อารมณ์ของฮ่องเต้ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน เขาก็จากไปพร้อมกับองค์ชายเจ็ดเพื่อรับมื้อกลางวันด้วยกัน ที่โต๊ะอาหารองค์ชายเจ็ดไม่ได้ทำตามมารยาทบนโต๊ะ เขาพูดประโยคหนึ่งถึงสองประโยคเป็นระยะ ๆ กับฮ่องเต้“เสด็จพ่อ สิ่งนี่อร่อยมากพ่ะย่ะค่ะ”
“ เสด็จพ่อลองดูนะพ่ะย่ะค่ะ…”
หลังมื้ออาหารฮ่องเต้ก็ดูมีความสุขมาก“ ในอนาคตองค์ชายเจ็ดควรมาอยู่ร่วมมื้ออาหารกับข้า”
“ได้พ่ะย่ะค่ะ ตราบใดที่เสด็จพ่อจะไม่คิดว่าลูกมารบกวน” องค์ชายเจ็ดพูดอย่างอายๆ ในขณะที่เกาหัว
“ บิดาไม่เคยคิดว่าเจ้ามารบกวน” ฮ่องเต้พูดด้วยความรักอย่างมากมาย
“ เช่นนั้นกระหม่อมจะมาร่วมมื้ออาหารเป็นเพื่อนเสด็จพ่อนะพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายเจ็ดนั้นมีความคิดที่เฉียบคม เขารู้ว่าฮ่องเต้ยังคงยุ่งอยู่กับหน้าที่ของเขา ดังนั้นหลังจากเสร็จมื้อกลางวัน เขาก็กล่าวคำลา แต่ก่อนจะจากไปเขาก็พูดขึ้น“ เสด็จพ่อ เสด็จแม่บอกว่าเสด็จพ่อนั้นยุ่งมาก ลูกจะไม่รบกวนเสด็จพ่ออีกต่อไป แต่เสด็จพ่อไม่ควรต้องทำให้พระองค์เองต้องเหน็ดเหนื่อยเกินไปนะพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพี่สามและเสด็จพี่ชายคนใหญ่ ตอนนี้ต่างก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว เสด็จพ่อสามารถขอให้เสด็จพี่เหล่านั้นช่วยได้ เสด็จป้าโจวและเสด็จป้าฟูอานต่างก็เป็นผู้ใหญ่แล้วเช่นกัน พวกนางย่อมสามารถช่วยเสด็จพ่อได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
ถ้าองค์ชายเจ็ดจะพูดถึงเพียงแค่องค์รัชทายาทและองค์ชายสามเท่านั้น ฮ่องเต้จะสงสัยเขา ดังนั้นเขาจึงเพิ่มประโยคขึ้นมาอีกสองสามอย่างโดยจงใจ
เมื่อฮ่องเต้ได้ยินคำพูดที่อ่อนเยาว์ขององค์ชายเจ็ด เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาเพียงแค่ลูบไปที่หัวขององค์ชายเจ็ดเท่านั้นและเตือนให้เขาศึกษาให้มากๆ องค์ชายเจ็ดบอกว่าเขาจะเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่นนั้นเขาจึงจะสามารถแบ่งปันความกังวลของฮ่องเต้ได้
องค์ชายเจ็ดจากไปอย่างมีความสุข เมื่อเขาจากไปแล้วขันทีก็เข้ามาแทนเพื่อเทน้ำชาให้กับฮ่องเต้และสรรเสริญองค์ชายเจ็ดขึ้น เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้มีอารมณ์ที่ดี ขันทีก็พูดติดตลกขึ้น“ องค์ชายเจ็ด พระองค์ยังเล็กนัก ถึงขนาดบอกให้องค์หญิงช่วยเหลือในเรื่องของราชสำนัก องค์หญิงจะช่วยในเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
“ องค์หญิงหรือ?” ดวงตาของฮ่องเต้สว่างขึ้นทันใดนั้น แล้วเขาก็นึกถึงผู้สมัครที่เหมาะสมออก
“ องค์ชายเจ็ด เป็นดาวนำโชคของเจิ้นจริงๆ ” ฮ่องเต้อารมณ์ดีมากขึ้นอีก ขันทียังคงงงงวยอยู่เป็นอย่างมาก แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็ได้ยินเสียงฮ่องเต้ตะโกน“ใครอยู่ข้างนอก เข้ามา”
ฮ่องเต้จึงตัดสินใจให้สามีขององค์หญิงฟูอาน ชุย แซนเหย่ ส่งเสบียงอาหารไปยังชายแดน และในวันเดียวกันนั้นเองเขาก็ได้รับคำสั่งของฮ่องเต้
เมื่อชุย แซนเหย่ ได้รับคำสั่งของฮ่องเต้ เขาก็ทำลายมันทันที ในแคว้นตะวันออกแม้ว่าคน ๆ หนึ่งจะแต่งงานกับองค์หญิงแห่งราชวงศ์พี่เขยอย่างฮ่องเต้ก็ไม่มีอำนาจทำในเรื่องส่วนตัว และเนื่องจากการประท้วงของพี่เขยของเขาทำให้ทุกแคว้นในขณะนี้ต้องระมัดระวัง ดังนั้นชุย แซนเหย่ จึงไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ ฮ่องเต้ สั่งให้เขาส่งเสบียงอาหารไปที่ชายแดนนี่เป็นเพียงแค่……
“ มันเป็นไปไม่ได้ จู่ๆ ฮ่องเต้จะให้ข้าส่งเสบียงอาหารไปได้อย่างไร”ชุย แซนเหย่ ผู้ที่กำลังถือราชโองการของฮ่องเต้ ไม่สามารถเรียกสติของเขากลับมาได้
องค์หญิงฟูอาน ย่อมได้รับข้อมูลเป็นอย่างดี ดังนั้นนางจึงพูดอย่างมีความสุขขึ้น“ มันเป็นเพราะองค์ชายเจ็ด องค์ชายเจ็ดได้พูดถึงท่าน ดังนั้นฮ่องเต้จึงนึกถึงท่านขึ้นมา องค์ชายเจ็ดมีน้ำใจจริงๆ เขาไม่ลืมป้าคนนี้จริงๆ”
องค์หญิงฟูอานมีความสุขมาก สิ่งที่สำคัญสำหรับนางก็คือประโยชน์ที่นางจะได้รับในเรื่องนี้ หากสามีของนางประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ ตำแหน่งของนางในใจของฮ่องเต้ก็จะสูงขึ้นอีก
มีราชโองการออกมาแล้ว ดังนั้นไม่ว่าชุย แซนเหย่ จะคิดอย่างไร ทั้งหมดที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือทำตามคำสั่งเท่านั้น
แม้ว่าตระกูลซุยจะไม่ได้เป็นสมาชิกของขุนนางในวัง แต่พวกเขาก็ตระหนักถึงทุกเหตุการณ์ในราชสำนักดี พวกเขารู้ว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ดังนั้นพวกเขาจึงกังวลมาก พวกเขาสงบลงเมื่อผู้นำตระกูลซุย พูดอะไรบางอย่างขึ้น
“ เสี่ยวหวางเย่ส่งคำเตือนไปยังฮ่องเต้ ดังนั้นเสบียงชุดสุดท้ายจึงถูกปล้น แม้ว่าเสี่ยวหวางเย่จะเกลียดฮ่องเต้ แต่เขาก็เป็นผู้ชายที่มีหลักการ เขารู้ดีถึงความสำคัญของเสบียงนี้เป็นอย่างดี ข้าแน่ใจว่าเขาจะไว้หน้าตระกูลซุยของเราบ้าง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จึงทำให้จิตใจของชุย แซนเหย่ ผ่อนคลายลงและยอมรับภารกิจที่ฮ่องเต้มอบให้แก่เขา
แต่ในเวลานี้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าชื่อ อันทังที่ที่ถูกฮ่องเต้และเหล่าขุนนางในวังเมยเฉย ก็ได้สร้างเรื่องอื้อฉาวให้ระเบิดขึ้นมาอีก……