ภาค 6 ยันฟ้าด้วยมือเดียว บทที่ 528 ระดับน้ำพุ่งสูง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

น่านน้ำที่อยู่รอบๆ ถูกแสงดาวขมุกขมัวครอบคลุมไว้ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการรับรู้ของเยี่ยนจ้าวเกอ หรือร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกล้วนได้รับผลกระทบรุนแรง

อาณาเขตที่การรับรู้ไปถึง โดยพื้นฐานแล้วเป็นบริเวณที่สายตามองเห็น

ทว่าเมื่อเยี่ยนจ้าวเกอก้มหน้าลงมองกระบี่หยกในมือ เขาก็สัมผัสได้ว่าด้านในคล้ายมีการเปลี่ยนแปลงอันใด

นี่ได้ยืนยันก้าวแรกที่สำคัญที่สุด ตนไม่ได้หาผิด สือจวินสมควรออกมาจากตาน้ำตานี้

ด้วยเหตุนี้เอง ตำแหน่งของสือจวินและอาณาเขตที่เกี่ยวเนื่องจึงลดลงมาก การตามหาไม่ได้ยากเหมือนก่อนหน้าอีกแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอเริ่มค้นหาบริเวณใกล้ๆ ตามการนำทางของกระบี่สั้น

หาไปหามา ชายหนุ่มก็พบว่าบริเวณนี้มีจอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิตอยู่ด้วย แต่ก็ตามหาไปทั่วเหมือนกับแมลงวันไร้หัว ไม่แตกต่างจากสถานที่อื่น

ถึงแม้พวกเขาจะมีคนมาก แทบจะเป็นการตามหาชนิดปูพรม กระนั้นคิดจะตามหาคนในสภาพแวดล้อมของทะเลตาข่ายดาว โดยเฉพาะยังเป็นคนที่ซ่อนตัว ต่อให้มีคนมากขนาดไหนก็ยังไม่พอ เหมือนกับสุภาษิตที่ว่างมเข็มในมหาสมุทร

กระนั้นถึงแม้จะยังคงหาต้นเหตุไม่เจอ เมื่อตามมาถึงที่นี่แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกว่าไม่ใช่แค่โชคอย่างเดียวเท่านั้น

เขาผ่านจอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิตเหล่านี้ไปโดยไม่ส่งเสียง ได้ยินการสนทนาของอีกฝ่ายอย่างเลือนราง

“การหาคนในสภาพแวดล้อมของทะเลลางเรือนกับทะเลตาข่ายดาวยากเย็นเกินไปจริงๆ”

“จะหายากอย่างไรก็ต้องหา เด็กน้อยนั่นทำร้ายหลานของผู้อาวุโสเหนียน ลักพาตัวบุตรสาวของเจ้าสำนัก ต่อให้ต้องขุดดินสามคืบก็ต้องหาตัวเขาให้ได้!”

“มิผิด อย่าว่าแต่เขาเป็นแค่ลูกศิษย์ของแขกของเขาหงส์วิเศษคนหนึ่ง ต่อให้ลูกศิษย์ของเขาหงส์วิเศษก็ต้องหาตัวให้เจอ”

“จะว่าไปผู้อาวุโสเหนียนก็ออกฌานแล้ว กำลังมาที่ทะเลตาข่ายดาวพร้อมกับท่านเจ้าสำนัก ใช้วิชาลับค่อยๆ ลดอาณาเขตให้เล็กลง สมควรตามหาตำแหน่งของตัวบัดซบนั่นและศิษย์น้องเฉินได้อย่างรวดเร็ว”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินการสนทนานี้ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

หลังจากมาถึงโลกผืนสมุทร เขาก็ตั้งใจรวบรวมข่าวสารทุกชนิด เพื่อทำความเข้าใจกับคนและเรื่องราวบนโลกแห่งนี้

ครั้นไปถึงเขาหงส์วิเศษ ก็ได้ทำความเข้าใจอย่างเป็นระบบ

ถึงแม้คนในสำนักมังกรโลหิตเหล่านี้จะไม่ได้อธิบายรายละเอียดของคนที่พูดถึง แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็คาดเดาสถานะของพวกเขาออก

เหนียนเชิน ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักมังกรโลหิต เคยเป็นเจ้าสำนักมาก่อน และเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักมังกรโลหิต ครอบครองนิ้วมังกรทั้งเก้า

ในยอดฝีมือขั้นบรรลุธรรมสิบอันดับแรกแห่งโลกผืนสมุทร เหนียนเชินถูกจัดอยู่ในอันดับสาม

แน่นอนว่าการจัดอันดับนี้ยังไม่ได้นับอาวุธศักดิ์สิทธิ์

เมื่อสิบปีก่อน เพื่อเลื่อนระดับ เหนียนเชินหยุดจัดการภารกิจในสำนัก มอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้กับเฉินซื่อเฉิงที่เป็นลูกศิษย์ของตน

แต่ว่าตำแหน่งในสำนักมังกรโลหิตของเขา ยังคงใช้คำว่ามีคำพูดดุจประกาศิตมาบรรยายได้

ระหว่างสำนักมังกรโลหิตกับคนที่มีข้อบาดหมาง ในที่ตอนสู้กับจอมยุทธ์ในสำนักมังกรโลหิต มักจะไม่เกรงอกเกรงใจ เยาะเย้ยว่าเฉินซื่อเฉิงเป็นเจ้าสำนักเด็ก ด้านบนยังมีเจ้าสำนักสูงสุดอยู่

เฉินซื่อเฉิงมิได้สนใจคำเยาะเย้ยนี้ เหนียนเชินค่อนข้างวางใจในตัวเขา หลายปีมานี้หน้าที่น้อยใหญ่ในสำนักต่างมอบให้เขาจัดการ ส่วนตนตั้งใจฝึกฝน

แต่ดูจากรูปการณ์แล้ว เหนียนเชินที่เข้าฌานไป ครั้งนี้ออกฌานมายังทะเลตาข่ายดาวโดยเฉพาะ

‘ลูกศิษย์สำนักมังกรโลหิตที่จวินเอ๋อร์ทำร้ายเป็นหลานของเหนียนเชินหรือ?’ เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตนเอง บุตรของเหนียนเชินตายตั้งแต่วัยเยาว์ จึงเหลือแค่เหนียนเหว่ยซึ่งเป็นหลานเพียงคนเดียว เรื่องนี้ทุกคนในโลกผืนสมุทรล้วนทราบ

ขณะที่ไตร่ตรองอยู่นั่นเอง เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ยินจอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิตผู้นั้นกล่าวต่อ “อาการบาดเจ็บของศิษย์พี่เหนียนยังไม่ได้รับการรักษา ก็ออกมาตามหาศิษย์น้องเฉิน สร้างความลำบากให้เขาจริงๆ”

“ศิษย์พี่เหนียนกับศิษย์น้องเฉินเป็นคู่ที่เหมาะสมกันโดยแท้ ครั้งนี้ศิษย์น้องเฉินมายังทะเลตาข่ายดาว ศิษย์พี่เหนียนตั้งใจมาคุ้มครองบุปผา คิดไม่ถึงจะเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้น ศิษย์พี่เหนียนย่อมไม่มีทางนั่งติดที่”

“ศิษย์น้องเฉินถูกตัวบัดซบนั่นลักพาตัวไปนานเพียงนี้ ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด เพียงกลัวว่า…”

“หุบปาก! เจ้ารู้จักคำว่าปากเป็นเหตุหรือไม่?”

เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิด ‘เด็กน้อยผู้นี้ตอแยคนสองคนที่มีเบื้องหลังล้ำลึกที่สุดในหมู่คนหนุ่มสาวของสำนักมังกรโลหิตพร้อมกัน มิน่าสำนักมังกรโลหิตจึงได้ปั่นป่วนเช่นนี้’

‘ใช้ได้ๆ ข้าถูกใจนัก’

เยี่ยนจ้าวเกออ้อมผ่านจอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิตเหล่านั้นอย่างไร้สุ้มเสียง ขณะที่เดินทางก็เกิดจินตนาการมากมายในใจ

เช่น เฉินอิ๋งคัดค้านการคลุมถุงชน เกิดรักแรกพบกับสือจวิน จึงหนีตามกัน…

หรือเหนียนเหว่ยคิดทำมิดีมิร้าย สือจวินคิดผดุงความยุติธรรม ช่วยเฉินอิ๋งหนี ทว่าเหนียนเหว่ยกลับใส่ร้ายว่าสือจวินลักพาคน…

เขาย่อมคิดเข้าข้างสือจวิน อีกทั้งคิดหาวิธีการมากมายเพื่อช่วยเหลือสือจวิน

‘คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์ หาคนให้เจอก่อนค่อยว่ากล่าวเถอะ’ เยี่ยนจ้าวเกอสลัดความคิดที่ไม่ทราบลอยไปยังที่ใดทิ้งไป กลับมาจดจ่ออยู่บนกระบี่หยกในมืออีกครั้ง

คนของสำนักมังกรโลหิตมีวิชาลับเล่นกัน พวกเขาค่อยๆ กำหนดตำแหน่งให้อยู่ใกล้บริเวณนี้ เยี่ยนจ้าวเกอไม่กล้าประมาท คิดหาวิธีตามหาพวกสือจวินให้เร็วที่สุด

ชายหนุ่มตามหาทิศทางและตำแหน่งที่ถูกต้องตามการนำทางของกระบี่สั้น ทว่าไม่คาดคิด ตามหาอยู่ครึ่งวันกลับไม่ได้ผลอันใด

เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว เมื่อเขามาถึงสถานที่ที่กระบี่หยกมีปฏิกิริยารุนแรงที่สุด ดำลงไปก้นทะเลก็แล้ว ทำลายหินโสโครกทั้งหมดก็แล้ว แต่ยังคงไม่พบอะไร

หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง ร่างของเขาก็ค่อยๆ ลอยขึ้น แต่มิได้ออกจากผิวทะเลในทันที ตามหาสือจวินในกระแสน้ำระหว่างผิวทะเลและก้นทะเลด้วยความกระวนกระวาย

‘ครั้งนี้ก็ยังหาไม่เจออีกหรือ?’

สักพักหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ้มเล็กน้อย ร่างกายเคื่อนไหวตามกระแสน้ำ ตรงหน้าพลันปรากฏกระแสน้่ำสายหนึ่ง เป็นน้ำวนที่ขวางอยู่กลางน้ำทะเล ผิวน้ำวนตั้งขึ้นอย่างน่าประหลาด ก่อให้เกิดเป็นดินแดนว่างเปล่าเล็กๆ ที่ดูธรรมดาแห่งหนึ่งตรงกลางน้ำทะเล

ณ ที่แห่งนี้ ปฏิกิริยาของกระบี่หยกรุนแรงเป็นพิเศษ

เยี่ยนจ้าวเกอแหวกสายน้ำ เข้าไปยังดินแดนว่างเปล่าที่ไม่มีน้ำแห่งนั้น จากนั้นก็เข้าไปในน้ำวนโดยไม่หยุดฝีเท้า

เมื่อทะลุผ่านใจกลางน้ำวน เยี่ยนจ้าวเกอก็ผ่านทางเชื่อมไร้รูปร่าง เข้าไปอยู่ในมิติต่างแแดนแห่งหนึ่ง

เพิ่งจะเข้าไปในมิติต่างแดนได้ไม่ทันไร ชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะพบว่าไอหมอกหนาที่ลอยอยู่รอบๆ เป็นสีม่วงจาง

ไอหมอกเหล่านี้เหนียวเหนอะเหมือนน้ำมัน ทำให้คนที่อยู่ด้านในเคลื่อนไหวไม่สะดวกนัก

ชายหนุ่มทดลองดู การเดินไปด้านหน้าง่ายดายกว่าการถอยหลัง ถึงแม้การถอยหลังจะไม่ได้ลำบากอันใดนัก แต่ถ้าหากเป็นจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ เกรงว่ายากจะถอยออกไปจากมิติต่างแดนนี้ ได้แต่พยายามเดินไปด้านหน้า

‘พวกจวินเอ๋อร์น่าจะติดอยู่ในนี้’ ขณะที่คิด เยี่ยนจ้าวเกอก็ทำลายอาณาเขตของไอหมอกสีม่วง เข้ามาในมิติต่างแดนอย่างเป็นทางการ

ตรงหน้ากลับปรากฏหุบเขาลึกขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปด้านในนั้น เพียงมองดูแวบเดียวก็ระวังตัวขึ้นมา ‘ไม่ได้มีแค่ร่องรอยที่คนสองคนเหลือไว้ นอกจากพวกจวินเอ๋อร์แล้วยังมีคนอื่นอยู่ด้วย’

เขาเดินต่อไปด้านล่าง มาถึงก้นหุบเขา กลับเห็นเพียงความเละเทะสับสน เหมือนถูกพลังที่แข็งแกร่งชนิดหนึ่งกวาดผ่าน

กลิ่นคาวเลือดลอยมา ชายหนุ่มมองอย่างตั้งใจ เห็นศพมากมายกองอยู่บนพื้น อาภรณ์ที่ใส่เป็นของจอมยุทธ์มังกรโลหิตทั้งหมด

ด้านข้างศพหนึ่ง มีอาวุธวิญญาณที่ได้รับความเสียหายชิ้นหนึ่ง คนอื่นๆ ล้วนได้รับบาดเจ็บเสียโฉมไปทั้งใบหน้า นิ้วขาดแหว่ง ศพไม่สมประกอบ มีเพียงแต่ศพนี้เท่านั้นที่ได้รับการปกป้องจากอาวุธวิญญาณ ไม่ได้ถูกทำลายทิ้ง

เยี่ยนจ้าวเกอเดินเข้าไปใกล้ ก้มหน้ามองไป เป็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง ตรงอกมีรอยกระบี่เจ็ดรอย