นทำเอาหัวใจนางเต้นน้อยๆเลยทีเดียว