ตอนที่ 1139 คำขอของเซลีน โดย Ink Stone_Fantasy
“และคนที่จะขึ้นไปบนเครื่องบินก็คือ…แม่มดอาญาสิทธิ์?”
“ถูกต้องเพคะ สนามพลังที่ปิดกั้นพลังเวทมนตร์นั้นให้ผลที่เหมือนกับหินอาญาสิทธิ์ แม่มดอาญาสิทธิ์สิบกว่าคนน่าจะหยุดหรือว่าฆ่าอีกฝ่ายได้ ต่อให้ไม่ได้ ทีมซุ่มยิงก็ยังมีโอกาสที่ไล่ตามมายิงครั้งสุดท้าย” ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือพูดตรงๆ “แน่นอนว่าวิธีนี้มันไม่ง่าย ส่วนเรื่องรายละเอียดที่ว่าจะทำอย่างไร อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวของศัตรู อย่างน้อยเราก็ถือว่ามีแผนรับมืออยู่ หม่อมฉันคิดว่าแผนนี้มีโอกาสสำเร็จค่อนข้างสูงทีเดียว เพราะว่าศัตรูเคยรู้ฤทธิ์ของกระสุนปืนมาแล้ว แต่มันยังไม่เคยเห็นซีกัลมาก่อน ถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง หม่อมฉันก็ไม่มีทางเชื่อแน่นอนว่าคนธรรมดาจะบินขึ้นไปอยู่บนเมฆได้เพคะ”
โรแลนด์เข้าใจความคิดของทีมที่ปรึกษาทันที
ถูกต้อง การไปฝากความหวังเอาไว้ที่หน่วยซุ่มยิงอย่างเดียวนั้นไม่ถูกต้อง ถ้าอีกฝ่ายสังเกตเห็นอสูรสยองที่จู่ๆ ก็หายไปจากหน่วยลาดตระเวน แล้วรู้ว่ามนุษย์มีอาวุธที่สามารถโจมตีจากระยะไกลได้อย่างแม่นยำอยู่ มันจะต้องวางแผนรับมือเอาไว้ในตอนที่ถอยอย่างแน่นอน อย่างเช่นบินซิกแซกไปตลอดทาง หรือไม่ก็บินเลียดดิน หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้เป็นแอนเดรียก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ความสามารถของเธอคือหาเหรียญที่จะตั้งขึ้น แต่เหรียญที่จะตั้งขึ้นเหรียญนั้นกลับไม่มีอยู่
เมื่อตกอยู่ในสถานการณืเช่นนี้ก็จำเป็นต้องมีคนที่เข้ามาช่วยเสริมในจุดนี้
คนที่ไล่ล่านอกจากจะต้องมีความเร็วที่มากกว่าผู้พิฆาตเวทมนตร์ แต่ยังต้องมีความแข็งแกร่งที่จะสู้กับผู้พิฆาตเวทมนตร์ได้ ซึ่งตามหลักแล้วในหมู่แม่มดไม่มีคนแบบนี้อยู่เลย
แต่ทีมที่ปรึกษากลับคิดถึงเรื่องที่จะใช้เครื่องร่อนคู่กับแม่มดอาญาสิทธิ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน ต้องยอมรับเลยว่านี่เป็นแผนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
ซีกัลสามารถไปซ่อนตัวอยู่บนอากาศก่อน พอถึงเวลาโจมตีก็ค่อยเปลี่ยนความสูงให้กลายเป็นความเร็ว ขอเพียงสะสมพลังงานจลน์ไปได้ระยะเวลาหนึ่ง ซีกัลก็จะทำความเร็วมากกว่า 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างสบายๆ และไล่ตามปีศาจที่หลบหนีไปก่อนได้ทัน
เพียงแต่ว่า…
“นี่น่าจะเป็นแผนที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว แต่ข้าคิดว่าแอชเชสคงไม่มีทางเห็นด้วยกับแผนนี้แน่ เพราะตรงนั้นมันอยู่ไกลออกไปจากแนวหน้าในสนามรบ เผลอๆ อาจจะมีโอกาสปะทะกับผู้พิฆาตเวทมนตร์แบบซึ่งๆ หน้าด้วย” โรแลนด์มองไปทางทิลลี “ดังนั้น…”
“ข้าจะพูดกับนางเอง” ทิลลีนิ่งเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาอย่างหนักแน่น “ข้าจะไป”
“องค์หญิง!” เวนดี้ท้วงขึ้นมาอย่างร้อนใจ
ในเวลานี้โรแลนด์พอจะเดาความคิดของเวรดี้ออก สมมติว่าตัวเธอเป็นอะไรไป คนที่จะรักษาสถานะของแม่มดได้ก็มีแต่อันนาและทิลลีเท่านั้น คนหนึ่งคือราชินีของอาณาจักร อีกคนหนึ่งคือผู้สืบทอดสายเลือดที่ถูกต้องตามกฎหมาย ขอเพียงพวกเธอทั้งสองคนยังอยู่ แม่มดก็จะรักษาขั้วอำนาจเอาไว้ได้ ด้วยเหตุนี้เวนดี้ย่อมไม่อยากให้มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
“ถ้าลองคิดดูก็จะรู้ เรื่องที่พวกเราจะทำนั้นมันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการขนส่งแม่มดเหมือนอย่างในเวลาปกติเท่าไร กว่าที่ผู้พิฆาตเวทมนตร์จะรู้ว่ามีซีกัลป์อยู่ พี่น้องแม่มดทาคิลาก็คงจะเข้าไปใกล้มันแล้ว ด้วยเหตุนี้ความเสี่ยงจึงอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้” ทิลลีพูดยิ้มๆ “วางใจได้ ข้าไม่ซื่อบื้อเหมือนแอชเชสหรอก ข้าไม่มีทางที่จะทำอะไรเกินความสามารถตัวเองแน่”
โรแลนด์รู้ว่าอีกฝ่ายตัดสินใจแล้ว แล้วเขาก็ไม่อยากเสียเวลากับเรื่องนี้อีก เขามองไปทางเอดิธส์ “เจ้าว่าต่อเถอะ”
“เพคะ ฝ่าบาท” เอดิธส์เดินไปข้างแผนที่ “ขั้นตอนสุดท้ายของแผนการก็คือตำแหน่งซุ่มโจมตี ถ้าไม่มีหมอกแดง ปีศาจระดับสูงก็จะทนไม่ได้นานเท่าไร ดังนั้นมันจะต้องหนีไปตามเส้นทางการลำเลียงหมอกแดงแน่ เพื่อที่จะได้สะดวกต่อการเติมถังเก็บหมอกแดง นี่หมายความว่าจุดซุ่มโจมตีที่ดีที่สุดก็คือตำแหน่งใกล้ๆ เส้นทางขนส่งหมอกแดง”
‘ข้ามีคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้’ จู่ๆ อาลิเธียก็พูดขึ้นมา ‘ไม่รู้ว่าพวกเจ้ายังจำปฏิบัติการที่อมนุษย์คนนั้นแฝงตัวเข้าไปยังด้านหลังของศัตรูได้ไหม’
“อาา…เจ้าบื้อนั่น” ทิลลีเอามือกุมขมับ “ก่อนหน้านี้ข้าเคยโทษนางว่านางทำให้หินเวทมนตร์หลากสีเสียไปฟรีๆ เม็ดหนึ่ง”
‘แต่ตอนนี้ ตำแหน่งที่ตั้งอยู่ด้านหลังทาคิลานี้กลับทำให้พวกเรามีมุมการสำรวจที่ดีที่สุด’ อาลิเธียยกหนวดหลักขึ้นมา ‘ขอเพียงเปิดใช้งานแฟนธ่อม พวกเราก็จะเห็นสถานการณ์ที่อยู่รอบๆ เส้นทางขนส่งหมอกแดงทั้งหมด!’
ในเวลานี้โรแลนด์เองก็นึกขึ้นมาได้ หลังจากที่โลก้าเจอกองทัพของปีศาจปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ ซากเมืองทาคิลา สโมสรแม่มดก็เคยวางแผนสอดแนมพวกปีศาจอยู่ครั้งหนึ่ง แต่ผลสุดท้ายก็ล้มเหลวเพราะทีมสอดแนมเดินออกนอกเส้นทางที่กำหนดเอาไว้ ถ้าหินเวทมนตร์หลากสีเม็ดนี้ถูกบีบให้แตกตรงด้านหน้าของเมืองทาคิลา เช่นนั้นพวกเธอก็จะรู้ความเคลื่อนไหวของปีศาจก่อนที่ปีศาจจะบุกเข้ามา แล้วก็ไม่มีทางที่จะเกิดเหตุการณ์เหมือนตอนที่สถานีหมายเลขหนึ่งถูกลอบโจมตีในเวลากลางคืนด้วย
เดิมคิดว่าพวกเขาโชคไม่ดี แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามันกลับกลายเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา
ภายในหัวเขามีคำพูดประโยคหนึ่งลอยขึ้นมา
โชคชะตามันช่างมหัศจรรย์จริงๆ
“อย่างนั้นอีก 2 – 3 วันหลังจากนี้ขวานเหล็กกับเอดิธส์จะไปอยู่ที่เมืองชายแดนที่สามเพื่อกำหนดแผนการซุ่มโจมตีออกมาให้เสร็จเรียบร้อย” โรแลนด์สั่งการ “ส่วนเรื่องกระสุนเวทมนตร์ก็ให้อกาธากับกองอุตสาหกรรมเป็นคนรับผิดชอบ”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” ทุกคนพูดพร้อมกัน
ในตอนที่เลิกประชุม เสียงของอาลิเธียพลันดังขึ้นมาในหูของโรแลนด์ เมื่อดูจากปฏิกิริยาของคนอื่นๆ แล้ว เห็นได้ชัดว่ามีแต่เขาเท่านั้นที่ได้ยินคำพูดนี้
‘เซลีนอยากจะให้พระองค์เสด็จมาที่ใต้ดินหน่อยเพคะ งานวิจัยลูกบาศก์เวทมนตร์มีความคืบหน้าเพคะ’
…..
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง โรแลนด์ก็เดินเข้ามายังห้องทดลองใต้ดิน
เซลีนกดกลไกบนลูกบาศก์เวทมนตร์ แสงสีแดงที่คุ้นเคยเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
“อย่างนั้น ความคืบหน้าที่เจ้าว่า…”
‘ทอดพระเนตรดูนี่สิเพคะ’ เซลีนยื่นก้อนหินขนาดเท่าหัวแม่มือสองก้อนมาให้เขา ‘พวกมันล้วนแต่เป็นชิ้นส่วนที่อยู่บนลูกบาศก์ อายุของพวกมันน่าจะยาวนานอย่างมากเพคะ’
“ดูแล้วเหมือนจะค่อนข้างเก่าทีเดียว” โรแลนด์ลูบคาง โดยเฉพาะส่วนที่อยู่ใกล้ผิวนอกนั้นมีร่องรอยสึกหรออย่างชัดเจน “ตอนนี้เจ้าแกะลูกบาศก์โดยไม่ให้มันเสียหายได้แล้วเหรอ? ไม่สิ…เดี๋ยวๆ ในเมื่อชิ้นส่วนบนลูกบาศก์อยู่ในมือเจ้า แล้วทำไมมันถึงส่องแสงได้? หรือว่า…”
‘ถูกต้องเพคะ ฝ่าบาท’ เซลีนพูดยิ้มๆ ‘ชิ้นส่วนที่ใส่อยู่ในลูกบาศก์เวลานี้คือชิ้นส่วนใหญ่ที่หม่อมฉันสร้างเลียนแบบขึ้นมาเพคะ แล้วมันก็สามารถใช้งานได้ตามปกติเพคะ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าชิ้นส่วนนั้นใช้ได้ผล ไม่รู้ว่าความคืบหน้านี้ทำให้พระองค์พอพระทัยได้หรือไม่เพคะ?’
“สุดยอดจริงๆ…” โรแลนด์กุมหนวดของเธอเอาไว้อย่างดีใจ “นี่เพิ่งจะประมาณ 3 เดือนเอง ตอนแรกข้านึกว่าต้องใช้เวลาเป็นปีซะอีก!”
‘สลิมริสต์จากมนตร์แห่งสลีปปิ้งช่วยหม่อมฉันได้มากทีเดียวเพคะ ยิ่งไปกว่านั้นโครงสร้างของลูกบาศก์เวทมนตร์ก็ไม่ซับซ้อนเหมือนกับแกนเวทมนตร์’ เซลีนปล่อยให้เขาดูชิ้นส่วนลูกบาศก์อยู่ครู่ ก่อนจะดึงหนวดกลับมาอย่างเขินๆ นิดหน่อย ‘ก่อนหน้านี้ที่หม่อมฉันบอกว่าต้องใช้ตัวอย่างหินหลายพันก้อนเพื่อทำการทดลอง ตอนนี้หม่อมฉันคิดว่าแค่ห้าร้อยก้อนก็น่าจะพอแล้วเพคะ’
“ทหารที่ประจำอยู่ที่เรฟเวลรี่น่าจะทำตามคำสั่งแล้ว ข้าว่าอีกไม่นานน่าจะมีข่าวส่งกลับมาแล้วล่ะ” โรแลนด์พูดอย่างตื่นเต้น ถ้าสามารถสร้างเลียนแบบลูกบาศก์ขึ้นมาได้สำเร็จ บางทีมันอาจจะนำความเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือมาให้เมืองเนเวอร์วินเทอร์ได้เหมือนอย่างเครื่องจักรไอน้ำก็ได้
‘เช่นนั้นแล้ว หม่อมฉันอยากจะขอรางวัลสักอย่างจากพระองค์ได้หรือไม่เพคะ?’ จู่ๆ เซลีนก็เปลี่ยนประเด็น น้ำเสียงของเธอแฝงเอาไว้ด้วยความคาดหวัง ‘แต่แน่นอน ของรางวัลที่ว่านี้ก็เพื่อความก้าวในการทำวิจัยในภายภาคหน้าเพคะ!’
“เจ้าอยากได้อะไร?” โรแลนด์ถามอย่างสงสัย
“ผู้ช่วยเพคะ…ผู้ช่วยที่สามารถช่วยให้หม่อมฉันเข้าใจความรู้ในโลกแห่งความฝันได้” เซลีนโบกหนวดหลัก “พวกพี่น้องของหม่อมฉันนั้นเหมาะอย่างมาก แต่การจะให้พวกนางไปเรียนรู้ความรู้เหล่านั้นด้วยตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากเกินไป หม่อมฉันได้ยินพวกนางบอกว่าที่นั่นมีองค์กรที่เป็นเหมือนสถาบันอยู่เหมือนกัน แถมยังมีการแบ่งเป็นระดับชั้นอย่างชัดเจน ถ้าหากมีคนคอยชี้แนะให้พวกนาง พวกนางคงจะเรียนรู้อะไรๆ ได้ง่ายขึ้น เช่นนั้น…ฝ่าบาท พระองค์ทรงส่งพวกนางไปเข้าโรงเรียนได้หรือไม่เพคะ?’
……………………………………………………………………….