“พี่เทียนอวี่ ฉันอยากจะปรึกษากับคุณเรื่องหนึ่ง…คุณจะว่ายังไงคะ”
ฮั่วเทียนอวี่มองดูอาการเหมือนอยากพูดแต่ยั้งไว้ของอี้อวิ๋นฉัง ดวงตาฉายแววสงสัย ผู้หญิงคนนี้เอาเรื่องไม่ใช่ย่อยเลย!
“คุณพูดมาสิ”
“คุณคิดดูนะ คุณอยากได้หลินหว่าน ส่วนฉันก็อยากได้เซียวจิ่งสือ พวกเราช่วยกันและกัน เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ เป็นยังไงล่ะ”
ฮั่วเทียนอวี่ใช้สายตาเย็นเฉียบมองดูอี้อวิ๋นฉังที่เข้าใจว่าตัวเองนำเสนอความคิดที่ยอดเยี่ยมซะเหลือเกิน หึหึ ที่ผ่านมามีแต่ฉันฮั่วเทียนอวี่ใช้ประโยชน์คนอื่น วันนี้นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้
“พูดตรงๆ นะ อี้อวิ๋นฉังเธอนี่มัน…เห็นผมโง่นักรึไงฮะ ช่วยกันและกัน? ต่างได้คนที่ต้องการ? พูดซะน่าฟังเชียว แค่ดูจากเรื่องที่เธอทำในวันนี้…เธอคิดจะฆ่าหลินหว่านใช่ไหมเล่า ถ้าหลินหว่านตาย แล้วคนที่ผมต้องการล่ะ? ผมจะบอกคุณไว้เลยนะ ทางที่ดีหลินหว่านอยู่ดีมีสุข ถ้าหากเธอเกิดเรื่องขึ้น ผมจะคิดบัญชีกับคุณ!” ฮั่วเทียนอวี่ตวาดด่าอย่างโมโห ตบโต๊ะดังโครม ทำเอาอี้อวิ๋นฉังตกใจจนสะดุ้งเฮือก
อี้อวิ๋นฉังพยายามตั้งสติ กลืนก้อนน้ำลายลงคอ
“พี่เทียนอวี่ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ เรื่องวันนี้เป็นอุบัติเหตุล้วนๆ เป็นอุบัติเหตุจริงๆ นะ! เป็นเพราะพี่หู่นั่น เขาชอบทำเกินหน้าที่เรื่อยเลย” พูดพลางเหลียวดูสีหน้าของฮั่วเทียนอวี่ พอเห็นว่าฮั่วเทียนอวี่ไม่ได้ทำท่าอาละวาดก็พูดต่อไป
“ถึงแม้ฉันจะชอบพี่จิ่งสือ แต่ตอนนี้พี่จิ่งสือถูกนังผู้หญิงอื่นปิดหูปิดตาชั่วคราว ไม่เห็นความดีของฉัน แต่ที่ฉันอยากได้คือกิจการของเซียวจิ่งสือ ขอเพียงฉันได้เซียวซื่อกรุ๊ปมาไว้ในกำมือ เซียวจิ่งสือย่อมต้องรักฉัน ฟังคำของฉัน หลินหว่านพอเห็นว่าพี่จิ่งสือไม่มีเงินก็ย่อมต้องหันเข้าหาอ้อมอกของคุณ” อี้อวิ๋นฉังพูดด้วยสีหน้ากระตือรือร้น แต่ฮั่วเทียนอวี่กลับมองดูเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนมองดูตัวตลก
ถึงแม้บ้านตระกูลเซียวจะเกิดปัญหาอีก แต่อี้อวิ๋นฉังเพียงคนเดียวคิดจะเข้ากุมบังเ**ยนเครือบริษัทของบ้านตระกูลเซียว มันเป็นเรื่องละเมอเพ้อพกของคนบ้าชัดๆ
“เธออยากได้บ้านตระกูลเซียวก็ไปแย่งเอาสิ มันเกี่ยวอะไรกับผม ผมยังมีธุระอื่นอีก ไปก่อนล่ะ”
พูดพลางฮั่วเทียนอวี่ก็ตั้งท่าว่าจะจากไป คราวนี้อี้อวิ๋นฉังตะโกนออกมาอย่างของขึ้น
“คุณไม่อยากเห็นเซียวจิ่งสือตกระกำลำบากอยู่ใต้อุ้งเท้าคุณรึไง?”
ฮั่วเทียนอวี่ฟังแล้วก็ชะงักเท้าที่กำลังก้าวออกไปทันที ประโยคนี้ของอี้อวิ๋นฉังเสียบเข้ากลางใจฮั่วเทียนอวี่พอดิบพอดี ผู้ชายล้วนไม่ยอมรับว่าสู้คนอื่นไม่ได้ อย่าว่าแต่ยังเป็นศัตรูหัวใจเสียอีก
“พูดมาสิ เธอมีแผนจะทำยังไง”
พอเห็นฮั่วเทียนอวี่กลับมานั่งที่เดิม อี้อวิ๋นฉังก็รู้ว่าเธอวางเดิมพันได้ถูกแล้ว ฮั่วเทียนอวี่เป็นคนที่เห็นแก่ศักดิ์ศรีตัวเองเอามากๆ เลยนี่นา!
“พี่เทียนอวี่ เรื่องนี้พวกเราต้องวางแผนระยะยาว เรา…”
……
หลายวันที่ผ่านมาหลินหว่านรับนัดฮั่วเทียนอวี่ออกไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ซึ่งระหว่างนี้ฮั่วเทียนอวี่ก็ดีกับหลินหว่านเป็นพิเศษ ดูแลเธออย่างดี…
เย็นวันนี้ ฮั่วเทียนอวี่กับหลินหว่านทานข้าวเสร็จก็ส่งหลินหว่านกลับบ้าน
“หว่านหว่าน ให้ผมขึ้นไปได้ไหม”
หลินหว่านมองดูฮั่วเทียนอวี่ที่ทำท่าเหมือนจะพูดแต่ยั้งไว้ แต่ท่าทีแบบนี้มันเหมือนจะคุ้นตาอยู่นะ คืนนั้นที่เธอถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ เซียวจิ่งสือก็ถามแบบนี้เหมือนกัน ตอนนั้นเธอไม่ได้รับปาก เซียวจิ่งสือก็เลยจากไป ตอนนี้ผ่านมาตั้งนานแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่โผล่มาให้เห็นอีกเลย เฮ้อ คงเข้าใจว่าเธอถูกพวกโจรฆ่าตายไปแล้วกระมัง เธอในสายตาเขามีค่าไม่ถึงสิบล้านด้วยซ้ำ คำพูดของเขาล้วนแต่คำโกหกทั้งนั้นกระมัง
“พี่ฮั่ว ฉัน…”
“ไม่ได้เหรอ? หว่านหว่าน พี่ฮั่วแค่ล้อเล่นน่ะ งั้นเธอก็เดินระวังนะ พี่ไปก่อนล่ะ”
พอเห็นฮั่วเทียนอวี่แม้ปากจะบอกว่าล้อเล่น แต่ดวงตาฉายแววผิดหวังออกมา…หลินหว่านก็ลังเล
“พี่ฮั่ว…”
หลินหว่านเรียกฮั่วเทียนอวี่ที่กำลังหมุนตัวไปเอาไว้ “ขึ้นไปนั่งเล่นข้างบนเถอะค่ะ”
พริบตานั้นฮั่วเทียนอวี่ก็ยิ้มออกมา ตามติดหลินหว่านขึ้นบนตึก
คนชุดดำที่ยืนอยู่ละแวกใกล้เคียงพอเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็โทรออกไปสายหนึ่ง
“ท่านประธานเซียว คุณหลินทางนี้มีเรื่องเล็กน้อย เธอเชิญฮั่วเทียนอวี่ขึ้นตึกไปแล้ว บางทีตอนนี้คุณหลินจะไม่ปลอดภัยครับ”
เซียวจิ่งสือรู้สึกใจหายวูบ พูดว่า “ผมทราบแล้ว” จากนั้นวางสายไป
ฮั่วเทียนอวี่ติดตามหลินหว่านขึ้นตึกมาด้วยความตื่นเต้น ดูท่าว่าเขาจะได้ลิ้มรสหวานของดอกโบตั๋นซะที ฮ่าๆๆ!
“พี่ฮั่ว นั่งก่อนค่ะ ฉันจะไปรินน้ำมาให้นะคะ”
หลินหว่านยกน้ำมาวางที่ข้างตัวฮั่วเทียนอวี่ ขณะที่ฮั่วเทียนอวี่ตะครุบมือของหลินหว่านเอาไว้คิดจะพูดอะไรบางอย่างนั้นเอง
“ตู๊ด ตู๊ด…ตู๊ด ตู๊ด…”
“ฮัลโหล …อะไรนะ…รู้แล้ว…ทางบริษัทจัดการให้เรียบร้อยนะ ผมจะรีบไป”
พอได้ยินว่าบริษัทของฮั่วเทียนอวี่เกิดเรื่อง หลินหว่านก็นึกเป็นห่วง จนลืมไปว่าเมื่อครู่ฮั่วเทียนอวี่จับมือเธอ
“บริษัทมีงานหรือคะ? พี่ฮั่วรีบไปทำธุระเถอะค่ะ!”
ฮั่วเทียนอวี่มองดูหลินหว่าน เฮ้อ เนื้อกำลังจะเข้าปากเสืออยู่แล้วเชียวเผ่นซะแล้ว มันน่านักเชียว แต่ทำอย่างไรได้ ใครใช้ให้บริษัทเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้เล่า
ฮั่วเทียนอวี่ปั้นหน้าอบอุ่นอ่อนโยนกับหลินหว่าน พูดว่า “หว่านหว่าน บริษัทของพี่เกิดเรื่องนิดหน่อย งั้นพี่กลับก่อนนะ”
“อื้อ ฉันจะไปส่งพี่นะ”
บอดี้การ์ดที่หลบอยู่เห็นว่าฮั่วเทียนอวี่ออกมาแล้ว ตอนนั้นเองมีข้อความหนึ่งส่งเข้ามือถือเขา
“ไปแล้วยัง?”
“ท่านประธาน เขาเพิ่งออกไป”
เซียวจิ่งสือที่อยู่ห้องทำงาน พอเห็นข้อความที่บอดี้การ์ดส่งเข้ามาก็ถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก ครั้งนี้เขาลงมือกับบริษัทของฮั่วเทียนอวี่ทำให้เขาจากมา แล้วคราวต่อไปเล่า? แล้วเขาจะทำยังไง หลินหว่านจะรักฮั่วเทียนอวี่จริงๆ หรือ? เซียวจิ่งสือรู้สึกว่าแค่ลองคิดดูเขาก็ปวดใจแล้ว
เขาไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด
เซียวจิ่งสือหยิบโทรศัพท์ “ถามได้ความหรือยัง?”
“ท่านประธานเซียว จากคำสารภาพของหลินหู่ พวกเราพบว่ามีผู้หญิงมาขอให้เขาทำแบบนี้ เสนอเงินค่าจ้างหนึ่งล้าน จากการสืบสวนสอบสวน พวกเรายังไม่อาจเข้าถึงข้อมูลของผู้หญิงคนนี้ครับ”
“บัดซบ ให้คนช่วยสืบสิ ต้องสืบออกมาให้ได้!”
“ครับ ท่านประธาน”
ผ่านไปอีกนานมาก เสียงสายเข้าดังขึ้น
“ฮัลโหล คราวนี้ความเร็วลดลงไปหน่อยนะ”
“อย่าบอกใครเชียว งานนี้ยุ่งยากอยู่บ้าง สืบลำบาก ข้อมูลถูกคนล้างไปหมดแล้ว”
“อ้อ งั้นก็น่าแปลกละ แม้แต่คุณยังสืบไม่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดานะเนี่ย”
“ใคร ใครว่าสืบไม่ได้ ผมต้องการเวลาต่างหาก เข้าใจรึเปล่า เวลาน่ะ แล้วก็ผู้หญิงนั่นสืบได้แล้ว ชื่ออี้อวิ๋นฉัง ภูมิหลังขาวสะอาด แค่เห็นก็รู้ว่าปลอมขึ้น ภูมิหลังของจริงยังต้องใช้เวลาอีกหน่อย”
“เวลาผมมีให้ถมไป สืบให้ชัดแล้วกัน”
พูดจบเซียวจิ่งสือก็วางสาย หว่านเอ๋อร์ ขอแค่เธอปลอดภัย ฉันก็พอใจแล้ว
“ส่งคนไปติดตามอี้อวิ๋นฉัง ด้านคุณหลินก็เพิ่มกำลังคนด้วย ต้องรับประกันความปลอดภัยของคุณหลิน”
“ครับ ท่านประธานเซียว”
เกือบจะหนึ่งเดือนแล้วที่เซียวจิ่งสือไม่ได้ติดต่อหลินหว่านเลย หนึ่งนั้นเกรงว่าหลินหว่านจะเข้าใจผิด เขาไม่กล้าไปเจอกับสีหน้าเคลือบแคลงและผิดหวังของหลินหว่าน อีกอย่างก็คือ เรื่องของอี้อวิ๋นฉังยังไม่จัดการให้แล้วเสร็จ เขาต้องการรับประกันความปลอดภัยของหลินหว่านจึงจะวางใจที่จะอยู่กับเธอ
“ตู๊ดตู๊ด…ตู๊ดตู๊ด…”
พอเห็นว่าเป็นสายที่ไม่ปรากฏเบอร์ เซียวจิ่งสือก็รับสาย ปลายสายส่งเสียงมาว่า
“สืบได้แล้ว อี้อวิ๋นฉังเป็นคนที่ไม่ธรรมดาเลย ระวังตัวด้วย!”