เห็นได้ชัดว่าอาคารหลังเล็กนี้ถูกปล่อยเอาไว้ให้ชำรุดทรุดโทรม แต่มีม่านพลังสมบูรณ์อยู่ที่ด้านนอก เว่ยเฮ่าหลานต้องใช้ความพยายามจำนวนหนึ่ง ในการทลายการจำกัดทั้งหมดเสีย
โม่เทียนเกอกล่าวด้วยความตกตะลึงว่า “เจ้าสำนัก หรือว่านี่จะเป็นที่ที่มีม่านพลังเคลื่อนย้ายอยู่กัน” นางได้ยินมาว่าม่านพลังเคลื่อนย้ายที่นำไปสู่โลกภายนอกนั้น เต็มไปด้วยความลึกลับอย่างมาก ภายในยี่สิบปีมานี้ เริ่นอวี่เฟิงเองก็ต้องการจะใช้ม่านพลังนั้นเพื่อไปยังโลกภายนอก แต่เขาไม่มีทางหามันเจอ มันช่างน่าประหลาดใจมากที่ม่านพลังนั้นตั้งอยู่ภายในอาคารหลังเล็กที่แสนธรรมดาเช่นนี้ไม่ใช่หรือ
เว่ยเฮ่าหลานอมยิ้ม และกล่าวว่า “คาดไม่ถึงใช่หรือไม่ ความจริงแล้ว ปกติเราจะไม่ค่อยได้มาทางนี้เท่าไร ในห้องประชุมจะมีอุโมงค์ทอดยาวพาเรามาสู่สถานที่แห่งนี้ได้ หากบรรดาลูกศิษย์จำเป็นต้องออกไป พวกเขาจะใช้เส้นทางนั้น ถึงกระนั้นก็ตาม เราจะส่งกลุ่มลูกศิษย์ออกไปภายนอกแค่หนึ่งครั้งต่อหลายปีเท่านั้น และพวกเขาคือลูกศิษย์ที่เราไว้เนื้อเชื่อใจได้ ฉะนั้น ความลับนี้จึงถูกป้องกันเอาไว้เป็นอย่างดีมาก”
โม่เทียนเกอพยักหน้า จากนั้นเริ่มมองไปรอบๆ แต่อันที่จริงแล้ว จิตใจของนางกลับกำลังนึกถึงกลุ่มของเหยียนรั่วซู ผู้ที่นางพบในถ้ำเซียนของจื่อเวย เมื่อนางได้มีโอกาสรู้จักกับพวกเขา นางไม่เคยคาดคิดเลยว่าสักวันหนึ่ง นางจะได้มาเกี่ยวพันกับสภาปี้เซวียนเช่นนี้ หรือที่ยิ่งคาดไม่ถึงกว่าเดิมก็คือ การได้มาเป็นผู้อาวุโสของสภาปี้เซวียนนั่นเอง แต่กระนั้น เรื่องราวต่างๆ ก็เกิดขึ้น สภาปี้เซวียนต้องประสบกับหายนะอันใหญ่หลวงตลอดช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ลูกศิษย์จำนวนมากได้หายตัวไป ไม่มีใครถามหาถึงที่อยู่ของพวกเขาอีกต่อไป
ถึงกระนั้น นางก็ไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องสำคัญนี้ อย่างไรก็ตาม การตายของเหยียนรั่วซูและศิษย์ทั้งสองคนของนางไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวนางเลยแม้แต่น้อย
พวกเขาเข้าไปยังอาคารหลังเล็ก และเดินไปตามถนนศิลา มุ่งหน้าลงสู่บริเวณชั้นใต้ดิน “เจ้าสำนัก ผู้อาวุโสเยี่ย” ลูกศิษย์ที่คอยคุ้มกันเส้นทางอยู่นั้น คารวะพวกเขาด้วยการโค้งศีรษะ
เว่ยเฮ่าหลานพยักหน้า จากนั้นยังคงเดินนำโม่เทียนเกอไปสู่ห้องที่อยู่ด้านในสุด
นี่คือม่านพลังแผนที่ดาวอันแสนซับซ้อน มีจุดส่องแสงจำนวนมากปรากฏอยู่บนนั้น ซึ่งดูเหมือนว่ามันกำลังสร้างกลุ่มดาวบางชนิดอยู่ แต่หลังจากตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนมากขึ้นแล้ว มีความแตกต่างบางอย่างที่ดูผิดแปลกไปจากปกติอยู่ในนั้น
เว่ยเฮ่าหลาน ผู้ซึ่งสังเกตเห็นถึงสายตาโม่เทียนเกอ จึงกล่าวออกไปว่า “มีข้อจำกัดแปลกๆ บนภูเขามาร ทำให้ม่านพลังเคลื่อนย้ายทั่วไปไม่สามารถเคลื่อนย้ายเราผ่านไปได้ จากคำบอกเล่าของอดีตผู้อาวุโส ม่านพลังเคลื่อนย้ายนี้เป็นม่านพลังเคลื่อนย้ายโบราณชนิดหนึ่ง ถึงแม้เราจะไม่เคยรู้ว่าผู้ก่อตั้งได้มันมาจากที่ไหนก็ตาม”
“เข้าใจแล้ว…” แน่นอนว่าความชำนาญในการก่อร่างของโม่เหยาชิงนั้นค่อนข้างโดดเด่นทีเดียว แต่น่าเสียดายที่นางไม่ได้จดบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับมันเอาไว้มากนักในบันทึกส่วนตัวของนาง
“ผู้อาวุโสเยี่ย” เว่ยเฮ่าหลานขมวดคิ้วของนางเล็กน้อย นางไม่ได้นำทางโม่เทียนเกอเข้าสู่ม่านพลังเคลื่อนย้ายในทันที สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางก็ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ถึงแม้ใครสักคนจะเชื้อเชิญแขกให้มาไกลถึงพันลี้ แต่การจากลาก็มาถึงในที่สุด ข้ารู้สึกอ่อนไหวมากเกินไปขึ้นมาอีกแล้ว”
โม่เทียนเกออมยิ้มเช่นกัน พวกเขาเข้ากันได้ดีมาตลอดยี่สิบปี และนางก็ชื่นชอบนิสัยใจคอของเว่ยเฮ่าหลานมากทีเดียว เว่ยเฮ่าหลานเป็นคนที่หนักแน่น จริงใจ และตรงไปตรงมา นางให้ความสำคัญกับผลประโยชน์เป็นอย่างสูง และชอบที่จะทำให้สิ่งต่างๆ เกิดความสมดุล นางทั้งเ**้ยมโหดและกล้าหาญได้ในเวลาเดียวกัน ทุกคนล้วนแต่มีข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะได้พบกับผู้หญิงประเภทนี้ท่ามกลางผู้ฝึกตนทั้งหลาย
หลังจากครุ่นคิดพึมพำกับตัวเองอยู่สักพัก เว่ยเฮ่าหลานก็กล่าวออกมาในที่สุด “ท่านคิดอย่างไรหากข้าซ่อนที่อยู่ของท่านเอาไว้ในสองปีหน้า แล้วค่อยบอกกับผู้อื่นว่าท่านอยู่ในการปิดประตูแห่งจิต ถึงแม้ว่าศิษย์น้องถังจะเก่งกล้าขึ้นมากแล้วในตอนนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังมีประสบการณ์ไม่มากพออยู่ดี”
โม่เทียนเกอพยักหน้าอย่างไม่ยั้งคิด แต่เมื่อนางได้ไตร่ตรองถึงสิ่งที่เว่ยเฮ่าหลานพูดแล้ว นางก็หัวเราะออกมาและกล่าวว่า “เจ้าสำนัก ทำไมคำพูดของเจ้าถึงได้ฟังดูอึดอัดใจเช่นนั้นกัน ยังไงศิษย์น้องถังก็อายุมากกว่าข้าเล็กน้อยนะ!”
“อายุไม่มีความสำคัญมากนักในการฝึกตน” เว่ยเฮ่าหลานกล่าวพร้อมกับอมยิ้ม “ถึงแม้ว่าท่านจะยังเด็ก แต่ท่านก็มีวุฒิภาวะมาก ศิษย์น้องถังไม่อาจไล่ตามท่านได้ทันในเรื่องนี้”
ประโยคนี้… เมื่อโม่เทียนเกอฟังแล้วต้องนำเก็บมาคิดเล็กน้อย “ถึงแม้ว่าท่านจะยังเด็ก แต่ท่านก็มีวุฒิภาวะมาก” ประโยคนี้… มันหมายความว่าจิตใจของนางแก่กว่าอายุจริงของนางไม่ใช่หรือ โอ้… ถึงแม้ว่าสำหรับผู้ฝึกตนแล้ว การมีวุฒิภาวะมากกว่าปกติเป็นเรื่องที่ดีเสมอ แต่สำหรับผู้หญิงนั้น มันกลับฟังดูราวกับว่าพวกนางแก่เร็วเกินไปก่อนวัยอันควร
ทันทีที่พวกนางพูดคุยกันเสร็จสิ้นแล้ว โม่เทียนเกอพลันเข้าไปในม่านพลังเคลื่อนย้าย และเว่ยเฮ่าหลานวางศิลาวิญญาณแต่ละก้อนลงไปประจำที่ด้วยตัวของนางเอง
“งั้น… ข้าต้องขอตัวก่อนแล้วกัน”
เว่ยเฮ่าหลานยิ้ม “เราจะต้องพบกันอีกในสักวันหนึ่ง ผู้อาวุโสเยี่ย… อ้อ ไม่สิ ข้าว่าข้าชอบที่จะเรียกท่านว่าสหายนักพรตเยี่ยมากกว่านะ”
ขณะที่โม่เทียนเกอประสานมือของตัวเองให้กับนาง ม่านพลังเคลื่อนย้ายก็เริ่มเรืองแสงสว่างจ้าออกมา
ในช่วงเวลาสุดท้าย โม่เทียนเกอพลันนึกบางสิ่งขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน นางรีบหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเอกภพของนาง และโยนมันไปให้เว่ยเฮ่าหลาน “เจ้าสำนัก นี่คือ…” ก่อนที่นางจะพูดจบ นางก็พลันหายไปจากม่านพลังเคลื่อนย้ายเสียแล้ว
เว่ยเฮ่าหลานรู้สึกงุนงง แต่นางก็ยังหยิบกล่องใบเล็กๆ จากพื้นดินขึ้นมา เมื่อนางเปิดมันออก มันกลับเต็มไปด้วยขวดหยกที่เรียงเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ!
นางหยิบขวดหยกจากในนั้นขึ้นมาหนึ่งใบ และเปิดที่ปิดออก ทันใดนั้น ความตกใจและความปิติยินดีก็แล่นวาบเข้ามาบนใบหน้าของนาง นางรีบเปิดขวดหยกใบที่สอง ใบที่สาม และใบต่อๆ ไป… ความตกใจและความปิติยินดีในสีหน้าของนางนั้น ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุด นางก็กอดกล่องใบเล็กนั้นเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา และมองตรงไปยังม่านพลังเคลื่อนย้ายที่กลับว่างเปล่าเสียแล้ว “ผู้อาวุโสเยี่ย ขอบคุณท่านมาก”
ขวดหยดใบแรกบรรจุยาสร้างฐานแห่งพลังเอาไว้จนเต็ม ขวดใบที่สองบรรจุยาเพิ่มพลังจิตวิญญาณเอาไว้จนเต็ม และขวดใบที่สามก็เช่นเดียวกัน… ยาทางการแพทย์เหล่านี้มีปริมาณมากพอที่จะช่วยพัฒนาทักษะของกลุ่มผู้ฝึกการสร้างฐานแห่งพลังงานให้เข้ารูปเข้ารอยได้ และยิ่งช่วยสนับสนุนผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังงาน จนกว่าพวกเขาจะถึงขั้นสูงสุดของดินแดนแห่งการสร้างฐานแห่งพลังงานด้วย
ผู้อาวุโสเยี่ยคนนี้… นางไม่ยอมรับของขวัญจากสภาปี้เซวียน โดยไร้ซึ่งการตอบแทนในท้ายที่สุด
เมื่อแสงจากม่านพลังเคลื่อนย้ายค่อยๆ จางลง โม่เทียนก็ยืนอยู่ที่ดินแดนของคุนอู่เรียบร้อยแล้ว
นางสูดดมพลังวิญญาณที่ท่วมท้นอยู่ภายในอากาศอย่างเบาๆ จากนั้นมองไปยังเทือกเขาที่ยังคงสมบูรณ์ในระยะไกล คุนอู๋ นี่คือคุนอู๋จริงๆ! นางกลับมาแล้วในที่สุด!
ก่อนที่นางจะสยบความตื่นเต้นของตนเองได้ ลำแสงสว่างจ้าพลันปรากฏขึ้นบนอากาศจากที่แห่งหนึ่งอันไกลโพ้น ลำแสงนี้ส่องสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มันกำลังใกล้เข้ามา มันคือขนนกที่กำลังเปล่งแสงอยู่อย่างไม่คาดคิด!
โม่เทียนเกอยื่นมือของนางออกไป เมื่อขนนกร่วงลงบนฝ่ามือนาง ทันใดนั้นมันก็แปรเปลี่ยนเป็นกระดาษเครื่องรางอย่างฉับพลัน
นี่คือเครื่องรางเรียกขานกลุ่มของสำนักเสวียนชิง!