เมื่อกลับมาถึงในเมือง ทั้งคู่เหนื่อยเกินกว่าจะเคลื่อนไหว
แต่พนาวันยืนกรานจะพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอีกครั้ง
หมีพูลเดินและมองไปรอบๆโซนเด็กเล่น “แม่เพิ่งซื้อเสื้อผ้าให้ผม ผมยังมีอยู่ ซื้อให้แม่ดีกว่า”
พนาวันต่อต้านด้วยใบหน้าที่ร่าเริง และเลือกเสื้อผ้าแบบใหม่ให้เขาหลายชุด พร้อมทั้งซื้อกระเป๋าอีกหลายใบ
เธอพาเขาไปกินหม้อไฟ พาเขาไปดูหนัง3Dที่เขาชอบที่สุด และซื้อของเล่นที่เขาชอบด้วย
หมีพูลดีใจและมีความสุขมาก
แม่ไม่เคยตามใจเขาขนาดนี้
“แม่” เขาเงยหน้าขึ้นแล้วเรียกเบาๆ
“อืม มีอะไรรึเปล่า”
“ผมรู้สึกเหมือนผมกำลังฝันอยู่วันนี้”
พนาวันพูดอย่างสงสัยว่า “ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”
“เพราะวันนี้แม่ไม่เพียงแต่เล่นกับผม แต่ยังซื้อของเล่นให้ผมด้วย”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ หัวใจของพนาวันก็เหมือนโดนบีบ และมีความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบรรยายได้ “มีความสุขไหม”
หมีพูลพยักหน้าอย่างจริงจัง “ผมมีความสุขมาก หวังว่าจากนี้แม่จะไปเที่ยวกับผมแบบนี้อีก”
“โอเค ถ้ามีเวลาแม่จะมาเล่นด้วยอีก แต่มีเรื่องหนึ่งที่แม่ต้องบอก”
สีหน้าพนาวันเรียบเฉยและจริงจังมาก “มา ฟังเรื่องที่แม่จะบอก”
หมีพูลนั่งตัวตรง “แม่พูดเลย ผมกำลังฟัง”
หลังจากหยุดอยู่นาน เธอก็ค่อยๆพูดขึ้นว่า “แม่หย่ากับพ่อแล้ว และจากนี้ไปลูกจะต้องอยู่กับเขา”
หัวใจของเธอเจ็บปวด เหมือนถูกมีดแทงอย่างหนัก
ทุกคำพูดที่เธอพูด เหมือนเลือดกำลังไหลออกจากหัวใจของเธอ
“แม่ แม่โกหก แม่โกหก แม่ไม่มีทางไม่ต้องการผม!” หมีพูลส่ายหัว อารมณ์รุนแรงขึ้นในทันใด
“แม่ไม่ได้ไม่ต้องการลูก ตอนคลอดลูกออกมา แม่กับพ่อทำสัญญากัน ถ้าเราหย่ากัน ลูกต้องเป็นของเขา”
แม้ว่าเขาจะยังเล็ก แต่เขาก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ เธอไม่สามารถปิดบังเขาได้
หมีพูลร้องไห้ออกมาทันที น้ำตาไหลไม่หยุด”แม่ แม่ไม่ต้องหย่ากับพ่อ ได้ไหม”
เมื่อเห็นน้ำตาของลูก พนาวันก็หายใจไม่ออกด้วยความเจ็บปวดทันที น้ำตาก็รื้นในดวงตาของเธอ”ลูกไม่เข้าใจเรื่องระหว่างผู้ใหญ่ แม้ว่าแม่จะบอกแล้ว ลูกก็ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
แต่แม่ก็ยังอยากบอกลูก พ่อของลูกไม่ชอบแม่ อยู่กับแม่ เขาไม่มีความสุขเลย
ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยกลับบ้าน แม่ก็ไม่มีความสุข ถึงจะหย่ากัน ลูกก็ยังดป็นลูกรักของแม่ แม่จะรักลูกตลอดไป!”
หมีพูลยังคงร้องไห้ ร้องจนหายใจไม่ออก หน้าดำหน้าแดง “แม่ พาผมไปด้วย เอาผมไปด้วยได้ไหม ผมไม่ต้องการพ่อ ผมต้องการแม่!”
พ่อจะไม่ปลอบเขาเมื่อเขาเจ็บปวด พ่อจะไม่ทำอาหารให้เมื่อเขาหิว และไม่มีทางซักเสื้อผ้าให้
ตั้งแต่เกิดเติบโต หมีพูลอยู่กับพนาวันมาแปดปีแล้ว เขาทนแยกจากกันไม่ได้!
“แต่ลูกอยู่กับพ่อได้เท่านั้น แม่พาลูกไปไม่ได้”
ประโยคสุดท้ายทำให้ใจสลาย และเธอก็กลับมาสิ้นหวังอีกครั้งหลังจากที่เขาเกิดมา “ลูกฉลาดกว่าเด็กคนอื่นๆ อย่าร้องไห้เลย พ่อกับแม่หย่ากันไม่ใช่เพราะหมีพูล แต่เป็นเพราะปัญหาระหว่างเรา เข้าใจไหม”
คราวนี้หมีพูลไม่ได้ร้องไห้อีก แต่ยื่นฝ่ามือขาวนุ่มของเขาออกไปเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอ น้ำเสียงของเขาไร้เดียงสา แต่ดูเป็นผู้ใหญ่มาก “ผมรู้ว่าแม่ไม่มีความสุขตลอดเวลา พ่อไม่ชอบแม่ เขามักออกไปข้างนอกกับคุณป้าคนสวย และยังได้ออกทีวีกับหนังสือพิมพ์
แต่เขาไม่เคยเป็นข่าวกับแม่ วันเกิดแม่ พ่อก็ไม่กลับมาอวยพร ไม่โทรหา ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นของแม่กลับได้รับของขวัญวันเกิดสวยๆจากพ่อในวันเกิด
แม่ไม่เคยได้รับเลยสักครั้ง บางครั้งในคืนนั้นแม่ก็ร้องไห้ บางครั้งก็เหม่อ ผมไม่เคยเห็นแม่ยิ้มมาก่อน
ดังนั้นการที่แม่หย่ากับพ่อ ไม่ใช่เพราะไม่ต้องการผม ใช่ไหม”
พนาวันน้ำตาไหล กอดร่างเล็กๆไว้ในอ้อมแขนด้วยมือทั้งสองข้าง เธอจะไม่ต้องการเขาได้อย่างไร
เป็นไปได้ยังไง!
หมีพูลซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอ สองมือจับเสื้อผ้าเธอแน่น
“แม่จะมาหาบ่อยๆ ถ้าคิดถึงแม่ก็โทรหาแม่…” เธออยากจะร้องไห้อยู่ตลอด ทำยังไงก็อดไม่ได้
หมีพูลพยักหน้า และตบหลังเธอเบาๆ ดวงตาของเขาเป็นสีแดง
แม่บอกว่าผู้ชายไม่ร้องไห้ เขาไม่ร้องไห้
แต่ร่างกายเล็กๆของเขาก็สั่นอย่างรุนแรง
เขาแอบตัดสินใจเงียบๆ
ยังไงเขาก็ไม่ยอมให้พ่อกับแม่หย่ากันแน่นอน!
ตอนนี้เขาสัญญากับแม่เพราะเขาแค่ไม่อยากทำให้เธอเสียใจ
เมื่อมองดูเวลาแล้ว พนาวันก็พูดว่า “โอเค ตอนนี้แม่มีธุระ แม่จะเอาลูกไปฝากไว้ที่น้าหทัยก่อน”
หมีพูลถาม “พาผมไปด้วยได้ไหม”
พนาวันส่ายหัว
ดังนั้นหมีพูลจึงไม่ถามอีก
พนาวันเรียกแท็กซี่ และทั้งสองก็ขึ้นรถ
เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนขับขับรถแรงเกินไปและเอาแต่เบรคหรือเปล่า หรือเพราะวันนี้เธอเหนื่อยเกินไป พอนั่งเบาะหลัง เธอถึงรู้สึกแน่นในอกและหายใจไม่ออกแบบนี้
เธอใช้มือปิดหน้าอกของเธอ และลดหน้าต่างรถลงเพื่อหายใจ
แต่การหายใจไม่ออกก็ไม่ได้หายไปเท่านั้น แต่ยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ใบหน้าของเธอไม่มีสีเลือด แม้แต่ริมฝีปากของเธอก็ซีด
คนขับเหลือบมองกระจกมองหลังและบังเอิญเห็นใบหน้าของพนาวัน เขาผงะ และพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณผู้หญิง ดูเหมือนคุณจะไม่ค่อยสบาย ไปโรงพยาบาลไหม”
เธอส่ายหัว และยิ้มที่มุมปากของเธอ “ไม่เป็นไร อาจเป็นเพราะท้องเสีย”
คนขับหันมามองอีกครั้ง
ใบหน้าของเธอดูน่ากลัวเกินไปจริงๆ ไม่เหมือนคนท้องเสียเลย
แต่ผู้โดยสารก็พูดมาขนาดนี้ เขาจึงไม่อนากพูดอะไรอีก
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถก็มาถึงอพาร์ทเมนต์
หมีพูลเปิดประตูก่อน และลงจากรถ
พนาวันเดินตามอย่างใกล้ชิด
ทันทีที่ลงจากรถท้องของเธอก็ปั่นป่วนอย่างรุนแรง
เธอรีบไปที่ถังขยะและเริ่มอาเจียน
หมีพูลกังวลมาก “แม่เป็นอะไร”
“อย่า…มา…” พนาวันยื่นมือไปห้ามเขา และยังคงอาเจียนไม่หยุด
“แม่ครับ รอผมนะ ผมจะรีบกลับมา”
เมื่อคำพูดจบลง หมีพูลก็หายตัวไปปานสายลมอย่างไร้ร่องรอย
พนาวันกังวลมาก แต่ก็อ่อนแอ จึงก้มตัวอาเจียนต่อไป
เธออาเจียนหนักมากจนแทบจะสำรอกกรดในกระเพาะออกมาด้วย
ทันใดนั้นมีกลิ่นคาวออกมาจากลำคอของเธอ
เธอก้มศีรษะไปมอง
ก่อนจะเห็นว่ามีสีแดงปนอยู่ในอ้วก
นั่นคือ…เลือดของเธอ
ร่างกายของพนาวันสั่นอย่างรุนแรงราวกับใบไม้ต้องสายลม
ดวงตาของเธอสิ้นหวัง มองดูเลือดที่แดงก่ำ
จนกระทั่งเธอได้ยินเสียงฝีเท้าเธอก็ฟื้นคืนสติได้
หน้าผากของหมีพูลเต็มไปด้วยเหงื่อ ยื่นน้ำแร่ให้อย่างเชื่อฟัง “แม่”
“ขอบใจนะ”
พนาวันจิบน้ำสองสามจิบเพื่อล้างรสชาติในปาก
จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก
แต่–
ทันทีที่เธอลุกขึ้น เธอก็รู้สึกเวียนหัว ดวงตาพร่ามัว ขาอ่อนแรง และล้มลงกับพื้น
ก่อนที่เธอจะเป็นลม ในสายตาของเธอเห็นแต่ใบหน้าซีดเซียวของหมีพูล และเสียงร้องอย่างตกใจ