ตอนที่ 762 ไม่อยากโกหกเขา

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

เฟิงอวิ๋นซิวถามว่า “เจ้าจะทําอะไร?”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าต้องการกระบี่นิรันดร์”

“สาวน้อย เจ้าไม่ได้ต้องการกระบี่นิรันดร์แต่เป็นการตายเปล่า แม้ว่าเจ้าจะได้กระบี่นิรันดร์มา แต่สิ่งที่กำลังจะเผชิญก็คือการล้อมโจมตีของสองกองกำลังใหญ่ จะกี่ชีวิตของเจ้าก็ล้วนไม่เพียงพอ” ซวนอีรู้สึกว่าสาวน้อยผู้นี้บ้าไปแล้ว

มู่เฉียนซีกลอกตาและกล่าวว่า “รบกวนผู้อื่นคุยกัน ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย องครักษ์ซวนอี”

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเป็นนักปรุงยา แต่ข้ากลับเป็นผู้บำเพ็ญภูตธาตุน้ำ ข้ารู้มาว่ามีวิธีหนึ่งที่จะทำให้ข้าได้รับธาตุไฟ นั่นคือกระบี่นิรันดร์ที่มีธาตุไฟ”

“ข้าอยากจะไปค้นหาในสนามรบโบราณกับพวกเจ้า หากพวกเจ้าพบมันแล้ว กระบี่นิรันดร์จะเป็นของพวกเจ้าอย่างแน่นอน แต่ถ้าข้าพบมัน เช่นนั้นกระบี่นิรันดร์ก็เป็นของข้า และถ้าพวกเจ้าต้องการล่ะก็ พวกเจ้าสามารถลงมือแย่งชิงได้”

“ข้าเพียงต้องการร่วมมือกับพวกเจ้าเพื่อเข้าสู่สนามรบโบราณ เพราะด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของข้า ข้าไม่มีทางหาสนามรบโบราณทั้งสามแห่งที่ยังไม่ถูกค้นพบเจอได้ ต้องบีบบังคับอีกสองกองกำลังใหญ่เพื่อเปิดสนามรบโบราณ”

ซวนอี กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าก็รู้ว่าความแข็งแกร่งไม่พอ? เจ้าเองก็รู้…”

“เหลวไหล!” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าไม่เห็นด้วย!”

“ข้าไม่มีทางตอบตกลง!” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ช่างใจแคบเสียจริง แต่ข้าได้วางผงยาสะกดรอยตามพวกเจ้าแล้ว ข้าตามพวกเจ้าไปก็ได้แล้ว พวกเจ้าก็อย่าได้คิดจะสละข้าทิ้ง นอกเสียจากว่า…”

ฉึบ! มู่เฉียนซีทําท่าปาดคอ

“นอกเสียจากว่าพวกเจ้าจะฆ่าข้า!”

ซวนอีโกรธขึ้นมาแล้ว “เจ้า… เจ้าวางยาผงสะกดรอยตามใส่พวกเรา เจ้า… เจ้าช่างใจกล้ายิ่งนัก”

มู่เฉียนซีกล่าว “เดิมทีข้าก็ใจกล้าอยู่แล้ว!”

มู่เฉียนซีมองไปยังเฟิงอวิ๋นซิวแล้วกล่าวว่า “เหตุผลที่ข้าบอกเรื่องนี้กับเจ้าก่อน เป็นเพราะข้าไม่อยากโกหกเจ้า แม้ว่าต่อไปอาจกลายเป็นศัตรู แต่ข้าก็ไม่อยากจะโกหกผู้ช่วยชีวิตที่ยังดีต่อกันเช่นเจ้า! ก็แค่นั้นเอง”

เฟิงอวิ๋นซิวตกใจเล็กน้อย ไม่อยากโกหกเขา ดังนั้นจึงบอกจุดประสงค์และแผนการลับของนางออกมาอย่างชัดเจน

เขาเงยหน้ามองดวงตาคู่นั้น ราวกับดวงดาวในยามราตรีที่มืดมิด แม้รู้สึกว่าพวกเขาอาจกลายเป็นศัตรู แต่ก็ยังคงไม่ปิดบัง?

ในโลกนี้ มีใครเคยปฏิบัติกับเขาเช่นนี้มาก่อนบ้าง? ถึงแม้เป็นนางก็ไม่เคยเกิดขึ้น! “เจ้าต้องการตามหากระบี่นิรันดร์ ก็มากับเราเถอะ! ถ้าเจ้าไม่กลัวว่าอยู่กับพวกเราแล้วจะกลายเป็นเป้าโจมตีของตำหนักเป่ยหาน และถ้าหากเจ้าหากระบี่นิรันดร์พบแล้ว เช่นนั้นตำหนักตงจี๋ของเราก็จะแข่งขันกัน มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เป็นสิ่งที่ข้าสัญญากับนางว่าจะต้องหาให้พบ ดังนั้นแม้จะต้องเผชิญหน้ากับเจ้า ข้าก็จะไม่มีทางวางมือ” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“ถึงตอนนั้นพวกเราก็เป็นศัตรูกันแล้ว และข้าจะไม่ออมมืออย่างเด็ดขาด!” ดวงตาสีเหลืองอำพันมองมู่เฉียนซีอย่างหนักแน่น

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าก็จะไม่มีทางออมมือเช่นกัน!”

ที่จริงแล้วสามารถติดตามอารองไปได้ แต่ตอนนี้อารองถูกควบคุม จึงมีความเป็นไปได้อย่างมากที่นางจะทำร้ายอารอง จึงไม่เหมาะอย่างแน่นอน

นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเฟิงอวิ๋นซิว แม้รู้ว่าจะกลายเป็นศัตรูในอนาคต แต่นางก็ยังคงทำได้เพียงขอให้เขาช่วยนางเท่านั้น

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าเก็บข้าไว้ ข้าย่อมตอบแทนข้า อย่างแรกคือบอกข้อมูลแก่เจ้าว่าไม่จําเป็นต้องค้นหาสนามรบโบราณที่สี่ของสำนักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งทวีปเหลยโจวอีกต่อไปแล้วเพราะที่นั่นไม่น่าจะมีกระบี่นิรันดร์”

“อย่างที่สอง เฟิงอวิ๋นซิว ข้าติดค้างชีวิตเจ้าสามครั้ง!”

นางมองไปที่ซวนอีและกล่าวว่า “หลังจากนี้หากนายท่านของเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงตาย เจ้าอย่าลืมส่งเขาไปที่หอหมอปีศาจ ต่อให้ตายแล้วแต่ตราบใดที่วิญญาณยังไม่สลาย ก็สามารถส่งไปที่หอหมอปีศาจได้”

ซวนอีโกรธขึ้นมาแล้วกล่าว “นี่เจ้ากำลังสาปแช่งนายน้อยของพวกเรา แต่น้ำใจของเจ้า ข้าจะรับมันไว้!”

มู่เฉียนซีเบ้ปากและกล่าวว่า “ซวนอีเจ้าเด็กไร้เดียงสา ในโลกนี้คนที่สามารถติดหนี้ชีวิตข้าสามครั้งก็มีเพียงแค่เจ้าคนเดียว”

“สาวน้อยผู้นี้อวดดีมากขึ้นเรื่อยๆเลย” ซวนอีกล่าว

ตอนนี้ซวนอี คิดว่ามู่เฉียนซีกำลังกล่าวเกินจริง

แต่รอจนชื่อเสียงของหมอปีศาจแพร่กระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศ และทักษะในการรักษาของหมอสามารถที่จะยื้อแย่งชีวิตกับชะตาฟ้าลิขิตได้ เขาถึงจะได้รู้ว่าคำมั่นสัญญานั้น มิใช่คำโกหก

“สนามรบโบราณที่สาม สนามรบโบราณที่สี่ สนามรบโบราณที่หกสามารถตัดออกไปได้เลย” เขาเอ่ยช้าๆ

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “สนามรบโบราณที่สาม!”

“ป่าโบราณเชียนโยว เป็นทางเข้าของสนามรบโบราณที่สาม”

“เป็นเช่นนี้นี่เอง! มิน่าล่ะพวกเจ้าจึงปรากฏตัวอยู่ที่นั่นและช่วยข้าไว้”

“อื้ม!”

เพราะได้เข้าร่วมกลุ่มกับตำหนักตงจี๋แล้ว การจะเข้าไปในสนามรบโบราณนั่นก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว

พวกเขาทําลายกองกำลังผู้นําเจ็ดอสูรไปแล้ว คราวนี้พวกเขาได้ส่งสารไปยังสำนักหลัวเทียนอย่างสุภาพ เพื่อไม่ให้กองกำลังจากแดนใต้คิดว่าพวกเขาสองกลุ่มกองกำลังขั้นสำนักนิกายระดับสามทั้งสองแห่งของทวีปตะวันออกเฉียงเหนือนั้นเป็นเหมือนดั่งกลุ่มโจรที่ไม่ว่าด้วยเหตุผล

และในขณะเดียวกัน ตำหนักเป่ยหานก็ได้ส่งจดหมายไปที่สำนักหลัวเทียนแล้ว

ผลก็คือสำนักหลัวเทียนก็ไม่รู้ว่าจะฟังใครดีแล้ว และก็รู้ดีว่าพวกเขาทั้งสองนี้ก็ล้วนเป็นหัวหน้า

สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้ทั้งสองคนคุยกันเอง

ก่อนที่จะออกเดินทางไปยังสำนักหลัวเทียน เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวว่า “เฉียนซี เจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง?”

“อื้ม!” “ในเมื่อยืนอยู่กับพวกเรา เช่นนั้นอีกฝ่ายก็จะปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนเป็นคนของตําหนักตงจี๋ ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายแห่งตำหนักเป่ยหานนับเป็นดาบเล่มที่แข็งแกร่งที่สุดในวังเหนือ เยือกเย็นไร้เมตตา และไม่มีความรู้สึกของมนุษย์เลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าหากว่าเขาต้องการที่จะฆ่าเจ้า เกรงว่าแม้แต่ข้าก็มิอาจจะคุ้มครองเจ้าได้”

เมื่อได้ยินผู้อื่นกล่าวถึงอารองเช่นนี้ มู่เฉียนซีก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างหาที่เปรียบมิได้”

ตําหนักเป่ยหาน? หัวหน้าตำหนักเป่ยหาน พวกเจ้าปฏิบัติกับอารองของข้าเช่นนี้ ทําให้อารองของข้ากลายเป็นหุ่นเชิดที่เลือดเย็นและไร้ความปรานี บัญชีนี้ข้ามู่เฉียนซีขอฝากเอาไว้ก่อน

เมื่อเห็นมู่เฉียนซีขมวดคิ้ว ซวนอีก็คิดว่ามู่เฉียนซีกลัวเข้าเสียแล้ว

“ถ้ากลัวก็กลับบ้านไปเถอะ!”

ซวนอีไม่เข้าใจจริงๆว่าสาวน้อยผู้นี้จะเข้ามาผสมโรงมั่วซั่วโดยที่ไม่ประมาณกำลังของตนเองไปทำไม? ถึงต่อให้นางโชคดีได้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มา นางก็ไม่สามารถที่จะแย่งชิงกับตำหนักตงจี๋และตำหนักเป่ยหานได้อยู่ดี

นางนั้นมีแค่เพียงกำลังของคนคนเดียว ส่วนพวกเขานันเป็นกลุ่มกำลังขั้นสำนักนิกายระดับสามที่ได้รับการยอมรับ

มู่เฉียนซีกล่าว “องครักษ์ซวนอี ตาดวงไหนของเจ้ามามองว่าข้ากลัว ”

ซวนอีแค่นเสียงเย็นชา “สาวน้อยเจ้ากำลังทำสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะเป็นภัยแก่ตัว”

เฟิงอวิ๋นซิวมองไปที่รอยยิ้มอันสดใสของหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ สัญชาตญาณของเขาบอกกับเขาว่าสาวน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดา บางทีนางอาจกลายเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งของเขาในการแย่งชิงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ก็ได้

ถึงกระนั้น ทุกครั้งที่เขาเห็นใบหน้านี้ เห็นรอยยิ้มอันเย้ายวน รอยยิ้มที่มั่นใจและรอยยิ้มหยอกล้อของนาง เขากลับไม่อาจละสายตาและไม่อาจปฏิเสธสิ่งใดได้

ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่คนเดียวกัน แต่เขากลับหลอกตัวเอง เพียงแค่มองเช่นนี้ก็พอใจมากแล้ว

มู่เฉียนซีมองเฟิงอวิ๋นซิวแล้วกล่าวว่า “ดวงตาเจ้ามองข้า แต่เหมือนเห็นเป็นผู้อื่นอย่างนั้นหรือ? ”

เฟิงอวิ๋นซิวตะลึงงัน ตัวเองไม่เป็นตัวเองเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่จะถูกมองออก

มู่เฉียนซีกล่าวต่อ “เจ้าทำอาการเช่นนี้ทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าใช้วิธีการต่ำช้าโดยการพึ่งพาใบหน้ารูปลักษณ์ไปทำให้เจ้าหลงใหล และทำให้เจ้ามาร่วมมือกับข้า” เพราะนางนั้นรู้สึกว่าใบหน้าของนางนี้มีแรงดึงดูดต่อเฟิงอวิ๋นซิวและมันยิ่งใหญ่กว่าเงื่อนไขที่นางได้เสนอออกไปว่า “ติดหนี้ชีวิตเขาสามครั้ง” นั้นเสียอีก