ตอนที่ 1140 คนเถื่อน โดย Ink Stone_Fantasy
ตกกลางคืน โรแลนด์เล่าเรื่องราวการประชุมในตอนกลางวันให้อันนาที่นอนอยู่ข้างๆ ฟัง
“….เมื่อคิดถึงเรื่องความแข็งและความเสถียรของกระสุนอาญาสิทธิ์แล้ว บางทีอาวุธพิเศษนี้คงต้องทำการปรับเปลี่ยนหน่อย อานุภาพและการใช้งานจริงจะได้สมดุลกัน ในจุดนี้ก็มีแต่เจ้าเท่านั้นที่ทำได้ ตอนนี้ลำดับความสำคัญของมันมีมากกว่าอย่างอื่น ในช่วงนี้ข้าจะให้แอนเดรียและอกาธาให้ความร่วมมือกับเจ้าอย่างเต็มที่”
“รู้สึกเหมือนงานที่อยู่ในมือยังไงก็ไม่มีวันทำเสร็จเลยนะเพคะ” อันนาเอาหัวซบลงมาบนไหล่เขา “เครื่องจักรที่สามารถประกอบชิ้นส่วนของเครื่องบินได้ การปรับปรุงเครื่องยนต์สันดาปภายใน รางเหล็กที่แนวหน้า แล้วก็ยังมีหนังสืออีกเยอะแยะมากกว่า…หม่อมฉันเริ่มรู้สึกอิจฉาพวกพาซาร์กับเซลีนขึ้นมาแล้วสิเพคะ ถึงแม้ไฟสีดำจะสามารถทำงานได้เหมือนกับมือ แต่ยังไงมันก็ไม่มีทางคล่องแคล่วเหมือนกับหนวดพวกนั้น แต่จำนวนที่ควบคุมได้ก็มีจำกัดด้วย”
“ไม่เอานะ ข้าไม่อยากนอนกอดหนวดใหญ่ๆ แบบนั้น ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าไม่เพียงแต่จะเป็นหัวหน้ากองอุตสาหกรรม แต่เจ้ายังเป็นราชินีของเกรย์คาสเซิลที่ต้องออกไปปรากฏตัวต่อหน้าประชาชนบ่อยๆ ด้วย” โรแลนด์พูดยิ้มๆ เขารู้ว่าอันนาไม่ได้กำลังบ่น หากแต่กำลังแบ่งปันความสุขกับเขาอยู่ นับตั้งแต่ที่เธอรับหน้าที่เป็นหัวหน้ากองอุตสาหกรรม สีหน้าเธอก็ไม่ได้ดูไร้ความรู้สึกเหมือนอย่างแต่ก่อน มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังไม่เปลี่ยน นั่นก็คือความตั้งใจอย่างในตอนแรกที่เขาได้เจอเธอ “ตอนนี้ข้ากำลังช่วยเจ้าคัดเลือกคนอยู่ ถ้าทุกอย่างราบรื่น กองอุตสาหกรรมจะมีคนงานให้เจ้าได้ใช้อย่างเต็มที่”
เมื่อคำนวณจากเวลา ริคส์จากสมาคมของแปลกน่าจะกลับไปถึงฟยอร์ดแล้ว ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหนังสือ ‘หลักการลอยตัว’ ที่เขามอบให้อีกฝ่ายเป็นรางวัลเล่มนั้นจะดึงดูดความสนใจจากคนเหล่านั้นเอาไว้ได้หรือไป แต่สำหรับคนที่ไม่เคยสัมผัสกับนิยายวิทยาศาสตร์มาก่อนนั้น เรือดำน้ำที่เขาวาดเอาไว้ท้ายเล่มซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเอามาจากนิยาย ‘ใต้ทะเลสองหมื่นโยชน์’ ซึ่งจินตนาการที่ยิ่งใหญ่และมีเสน่ห์จะต้องยั่วยวนพวกเขาได้แน่
“จริงเหรอเพคะ?” อันนาบิดขี้เกียจ ก่อนจะโอบกอดเขาเบาๆ “หม่อมฉันจะรอนะเพคะ แต่ว่าตอนนี้…หม่อมฉันก็อยากจะได้รางวัลเหมือนกัน”
เอ่อ ดูเหมือนวันนี้คนที่อยากได้รางวัลจะไม่ได้มีแค่คนเดียวซะแล้ว โรแลนด์หัวเราะอยู่ในใจ ก่อนจะโอบกอดแผ่นหลังอันขาวนวลของเธออย่างอ่อนโยน
…..
หลังอันนานอนหลับไปอย่างสบายใจ โรแลนด์ก็หลับตาลงเช่นเดียวกัน
ในตอนที่เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ฝ้าเพดานก็กลายเป็นฝ้าในตึกแห่งวิญญาณ แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องทะลุมุมหนึ่งของหน้าต่างเข้ามา
อาบน้ำ กินอาหารเช้า ส่งซีโร่ไปโรงเรียน ทุกอย่างเป็นเหมือนปกติ โรแลนด์เกาะราวระเบียงมองลงไปยังตรอกเล็กๆ ด้านล่างที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปหา ทั้งนักเรียนที่สะพายกระเป๋าอยู่ด้านหลัง มนุษย์เงินเดือนที่รีบเดินไปทำงานและผู้สูงอายุที่ออกมาออกกำลังกายตอนเช้ากลายเป็นภาพชีวิตที่ดูวุ่นว่าย แต่ก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
เมืองแห่งนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแตกต่างไปจากในตอนแรกที่เขาเข้ามา แต่เขารู้ว่าโลกนี้มันได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้ว ในสถานที่ที่คนมองไม่เห็นได้มีพลังบางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงมันอยู่ เหมือนกับว่าโลกแห่งความฝันมีความคิดเป็นของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
ทั้งความทรงจำที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน หนังสือปกแดงที่ดูเก่าเล่มนั้นและกระดาษโน้ตที่เหน็บอยู่ในหนังสือล้วนแต่เป็นสิ่งยืนยันถึงการเปลี่ยนแปลง
นับตั้งแต่ที่ได้อ่านหนังสือ ‘เหตุผลของการมีอยู่’ เล่มนั้น โรแลนด์ก็เฝ้าตามหาโรสคาเฟ่แห่งนั้นมาโดยตลอด แต่ไม่ว่าเขาจะค้นหาบนอินเทอร์เน็ต หรือว่าให้เหล่าแม่มดค่อยๆ หาตามตรอกซอกซอย เขาก็ไม่เจอเงื่อนงำใดๆ แม้แต่น้อย ภายในเมืองมีร้านกาแฟทั้งหมด 46 ร้าน แต่ไม่มีร้านไหนที่ชื่อโรสเลย
เขาเคยคิดว่านี่อาจจะเป็นการแกล้งกัน แต่เมื่อเขาเข้าใจในโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็พบว่าเนื้อหาในหนังสือนั้นไม่อาจจะมองข้ามไปได้ง่ายๆ แม้แต่กระดาษโน้ตแผ่นนั้นก็เหมือนกำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา
สิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์ที่หายสาบสูญไป
สงครามที่ไม่ได้เพิ่งจะเกิดเป็นครั้งแรก
การตื่นรู้และการกัดกินที่ไม่สามารถหยุดได้
ทั้งหมดนี้เขาพอจะมองเห็นได้ในโลกแห่งความเป็นจริง โดยเฉพาะการค้นพบภาพเหตุการณ์การทำสงครามกันระหว่างเผ่ากัมมันตรังสีและมนุษย์ไม้ขีด นี่ยิ่งทำให้เนื้อหาในหนังสือเต็มไปด้วยความรู้สึกเหมือนว่าเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน
สิ่งที่ทำให้เขาไม่เข้าใจมากที่สุดก็คือทำไมหนังสือที่โลกแห่งความฝันสร้างขึ้นมากลับมีเค้าเหมือนในโลกให้ความเป็นจริง ยิ่งไปกว่ายังใช้คำว่า ‘สงคราแห่งโชคชะตา’ เหมือนกันด้วย เสียดายจากที่การ์เซียเล่ามา ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ไม่ได้ทิ้งข้อมูลอื่นเอาไว้ให้ เงื่อนงำเดียวที่มีอยู่ในตอนนี้เหมือนจะมีเพียงกระดาษโน้ตแผ่นนั้นเท่านั้น
แต่ว่าก่อนที่จะหาโรสคาเฟ่แห่งนั้นพบ เขาก็ได้แต่ต้องเก็บความสงสัยอันนี้เอาไว้ในใจ
เมื่อกลับมารออยู่ในห้องรับแขกถึงประมาณแปดโมง ด้านนอกห้องก็เสียงเคาะประตูดังเป็นจังหวะขึ้นมา “ปัง ปังๆ” เคาะเบาๆ หนึ่งครั้ง เคาะแรงๆ สองครั้ง นี่เป็นสัญญาณที่หมายความว่าระเบียงทางเดินไม่มีใครอยู่
โรแลนด์รีบเปิดประตูให้คนที่เคาะประตูเข้ามาในห้อง
“ฝ่าบาท อรุณสวัสดิ์เพคะ” แม่มดสาวหน้าตาน่ารักสามคนทำความเคารพเขา หนึ่งในนั้นคือ ‘ผ้าคลุมล่องหน’ ดาเนนที่เข้ามาในโลกแห่งความฝันเป็นกลุ่มแรกสุด
เหมือน ‘เด็กมัธยม’….จริงๆ ด้วย โรแลนด์กุมขมับขึ้นมา เขารู้เรื่องราวของดาเนนดี เธอซึ่งมีความสามารถลบร่องรอยการเคลื่อนไหนของเพื่อนๆ ได้เข้าร่วมกับกองทัพผู้พิทักษ์ศักดิ์สิทธิ์ในปีที่สองหลังจากตื่นรู้ ก่อนจะได้รับการถ่ายโอนวิญญาณตอนอายุ 18 ปี ประสบการณ์ในการต่อสู้โชกโชน ถนัดใช้อาวุธประเภทมีดสั้นและมีดพก แต่เนื่องจากร่างกายที่มีขนาดเล็ก บวกกับพลังเวทมนตร์ที่ช่วยทำให้ดูอ่อนเยาว์ ทำให้เธอดูแล้วเหมือนกับเด็กสาวอายุ 10 กว่าขวบไม่มีผิด
ส่วนอีกสองคนก็เช่นเดียวกัน
ภายในหัวเขามีคำพูดสนทนาระหว่างเขากับเซลีนดังขึ้นมา
‘เข้าโรงเรียน? ข้าจำได้ว่าอายุเฉลี่ยของแม่มดอาญาสิทธิ์ล้วนแต่มากกว่า 20 ปีไม่ใช่เหรอ? ถ้าว่ากันตามอายุนี้ มันก็ควรจะเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ระดับความรู้ของพวกนางอย่างมากก็อยู่แค่ประมาณมัธยมต้นเท่านั้น ถ้าอายุต่างกันเยอะเกินไป มันอาจจะทำให้ความแตกได้นะ’
‘เรื่องนี้ขอพระองค์ทรงวางพระทัยเพคะ ถ้าขอแค่คนที่ดูค่อนข้างเด็กล่ะก็ ในบรรดาพี่น้องของพวกเราก็มีอยู่หลายคนทีเดียวเพคะ’
เมื่อดูจากแม่มดอีกสองคนที่ดูเด็กกว่าดาเนนอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนเซลีนไม่ได้พูดเกินจริงจริงๆ ด้วย
ตั้งแต่ที่มอบหมายให้คนอื่นๆ อย่างฟิลลิสหรือฟาลดี้คอยรับผิดชอบเรื่องกินเรื่องเที่ยวในวันปกติไปแล้ว เขาก็ไม่ค่อยได้สนใจแม่มดอาญาสิทธิ์เท่าไร เพราะถ้าให้เขาต้องมาคอยพาแม่มดสามร้อยกว่าคนไปเที่ยวเล่น เขาจะเอาเวลาไหนไปเก็บรวบรวมความทรงจำและข้อมูลต่างๆ?
ในจุดนี้ โรแลนด์คิดว่าตัวเขามีระเบียบวินัยอย่างมากทีเดียว
“หม่อมฉันชื่อเซนต์มิลาน ความสามารถคือลอกเลียนแบบท่าทาง หม่อมฉันสามารถลอกเลียนแบบท่าทางของคนที่ถูกหม่อมฉันเชื่อมต่อพลังเวทมนตร์เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเพคะ นี่เป็นครั้งที่สองที่หม่อมฉันเข้ามาในโลกแห่งความฝัน ขอพระองค์ทรงชี้แนะด้วยเพคะ”
“หม่อมฉันชื่อโดโด้ ความสามารถคือกระเป๋าที่มองไม่เห็น พูดง่ายๆ คือหม่อมฉันสามารถเอาสิ่งของใส่เข้าไปในกระเป๋าล่องหนที่ใช้พลังเวทมนตร์สร้างขึ้นมาได้เพคะ เอ่อ….ถึงแม้จะไม่มีประโยชน์เท่าไร แต่หม่อมฉันก็ไม่มีทางทำให้เกียรติของสถาบันค้นคว้าศาสตร์ลึกลับต้องเสื่อมเสีย แล้วก็ไม่ทำให้ท่านเซลีนต้องผิดหวังเพคะ!”
ทั้งสองคนต่างก็แนะนำตัวเอง
เมื่อดูจากพลังความสามารถแล้ว พวกนางนั้นไม่จัดอยู่ในสายต่อสู้ และเป็นเพราะพวกนางไม่สามารถเข้าไปอยู่ในกองทัพผู้พิทักษ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ ปกติพวกนางจึงต้องทำงานในด้านอื่น ความสามารถส่งผลต่อนิสัย ในเรื่องนี้เหมือนจะเห็นได้ชัดจากตัวของทั้งสามคนนี้
ส่วนดาเนนน่าจะถูกเซลีนเลือกมาเพื่อปกป้องทั้งสองคนนี้ เพราะในโลกแห่งความฝันไม่ใช่ว่าจะไม่มีอันตราย โดยเฉพาะตอนนี้ที่ฟอลเลนอีวิลนับวันจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ
โรแลนด์พยักหน้ามองดูทั้งสามคน “เซลีนน่าจะบอกภารกิจครั้งนี้ให้พวกเจ้าฟังแล้วใช่ไหม อีกเดียวพวกเจ้าพยายามพูดให้น้อย แค่ตอบเออออไปตามข้าในตอนที่อีกฝ่ายถามก็พอ”
“เพคะ ฝ่าบาท”
หลังปัญหาเรื่องอายุถูกแก้ไขแล้ว ต่อไปก็เป็นปัญหาเรื่องที่ว่า ‘คนเถื่อนจะเข้าเรียนได้ยังไง’
ความจริงไม่ใช่แค่เรื่องเข้าเรียนเท่านั้น แต่เรื่องสถานะของแม่มดทาคิลาเป็นปัญหาที่โรแลนด์เป็นกังวลอยู่ตลอด ทำให้ทุกครั้งที่ออกไปล่าฟอลเลนอีวิล เขาต้องพยายามพาพวกเธอออกไปในเวลากลางคืนเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น
ถ้าไม่เป็นเพราะมีพลังของแม่มดของปกปิดเอาไว้อยู่ โกดังที่มักจะมีคนไม่ซ้ำหน้าเดินเข้าไปคงกลายเป็นเป้าสายตาของชาวบ้านในชุมชนถงจึไปนานแล้ว
เมื่อคิดไปคิดมา ก็มีแค่คนเดียวที่อาจจะแก้ปัญหานี้ได้
โรแลนด์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ของการ์เซีย
……………………………………………………………………