อันจี๋ถิงนึกไม่ถึงว่า เซียวจิ่งสือจะดีกับหลินหว่านขนาดนี้ มันทำให้เธอเห็นแล้วขัดหูขัดตาอย่างมากเช่นกัน
ทั้งๆ ที่เขาเป็นผู้ชายแบบนั้น กับคนอื่นเขาไม่เคยไว้หน้าเลย คิดไม่ถึงว่าจะเอาอกเอาใจผู้หญิงได้ถึงขนาดนี้
พอนึกถึงตรงนี้ อันจี๋ถิงก็รู้สึกว่าทั้งหมดนี้มันไม่ยุติธรรมกับลูกสาวของเธอเลย
“ทำไมเขาทำแบบนี้ นี่มันเกินไปแล้วนะ” พอฟังคนที่ด้านข้างรายงานจบ อันจี๋ถิงก็ตบโต๊ะเต็มแรง “นั่นน่ะลูกสาวฉันนะ เขาเอาฉันไปไว้ที่ไหน”
คนด้านข้างที่มารายงานฟังแล้วไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร เนื่องจากเห็นว่าอันจี๋ถิงกำลังโกรธควันออกหู จึงพูดปลอบว่า “คุณอย่าโกรธไปเลยนะคะ”
อันจี๋ถิงมองคนที่ด้านข้าง สองมือวางบนอก คิดอยู่ว่าต่อไปเธอควรจะทำอย่างไรดี เธอจะให้ลูกสาวตัวเองลำบากไม่ได้
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เธอไปสืบมาอีก ฉันจะได้ตัดสินใจว่าจะทำยังไง” อันจี๋ถิงพูด เธออยากดูว่าเซียวจิ่งสือจะมีท่าทีอย่างไรต่อไป แล้วค่อยตัดสินใจ
หลายวันมานี้ เซียวจิ่งสือดีกับหลินหว่านมาก อี้อวิ๋นฉังรู้เห็นอยู่กับตาก็รู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ ตอนนี้เธอรู้สึกว่าที่จริงแล้วเซียวจิ่งสือไม่ได้ชอบหลินหว่านเลย ถ้าเขาชอบหลินหว่านจริงทำไมจึงเฉยชากับเธอขนาดนี้
แต่ตอนนี้สถานภาพของเธอเป็นเช่นนี้เอง บางทีก็อยากจะลุกขึ้นมาฉีกอกหลินหว่านซะ โดยไม่ต้องสนใจรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง
อี้อวิ๋นฉังยืนอยู่บนระเบียง คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้ ทบทวนว่าตัวเองทำพลาดที่ตรงไหน
ทั้งๆ ที่ตอนนี้สถานภาพของเธอเป็นคนที่เซียวจิ่งสือชอบมาตลอด แต่ทำไม? ตอนนี้กลับไม่เป็นอย่างที่คิด “ทำไมนะ เป็นเพราะอะไรกันแน่” อี้อวิ๋นฉังยืนอยู่บนระเบียงพึมพำกับตัวเองไม่หยุด
เธอนึกย้อนกลับไปว่าตัวเองทำพลาดที่จุดไหนกันแน่ “มันมีดีอะไรจึงไปทำดีกับมันขนาดนั้น” อี้อวิ๋นฉังกำหมัดแน่น คิดในใจว่าถ้าทำได้ ตอนนี้เธอก็อยากจะไล่หลินหว่านออกไปซะเลย
แต่ตอนนี้เธอต้องรักษาภาพลักษณ์ของหลินหว่านเอาไว้ ถ้าเธอใช้ไม้แข็งเข้าชน ก็มีแต่จะทำให้เซียวจิ่งสือสงสัย ถึงตอนนั้นเธอคงจบไม่สวยแน่
ส่วนอันจี๋ถิงที่ให้ลูกน้องจับตาดูพวกเขาต่อมาอีกหลายวัน เห็นว่าสถานการณ์ยังคงเป็นเหมือนกับเมื่อหลายวันก่อน ดูจากสภาพการณ์เช่นนี้แล้วเซียวจิ่งสือไม่เห็นลูกสาวของเธออยู่ในสายตาถึงปานนี้
“ดีล่ะ เซียวจิ่งสือในเมื่อคุณไม่เห็นลูกสาวฉันอยู่ในสายตา คอยแต่จะเอาใจแม่ผู้หญิงนั่น” อันจี๋ถิงแทบจะเต้น ในเมื่อเขาทำกับลูกสาวเธอแบบนี้ งั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องออมมืออีก
อันจี๋ถิงคิดแผนการหนึ่งขึ้นมาได้ ในเมื่อผู้หญิงนั่นทำให้เซียวจิ่งสือดีกับเธอได้ขนาดนี้ งั้นเธอก็จะดูสิว่าแม่นั่นมีอะไรดีกันแน่
ตอนนี้เธอเข้าใจว่าอี้อวิ๋นฉังเป็นลูกสาวของเธอ พอเห็นลูกถูกเซียวจิ่งสือทำเมินเฉย เธอก็ไม่อาจนั่งเฉยอยู่ได้
ดังนั้น อันจี๋ถิงจึงใช้อิทธิพลที่ทำลายบ้านตระกูลอันมาผูกติดกับหลินหว่าน คราวนี้เธอจะดูว่าคนที่กล้ามาแย่งตำแหน่งของลูกสาวเธอจะพูดว่ายังไง
อี้อวิ๋นฉังคิดไม่ถึงเลยว่าอันจี๋ถิงจะปรากฏตัวขึ้นมาในตอนนี้ และมาหาเธอ มันทำให้อี้อวิ๋นฉังตกใจมาก
แต่ตอนนี้เธอสวมรอยเป็นตัวหลินหว่านอยู่ แม้จะกะทันหันไปบ้าง แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีของเธอ อี้อวิ๋นฉังคิดอีกวิธีขึ้นมาได้
พอได้พบกับอันจี๋ถิงซึ่งมองดูเธออย่างรักเมตตาขนาดนี้ แม้ว่าอี้อวิ๋นฉังจะไม่เกิดความรู้สึกซาบซึ้งอะไรเลย แต่นี่ก็เป็นโอกาสหนึ่งของเธอ “ไหนมาให้ฉันดูหน่อยซิ หลายวันมานี้ลูกต้องลำบากขนาดไหนบ้าง” น้ำเสียงอันจี๋ถิงสั่นเครือปนสะอื้น
พอได้ฟังคำพูดของอันจี๋ถิง อี้อวิ๋นฉังก็บีบน้ำตาออกมาสองหยด เพื่อความสุขในอนาคตของตัวเอง เธอก็ต้องทำให้ได้เหมือนกัน
“แม่คะ คิดไม่ถึงว่าแม่จะมาปรากฏตัวในตอนนี้ ความยากลำบากแค่นี้ที่หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะ” อี้อวิ๋นฉังจงใจพูดแบบนี้ ทำให้อันจี๋ถิงยิ่งรู้สึกสงสารเด็กสาวมากขึ้นไปอีก ว่าเธอต้องได้รับความทุกข์ทรมานมากมายถึงขนาดนี้
พอนึกถึงทุกครั้งที่ฟังคนของเธอรายงานว่าเซียวจิ่งสือไม่สนใจใยดีเธอเลย อันจี๋ถิงก็อดร้องไห้ออกมาต่อหน้าอี้อวิ๋นฉังไม่ได้
ถึงแม้จะรู้สึกน่ารำคาญมาก แต่อันจี๋ถิงเป็นโอกาสของเธอในตอนนี้ อี้อวิ๋นฉังรีบเข้าไปเช็ดน้ำตาให้เธอ
“หนูไม่ได้ลำบากอะไรจริงๆ ค่ะ แม่อย่าร้องไห้สิคะ” อี้อวิ๋นฉังพูดพลาง นึกถึงเมื่อหลายวันก่อนเซียวจิ่งสือทำท่าเมินเฉยไม่สนใจเธอเลย ก็ยิ่งโมโหหลินหว่านเข้าไปอีก
ในเมื่อตอนนี้เธอมีสถานะเป็นลูกสาวของแม่หลินหว่าน อย่างนั้นคำพูดเหล่านี้เธอก็น่าจะพูดได้ “หลายวันมานี้ เขามัวแต่เอาใจแม่นั่น หนูก็ได้แต่นั่งอยู่นี่ทุกวัน มองออกไปนอกหน้าต่างคนเดียว ฟังเสียงพวกเขายิ้มหัวมีความสุขกัน” อี้อวิ๋นฉังพูดเหมือนเล่านิทานเรื่องหนึ่ง คราวนี้เธอร้องไห้ออกมาจริงๆ
พอพูดถึงตรงนี้อี้อวิ๋นฉังเองก็รู้สึกว่าเซียวจิ่งสือไม่ยุติธรรมต่อเธอ ทำไมต้องไปทำดีกับแม่นั่นด้วย แล้วจะเอาเธอไปไว้ที่ไหน?
“มันเกินไปจริงๆ เซียวจิ่งสือ ทำไมถึงทำกับลูกแบบนี้นะ” อันจี๋ถิงฟังแล้ว หอบหายใจหนักหน่วง เธอฟังหลินหว่านเล่าแล้วรู้สึกอัดอั้นตันใจนัก
อี้อวิ๋นฉังพอเห็นว่าเป็นไปตามเป้าหมายก็ตีไข่ใส่สีว่า “หนูไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อก่อนเซียวจิ่งสือก็ดีกับหนูมาก แต่พอแม่นั่นโผล่มาทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมดเลย”
“หรือว่าเป็นเพราะแม่นั่น ทำให้เขาเปลี่ยนไปขนาดนี้” อี้อวิ๋นฉังโยนทุกอย่างไปกองที่หลินหว่าน
“ฉันก็ว่าแล้วผู้หญิงนั่นต้องไม่ใช่คนดีอะไร หล่อนมีดีอะไร แล้วยังเซียวจิ่งสืออีก เขาก็เหมือนกัน” อันจี๋ถิงรู้สึกว่าตัวเองนิ่งมากแล้ว ถ้าทั้งสองไม่ได้พูดกันต่อหน้า เธอคิดว่าหลายวันนี้ที่เธอให้คนไปสืบมาก็ยังได้ไม่ครบถ้วนอยู่ดี
อี้อวิ๋นฉังที่ตรงหน้าร้องไห้เสียใจขนาดนี้ เมื่อครู่ยังร้องเสียงเบาๆ อยู่ แต่ตอนนี้กลายเป็นปล่อยโฮไปแล้ว
อี้อวิ๋นฉังไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ถึงได้มีน้ำตามากมายขนาดนี้ บางทีคงเป็นเพราะความอัดอั้นของเธอในหลายวันนี้ สิ่งที่เธอต้องการกำลังจะบรรลุเป้าหมายแล้ว ตอนนี้ในสายตาของอันจี๋ถิง คงมีความประทับใจที่ไม่ค่อยดีต่อเซียวจิ่งสือแน่
พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ อันจี๋ถิงก็รู้สึกว้าวุ่นไปด้วย เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวของตัวเอง เธอรู้สึกว่าตัวเองติดค้างลูก และก็ถึงเวลาที่ควรจะช่วยเธอแล้ว
เธอรู้สึกเจ็บใจแทนหลินหว่านมาก “ลูกวางใจเถอะ แม่จะช่วยลูกเอาคืนเซียวจิ่งสือแน่”
“แต่ว่า นี่…” อี้อวิ๋นฉังไม่ได้พูดต่อ คราวนี้ยังขาดอีกนิดเดียวก็บรรลุเป้าหมายแล้ว เธอยกมุมปากขึ้นเป็นมุมโค้งบางๆ
“แม่จะช่วยลูกเอง วางใจเถอะ นี่ไม่ใช่ความผิดของลูก เขาต่างหากเป็นฝ่ายทำผิดต่อลูก” อันจี๋ถิงตบไหล่อี้อวิ๋นฉัง อี้อวิ๋นฉังคิดไม่ถึงว่าอันจี๋ถิงจะมาช่วยเธอในเวลานี้ ถึงแม้ตัวเองจะยืมสถานะหลินหว่านมาใช้ แต่ตอนนี้ดูไปแล้ว เธอเองไม่ได้ตัดสินใจผิดเลย