เยี่ยนจ้าวเกอกวาดมองรอบๆ หุบเขา เห็นปากหุบเขาทางทิศหนึ่งพังทลายลงโดยสิ้นเชิง
ตรงนั้นเหมือนมีร่องรอยน้ำป่าไหลหลาก ก้นหุบเขาถูกทำลาย เกิดเป็นพลังทำลายล้างมหาศาล กลบฝังคนที่อยู่ข้างใต้
นั่นมิใช่น้ำป่าทั่วไป เป็นการฉีดพ่นน้ำพุแสงดาวตก ทว่ารุนแรงยิ่งกว่าตาน้ำพุ แสงดาวกลายเป็นน้ำป่าไหลหลาก ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า
ชายหนุ่มก้มหน้ามอง ในตอนนี้ศพที่อยู่ก้นหลุมต่างกลายเป็นซากศพขาขาดแขนขาด ทั่วร่างเต็มไปด้วยแผลฉกรรจ์ เนื่องจากการระเบิดของแสงดาว
แต่ด้วยสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ เขายังมองออกว่า มีคนสองคนที่ไม่ได้ตายเพราะแสงดาว แต่ถูกคนสังหารทิ้งก่อนจะได้รับการกระแทกจากแสงดาว
หนึ่งในนั้นเป็นคนหนุ่มที่ได้รับการคุ้มครองจากอาวุธวิญญาณ ศพอยู่ในสภาพดี
ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอเห็นรอยกระบี่เจ็ดรอยที่อยู่กลางหน้าอกของเขา ชายหนุ่มก็รู้ทันทีว่าเป็นท่ากระบี่เจ็ดดารา
เมื่อมีการชำระล้างจากน้ำป่าแสงดาว โดยพื้นฐานแล้วมีความเป็นไปได้ว่าจะลบบาดแผลปลอมให้หายไป
‘ฝีมือของสือจวินหรือ?’ เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกฮึกเหิม ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายน่าจะอยู่ที่นี่ แต่จอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิตเหล่านี้กลับหาตัวเจอก่อน
เกิดการต่อสู้ขึ้นระหว่างสองฝ่าย สือจวินสังหารคนไปสองคน แต่ก็รับมือศัตรูจำนวนมากไม่ได้
บางทีอาจเป็นแผนการที่สือจวินวางไว้เสร็จสรรพ บางทีอาจเป็นกระแสน้ำแสงดาวที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้โดยไม่ได้ตั้งใจ
สือจวินอาศัยการคุ้มครองจากกระแสน้ำแสงดาวฝ่าวงล้อมสำเร็จ ส่วนจอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิตที่อยู่ที่นี่ประสบหายนะ ถูกกระแสน้ำกลืนกิน
เยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจตรวจสอบอีกครั้ง เมื่อพบว่าที่นี่ไม่มีศพของสือจวิน เขาจึงค่อยคลายใจลง
ร่องรอยของที่นี่แสดงให้เห็นว่าเรื่องทั้งหมดเพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่นาน และกระบี่หยกในมือก็บอกตนว่าอยู่ห่างจากสือจวินไม่ไกลแล้ว ถ้าตามหาต่อ เชื่อว่าอีกไม่นานจะต้องเจออีกฝ่ายแน่
แต่ว่า…
เขามองคนหนุ่มที่มีร่องรอยกระบี่เจ็ดรอยบนอกด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
คนที่ตายด้วยน้ำมือของสือจวิน ดูไปมีอายุไม่มาก พลังฝึกปรือสมควรเป็นจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ อีกทั้งยังไม่น่าจะอยู่ในระดับเคียงนภา
ไม่อยู่ในระดับเคียงนภา แต่มีอาวุธวิญญาณติดตัว สถานะของคนผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่
ชายหนุ่มทราบแล้วว่าโลกผืนน้ำมีระดับการสร้างอาวุธใกล้เคียงกับระดับโดยรวมของแปดพิภพ
ถึงแม้จะเป็นสำนักใหญ่เช่นสำนักมังกรโลหิต จอมยุทธ์ที่มีพลังฝึกปรือไม่ถึงระดับเคียงนภากลับมีอาวุธวิญญาณอยู่ในมือ ยังถือว่าเป็นกรณีพิเศษ
ถ้ามิใช่เพราะตัวเองร่ำรวยโชค ได้รับมาโดยบังเอิญ เช่นนั้นก็มาจากครอบครัวที่ไม่ธรรมดา
เยี่ยนจ้าวเกอมองคนหนุ่มตรงหน้า พลางพูดในใจว่า ‘…ไม่น่าจะบังเอิญขนาดนี้กระมัง?’
เขาตบหน้าผากเล็กน้อย มุมปากยกโค้งขึ้น ‘ถ้าหากว่านี่คือเหนียนเหว่ยล่ะก็ สถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่ควรปล่อยให้เขาเคลื่อนไหวมั่วซั่ว ต่อให้เขาต้องการตามหาจวินเอ๋อร์กับเฉินอิ๋งด้วยตัวเอง ข้างกายก็น่าจะมียอดฝีมือสำนักมังกรโลหิตติดตามอยู่ด้วยถึงจะถูก’
‘ในสถานที่เมื่อครู่นี้ มหาปรมาจารย์สามารถถอยออกไปได้ ด้วยเหตุนี้ คนในสำนักมังกรโลหิตที่อยู่ด้านนอกอาจจะรู้ถึงการมีอยู่ของที่นี่แล้วก็ได้’
ขณะที่คิดอยู่นั่นเอง ดวงตาของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่อยู่ด้านข้างเขาก็เปล่งประกายขึ้นเล็กน้อย
เยี่ยนจ้าวเกอเชื่อมต่อจิตกับมัน ‘มีคนเข้ามายังมิติตต่างแดนแห่งนี้จากทางประตูหรือ? ทั้งยังมีพลังฝึกปรือสูงมากด้วย!”
วินาทีถัดมา ชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงตรงประตูทางเชื่อมมิติต่างแดน
อีกฝ่ายเปิดเผยการเคลื่อนไหวถึงขีดสุด ไม่คิดจะปกปิดแม้แต่น้อย อาศัยพลังฉีกกระชากไอหมอกสีม่วงที่ขวางประตูอยู่ แล้วพุ่งเข้ามา
คนที่มามีความเร็วดุจพุ่งทะยาน ไม่ทันไรก็มาถึงปากหุบเขาแล้ว
ชายหนุ่มเบะปาก เงยหน้ามองไป เห็นชายชราผมเงินผู้หนึ่งกำลังมองมาอย่างดุร้าย
เมื่อเห็นศพของคนหนุ่มบนพื้น ชายชราผมสีเงินก็ส่งเสียงคำรามด้วยความโศกเศร้าสุดขีด ดวงตากลายเป็นสีแดงฉานในพริบตา
เยี่ยนจ้าวเกอรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งที่กระจายออกมาจากร่างของชายชราผมเงิน เขาลูบคางของตนเอง ‘เหนียนเชิน?’
ยอดฝีมือแห่งสำนักมังกรโลหิต ผู้ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์นิ้วมังกรทั้งเก้า จะต้องตัดนิ้วโป้งข้างซ้ายของตัวเอง
เขามองมือซ้ายของชายชราผู้นั้น เห็นมือข้างนั้นมีเพียงแค่สี่นิ้ว นิ้วโป้งหายไป
เขาคิดในใจ ‘ใช่จริงๆ ด้วย’
เหนียนเชินมองเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง ดูเดือลดาลเหลือประมาณ เขากล่าวเน้นย้ำทีละคำ “เจ้าก็คือ…เยี่ยนจ้าวเกอ?”
ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักมังกรโลหิตผู้นี้เพิ่งออกฌานได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้เข้าฌานฝึกฝนไม่ถามไถ่เรื่องทางโลก ไม่นานมานี้ออกฌานเนื่องจากเรื่องของสือจวิน เฉินอิ๋ง และเหนียนเหว่ย
หลังจากออกฌาน เขาก็ใช้สมาธิทั้งหมดไปกับการตามหาที่อยู่ของสือจวิน
ชื่อของเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้โด่งดังอย่างแท้จริง คนในสำนักย่อมรายงานเรื่องราวและประวัติของเขาให้เหนียนเชินรับทราบ
แต่ว่าเหนียนเชินมีนิสัยทะนงตนมาแต่ในแต่ไร ในตอนนี้ยังโกรธแค้นเพราะการตายของเหนียนเหว่ย พลันส่งเสียงร้องดุจมังกร ประกายโลหิตหลายสายพุ่งออกจากร่าง
ถึงจะโกรธเพียงใด แต่เหนียนเชินกลับไม่ดูถูกศัตรู ต่อให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจะยืนอยู่ด้านข้างเยี่ยนจ้าวเกอเงียบๆ คล้ายกับรูปสลัก ชายชราก็ยังรับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน
ประกายโลหิตมากมายกลายเป็นมังกรสีเลือดหลายตัวกลางอากาศ จากนั้นก็จับตัวกันกลายเป็นเงาแสงขนาดมหึมา
เงาแสงนี้มีศีรษะเป็นมังกรมีตัวเป็นคน มีแขนเพียงข้างเดียว บนกรงเล็บขนาดยักษ์มีนิ้วอยู่เก้านิ้ว
เยี่ยนจ้าวเกอมองเหนียนเชินอย่างใจเย็น หัวเราะพรืดขึ้น “ถ้าข้าลงมือ คงจะไม่เหลือศพของจอมยุทธ์ปรมาจารย์ไว้กระมัง? ท่านคงไม่ได้คิดว่าอาวุธวิญญาณชิ้นหนึ่งจะปกป้องเขาได้ใช่หรือไม่”
เหนียนเชินยื่นสองมืออกมา นิ้วมือทั้งเก้าเปล่งประกายพร้อมกัน ปรากฏปลอกนิ้วแหลมคมที่มีสีแดงเหมือนกับเลือดและเปล่งประกายสีทอง
เมื่อใส่ปลอกนิ้วแล้ว สองมือของเหนียนเชินก็คล้ายกับกรงเล็บของมังกร
ความโกรธบนใบหน้าของเขาในตอนนี้สลายไป เพลิงโทสะกลายเป็นความเย็นยะเยือก “รอยกระบี่เจ็ดรอยนั้นเป็นฝีมือของเดรัจฉานน้อยแซ่สือ!”
“ต่อให้มิใช่ฝีมือของเจ้า ก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าแน่”
ที่ด้านข้างเหนียนเชินครั้งนี้ปรากฏจอมยุทธ์สำนักโลหิตคนอื่นด้วย บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งในจำนวนนั้นมีบุคลิกไม่ธรรมดา พลังฝึกปรืออยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณระยะท้าย
เขามองศพของพวกเหนียนเหว่ยที่อยู่ก้นหุบเขา ดวงตาปรากฏความเจ็บปวดและความกังวลอย่างเข้มข้น
เยี่ยนจ้าวเกอมองแวบหนึ่ง จำได้ว่าบุรุษวัยกลางคนผู้นี้คือบิดาของเฉินอิ๋งที่หายสาปสูญ เจ้าสำนักคนปัจจุบันของสำนักมังกรโลหิตเฉินซื่อเฉิง
เฉินซื่อเฉิงในตอนนี้เจ็บปวดที่ลูกศิษย์ในสำนักเสียชีวิต อีกทั้งยังเป็นห่วงธิดาของตนเอง
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ กล่าวด้วยเสียงทุ้ม “เยี่ยนจ้าวเกอ คุณชายเยี่ยน ในตอนนี้มีชื่อเสียงเลื่องระบือ ข้าไม่อยากจะเห็นท่านที่นี่จริงๆ”
“ถ้าหากท่านอยู่ที่เขาหงส์วิเศษยังพอทำเนา แต่ในเมื่อมายังที่นี่ ก็หมายความว่าท่านจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับสือจวินนั่น!” เฉินซื่อเฉิงส่ายหน้าเล็กน้อย “สือจวินสองศิษย์อาจารย์มีประวัติเป็นความลับ ท่านเองก็เหมือนกัน”
“ท่านบอกว่าท่านต้องการตามหาเขาหงส์วิเศษ นี่ถือว่าปกติ แต่ว่าสือจวินสองศิษย์อาจารย์เป็นแขกของเขาหงส์วิเศษเท่านั้น มิใช่คนในสำนักเขาหงส์วิเศษ คนในสำนักเขางหงส์วิเศษช่วยพวกเขาสองศิษย์อาจารย์ออกจากปัญหายังพอเข้าใจได้ แต่ท่านที่เป็นแขกเหมือนกันเหตุใดจึงมาปรากฏตัวที่นี่?”
เฉินซื่อเฉิงเอ่ยเสียงทุ้งม “คุณชายเยี่ยนมีนิสัยตรงไปตรงมา คงจะไม่บอกว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องบังเอิญใช่หรือไม่? หรือท่านจะปฏิเสธว่า รอยกระบี่ที่อยู่บนร่างเหนียนเหว่ยหลานของข้า มิใช่ฝีมือของสือจวินนั่น?”