เก้านาฬิกา
หมีพูลกลับมาจากเรียนติว
พนาวันทำอาหารจนเต็มโต๊ะ ซึ่งเป็นอาหารที่หมีพูลชอบกินทั้งหมด
ล้างหน้าเสร็จ หมีพูลก็เดินออกจากห้องน้ำ
เมื่อมองไปที่โต๊ะอาหาร เขาก็ตะลึง “แม่ครับ วันนี้มีเทศกาลอะไร”
“ไม่มี มานี่เร็ว”
หมีพูลกะพริบตา “แล้วทำไมแม่ถึงทำอาหารอร่อยเยอะขนาดนี้”
พนาวันยิ้ม ไม่พูดอะไร
เธอลูบหัวเขาพลางพูดว่า “ไม่ชอบเหรอ”
“ชอบครับ!” หมีพูลพยักหน้าอย่างหนักแน่น “อะไรที่แม่ทำ ผมก็ชอบทั้งนั้น!”
“ในปากมีน้ำผึ้งหรือไง ทำไมหวานขนาดนี้ ถ้าโตขึ้นต้องจีบสาวเก่งมากแน่ๆ”
เมื่อพูดจบ หัวใจของพนาวันก็ปวดขึ้นมา
เธออยู่ไม่ถึงเห็นวันนั้นแล้ว
หมีพูลส่ายหน้า “ผมไม่อยากเอาใจสาวๆ ผมต้องการแค่แม่”
พนาวันพูด “ไม่ได้นะ ผู้ชายโตขึ้นต้องมีแฟนและแต่งงาน ถึงตอนนั้น ลูกต้องรักแฟนของตัวเอง อย่ารังแกเธอ”
หมีพูลเกาหัว “แม่ ผมยังเด็ก ผมยังไม่อยากมีแฟนจริงๆ และเมื่อผมโตขึ้น ผมก็จะฟังแต่แม่เท่านั้น”
“จะเป็นลูกแหง่ติดแม่ไม่ได้นะ”
พนาวันนั่งยองๆบนพื้น และสอนคำต่อคำอย่างจริงจัง
“ถึงแม่จะชอบให้ลูกเชื่อฟัง แต่ลูกก็ต้องมีความคิดและวิจารณญาณเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ฟังแม่ทุกเรื่อง แม่เกิดลูกขึ้นมาก็เพราะอยากให้ลูกได้เห็นโลกด้วยตาของตัวเอง ไม่ใช่เพื่อเชื่อแต่แม่ เข้าใจไหม”
หมีพูลพยักหน้า”ครับ”
“โอเค ไปกินข้าวเร็ว เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน”
สิ้นเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น
พนาวันเหลือบไปมองและเห็นว่าเป็นโทรศัพท์จากทนายถมัตเธอหัวเราะเยาะในใจ แต่ก็ยังรับสาย “สวัสดีค่ะ”
“คุณพนาวัน พรุ่งนี้เช้าคุณอาคิระมีประชุม เวลาเปลี่ยนเป็นบ่ายสามโมง”
เธอพูดเสียงเรียบ “ทราบแล้วค่ะ”
ทนายถมัตสั่ง “ตอนบ่ายสามโมง ผมจะรอพบคุณที่ทางเข้าที่ว่าการอำเภอ ไม่ไปไหนจนกว่าจะเจอ หวังว่าคุณพนาวันจะมาตรงเวลา”
พนาวันไม่ได้พูด ทำเพียงแค่วางสายไป
หมีพูลหิวมากจึงกินอย่างมูมมาม
เธอมองอย่างลึกซึ้ง และคีบอาหารให้เขาเป็นครั้งคราว ก่อนจะพูดว่า “พรุ่งนี้ไปโรงเรียนไหม”
“ครับ พรุ่งนี้วันอังคาร ต้องไปโรงเรียน”
“พรุ่งนี้ไปไม่ได้ ลูกอยากไปเที่ยวข้างนอกมาตลอดไม่ใช่หรอ แม่จะไปเป็นเพื่อน” พนาวันพูด
หมีพูลตกตะลึง และกะพริบตา ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “แม่ กำลังบอกให้ผมโดดเรียนหรอ”
“ลูกเรียนเก่งมาก ไม่เรียนวันเดียวไม่เป็นไรหรอก แม่เชื่อในตัวลูก”
“ครับ ผมไม่เคยไปเที่ยวกับแม่มาก่อน พรุ่งนี้เราจะไปไหนกัน” หมีพูลเริ่มสนใจและตื่นเต้น
“กินข้าวกันก่อนเถอะ กินข้าวเสร็จแล้วไปดูสถานที่ใกล้ๆกัน”
หลังอาหารเย็น แม่และลูกชายก็อยู่ด้วยกัน และเลือกแกรนด์แคนยอนในที่สุด
มีภูเขา มีน้ำ บรรยากาศน่ารื่นรมย์ และทิวทัศน์ที่สวยงามจึงเป็นสถานที่ที่น่าไปอย่างยิ่ง
หมีพูลผล็อยหลับไปด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าเล็กๆของเขาเป็นสีแดงระเรื่อ
พนาวันไม่ได้นอน เธอนั่งข้างเตียง และมองไปที่หมีพูลแบบนั้น
เธอดูเขาทั้งคืนโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา บางครั้งก็เอื้อมมือไปลูบใบหน้า ผม และจมูกของเขาเบาๆ
เธอคิดว่าเธอสามารถอยู่กับเขาต่อไปได้
แต่ความจริงก็คือ เธอสามารถอยู่กับเขาได้ถึงตรงนี้เท่านั้น ลูกชายของเธอ หมีพูล…
วันถัดไป
เช้าตรู่ ทั้งสองเก็บของและออกเดินทางไปยังจุดหมาย
หมีพูลมีความสุขมาก เขาสวมรองเท้าผ้าใบและชุดกีฬา
ตอนออกไปก็ไม่ลืมใส่กล่องอาหารกลางวันไว้ในกระเป๋า และสะพายไว้บนหลัง
ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าในการมาถึงแกรนด์แคนยอน
หมีพูลรู้สึกตื่นเต้นมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เที่ยวกับแม่ เขาเอาแต่มองไปรอบๆด้วยความตื่นเต้น
ดวงตาของพนาวันปกคลุมไปด้วยความเศร้าอยู่ลึกๆ ลมหรือน้ำก็ไม่สามารถพัดไปได้
ลูกยังเด็กอยู่ จึงไม่ได้สนใจเรื่องนั้นมากนัก และไม่ได้คิดอะไรมาก
ในใจเขารู้เพียงว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เที่ยวกับแม่ และเขาก็มีความสุขจนแทบบ้า
เธอมองดูทิวทัศน์ผ่านหน้าต่างรถ แต่เธอก็ไม่มีความสุข
แกรนด์แคนยอนลึกมาก ขาของพนาวันเดินไม่สะดวก เธอเดินค่อนข้างช้า หมีพูลตื่นตาตื่นใจมาก แต่ก็เชื่อฟังเธอ ไม่ได้วิ่งคนเดียว แต่เดินข้างๆเธอ
ขั้นบันไดทั้งสูง ยาว และชันเล็กน้อย
ขาของเธอข้างหนึ่งสูงข้างหนึ่งต่ำ เธอเดินได้ไม่สะดวกมาก จนเรียกได้ว่าลำบาก เพราะขั้นบันไดแคบเกินไป
ใบหน้าเล็กๆของหมีพูลเต็มไปด้วยเหงื่อ “แม่ ผมจะแบกกระเป๋าเอง”
พนาวันส่ายหน้า “มันหนักมาก แม่แบกเอง”
“ผมอายุแปดขวบแล้ว เป็นผู้ชายอกสามศอก แบกได้แน่นอน แม่ต้องเชื่อในตัวผม!”
แม้ว่าใบหน้าเล็กๆของหมีพูลจะยังไร้เดียงสา แต่ก็เต็มไปด้วยความดื้อรั้น
ทำอะไรไม่ได้ พนาวันจึงยื่นกระเป๋าเป้สะพายหลังให้เขา
หมีพูลแบกกระเป๋าอย่างมีความสุข “แม่ ผมโตแล้ว ตอนนี้สามารถดูแลแม่ได้แล้ว”
พนาวันยิ้มบางๆ
มีตะไคร่น้ำอยู่บนขั้นบันได ลื่นมาก และขาของเธอก็ไม่ค่อยดี จึงลงบันไดได้ค่อนข้างยาก
มีคนมากมายอยู่รอบๆ และในบางครั้งจะมีคนจับตาดูเธอและเท้าของพวกเธอ
พนาวันดึงขากลับ ยืนนิ่ง เพื่อปกปิดไว้
หมีพูลหันกลับมา
มือน้อยปาดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขา หยิบกิ่งไม้บนพื้นแล้วยื่นออกไปตรงหน้าพนาวัน “แม่พยุงไว้ ผมจะดึงแม่ไปเอง”
“โอเค” เธอพูด ยิ่งลูกฉลาดขึ้นเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเศร้าเท่านั้น
ใช้ก้านไม้พยุงตัว ทำให้เดินได้ง่ายกว่าโดยการเดินไปทีละก้าว
หมีพูลอดทนมาก เขาเดินช้ามาก และหันหลังกลับเป็นครั้งคราวอย่างกลัวเธอล้ม
“แม่เดินช้าๆ ไม่ต้องรีบ เอาขาพยุงเดิน จะได้ไม่ล้มง่ายๆ”
พนาวันซึ้งใจมาก
ชาติที่แล้วเธอน่าจะทำบุญมาเยอะมาก ชาตินี้ถึงได้เกิดลูกชายที่ฉลาดและมีน้ำใจขนาดนี้
เดินอยู่นานก็มาถึงจุดชมวิวจุดแรก ถ้ำแสงดาราเป็นชื่อที่เพราะมาก
ด้านนอกเป็นหน้าผา มีน้ำไหลลงมาจากหน้าผาจนทำให้เกิดตะไคร่น้ำ และมีแอ่ง ข้างในก็มีน้ำตกด้วย แต่เส้นทางเดินลำบากมาก
พนาวันไม่ได้เข้าไป เธอรอหมีพูลข้างนอก
ระหว่างรอเธอก็วิตกกังวลมาก
กังวลว่าเขาจะถูกลักพาตัวหรือหกล้ม
โชคดีที่หมีพูลเข้าไปไม่นานก็ออกมา
ตอนเที่ยงทั้งสองรับประทานอาหารกลางวัน ดื่มซุปสาหร่าย และเดินทางต่อ
น้ำตกใสและน้ำไหลสวยงามตลอดทาง
หมีพูลตื่นเต้นมาก “แม่ ผมไม่เคยมาสถานที่ที่สวยงามอย่างนี้มาก่อน”
พนาวันรู้สึกเศร้ามากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้
เธอไม่เคยพาหมีพูลไปที่ที่สนุกมาก่อน สาเหตุหลักมาจากขาของเธอเดินไม่สะดวก และเธอมักจะถูกหัวเราะเยาะ
สำหรับอาคิระ เขาไม่พามาแน่นอน
เธอพยายามทำดีกับเขามาตลอด แต่สุดท้ายเธอก็ยังติดหนี้เขา
เขาซนมาก บางครั้งก็เอาน้ำพรมหน้าเธอ และหัวเราะคิกคัก
พนาวันยิ้มมุมปากเบาๆ และปล่อยให้เขาทำไป
วันนี้เขาใหญ่ที่สุด
ขอแค่เขาสนุก
ทิวทัศน์ของแกรนด์แคนยอนตอนนี้กำลังพอดี ใบไม้สีเขียว น้ำตก น้ำไหล และฟังเสียงนกร้องที่ทำให้คนรู้สึกมีความสุข
แต่หัวใจของพนาวันกลับเริ่มจมดิ่งลง อีกไม่นานจะถึงบ่ายสามโมงแล้ว