ตอนที่ 756 เดี๋ยวได้เดี๋ยวเสีย(3) โดย Ink Stone_Romance
ถ้อยคำของหยูอันทำให้เย่เซียวเงียบไปสองวินาที สุดท้ายแค่พูดเสียงเรียบ “ประชุมต่อ”
หยูอันไม่ได้พูดอะไรอีก พยักหน้าเข้าสู่กระบวนการการประชุมต่อ
คืนนั้นไป๋ซู่เย่หลับไปโดยการพิงกระจกหน้าต่าง
สองวันต่อจากนั้นไป๋ซู่เย่ไม่ได้โทรหาเย่เซียวอีก
คืนนี้…
ในที่สุดเธอก็หลับได้สักทีแต่กลางดึกกลับตื่นมาเพราะอาการปวดจากการบิดตัวของท้องน้อย เริ่มแรกที่ตื่นนั้นยังพอทนเจ็บได้ เธอเลยไม่ได้เก็บมาคิดมากคิดแค่ว่าหลังไปคงไม่เป็นไร แต่ไม่นานความเจ็บนั่นกลับทวีคูณ เจ็บจนเธอเหงื่อแตกพลั่กทั้งตัว
สถานการณ์แบบนี้เธอต้องไปโรงพยาบาลเท่านั้น!
ไป๋ซู่เย่เลิกผ้าห่มไม่แม้แต่จะเปลี่ยนชุดด้วยซ้ำใส่แค่ชุดนอนกระโปรงยาวกุมหน้าท้องน้อยลงจากเตียง เธอเดินออกจากห้องไปอย่างทุลักทุเล เดินไปไม่กี่ก้าวความเจ็บที่ถาโถมเข้ามาทำให้หยุดเดินพร้อมหายใจหนักหน่วงมากขึ้น
“คุณผู้หญิง ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” รปภที่เฝ้าเวรตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงพบความผิดปกติของเธอเลยถลาเข้ามาถาม
“ช่วยฉัน…เรียกรถพยาบาลที…” ไป๋ซู่เย่หอบหายใจแล้วพึมพำออกมาไม่เป็นประโยค
อีกฝ่ายเห็นใบหน้าเธอขาวซีดราวกับพร้อมจะสลบเหมือดตลอดเวลาเลยไม่กล้าชักช้ารีบล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา “ครับ คุณอดทนหน่อยนะครับ ยืนพิงกำแพงไปก่อน”
อีกฝ่ายรีบโทรขอความช่วยเหลือเร่งด่วน จากนั้นไป๋ซู่เย่ก็ถูกพนักงานที่ทราบข่าวช่วยพยุงเข้าไปในลิฟต์ลงไปชั้นล่างในสภาพที่สติพร่ามัว
…………………………
เย่เซียวเพิ่งลงจากเครื่องบิน
หลี่สือขับรถมารออยู่ข้างนอกเสร็จสรรพ ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็แผดเสียงดัง
“ฮัลโหล”
“นายท่าน!” เสียงกระวนกระวายของอีกฝ่ายดังแว่วมา “คุณไป๋ถูกพาส่งโรงพยาบาลไปแล้วครับ!”
เย่เซียวหน้านิ่ง “เกิดอะไรขึ้น?”
“ผมก็ไม่ทราบ รู้แค่ว่าคุณไป๋ถูกคนหามลงจากชั้นบน ท่าทางเจ็บปวดมาก”
“โรงพยาบาลไหน?”
หลังอีกคนบอกที่อยู่ไปเย่เซียวไม่ไปรับแม้แต่กระเป๋าเดินทาง แค่สับเท้าย่ำเดินตรงไปที่ประตูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“นายท่าน!” หยูอันเรียกขานทีหนึ่งตามหลังมาอย่างไม่เข้าใจ แต่เขาไม่หันกลับมาด้วยซ้ำราวกับไม่ได้ยินเสียงของหยูอัน
ข้างนอกมีขบวนรถรออยู่แล้ว
หลี่สือเห็นเขาเดินออกจากประตูทางออกมาแต่ไกล รีบลงมาแล้วเปิดประตูเบาะหลัง
“กุญแจ” เย่เซียวไม่ได้เข้าไปกลับปิดประตูที่เขาเพิ่งเปิดให้แทน
หลี่สือชะงักไปครู่ เย่เซียวเอ่ยซ้ำอีกรอบอย่างหมดความอดทน “กุญแจรถ!รีบเอาให้ฉัน!”
“อ้อ ครับ” หลี่สือรีบส่งกุญแจให้ ไม่รอให้เขาถามมากไปกว่านั้นก็ได้ยินเสียงรถเก๋งคันดำพุ่งทะยานสู่ความมืดไวปานลูกกระสุน
“พี่สือ นี่…เราต้องตามไปมั้ย?” มีคนถาม “ดูจากสีหน้าของนายน้อยแล้วน่าจะเจอเรื่องอะไรเข้า”
เดิมทีทุกคนมารับเขาแต่ผลปรากฏว่าเจ้าตัวกลับไปก่อนโดยที่ทิ้งทุกคนไว้ที่เดิม
หลี่สือส่ายศีรษะ “ไม่ต้องตาม”
พวกหยูอันเข็นกระเป๋าออกมาจากประตูทางออก
“นายท่านล่ะ?” เขาถามหลี่สือ
“ขับรถไปแล้วคนเดียว รีบร้อนมาก น่าจะเกิดเรื่องบางอย่าง”
หยูอันเงียบไปอึดใจและรู้แจ้งแก่ใจทันทีว่าไปอย่างร้อนใจขนาดนั้นเกรงว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับไป๋ซู่เย่สินะ ผู้หญิงคนนั้นอย่างไรเสียก็ยังส่งผลต่อหัวใจเขาอยู่ดี ไม่ว่าเขาจะขัดขืนอย่างไรก็ไร้ความหมาย
………………
เย่เซียวพุ่งมาที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขามาถึงห้องพักผู้ป่วยก็เห็นเธอกำลังนอนสลบอยู่บนเตียงโดยที่ตรงแขนมีสายให้น้ำเกลืออยู่ นอนบนเตียงสีขาวด้วยชุดนอนสีขาวยิ่งขับให้ใบหน้าดวงเล็กของเธอดูซีดเซียว
เธอดูท่าทางอ่อนแอเหลือเกิน
ความอ่อนแอแบบนั้นเป็นความอ่อนแอที่มาจากอาการป่วยไข้ มันต่างจากเธอที่อยู่ในสมรภูมิอย่างสิ้นเชิง
คนในชุดขาวนอนอยู่ตรงนั้น เบาหวิวเหมือนวินาทีถัดมาก็จะหายไปในอากาศ
เย่เซียวนั่งลงข้างเตียง มือใหญ่กุมมือเธออย่างห้ามใจไม่ไหว มือของเธอเย็นมาก เย็นเสียจนเหมือนไม่มีอุณหภูมิสักนิด
อีกทั้ง…
ผอมลงอีกแล้ว
กุมมือเธอไว้อยู่อย่างนั้น เขาไม่กล้าใช้แรงมากนักคล้ายว่าแค่ออกแรงจับเพียงนิดข้อมือเธอก็จะแตกสลาย
นิ้วเรียวยาวของเขาปัดผมที่ปรกข้างแก้มเธอออกเผยให้เห็นใบหน้าดวงเล็กทั้งหมด คิ้วสวยของเธอย่นเข้าหากันราวกับถูกรบกวนแต่ไม่ได้ลืมตาเหมือนเดิม
เขายากที่จะจิตนาการได้ถึงภาพที่หนึ่งเดือนก่อนเธอนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดและเอาลูกออก…
นี่เป็นบาดแผลรอยใหญ่ในหัวใจเขาที่สร้างรอยแผลเป็นไว้ ต่อให้ผ่านไปหนึ่งเดือนก็ไม่มีท่าทีจะสมานเข้าหากันเลย
เขาไม่อยากและไม่ยอมพูดถึง
แล้ว…
เธอเจ็บไหม?
ความจริงเธอก็เจ็บเหมือนเขาใช่ไหม?
ความสงสารปนปวดใจครอบคลุมพื้นที่หัวใจเขาทั้งหมด ทำให้เขารู้สึกอึดอัดตรงหน้าอกหน่อยๆ
ขณะที่เขากำลังตกอยู่ในภวังค์ประตูห้องพักก็ถูกเคาะจากข้างนอกเบาๆ พยาบาลดันประตูเข้ามา “นายท่าน”
เย่เซียวได้เก็บทุกอาการความรู้สึกเมื่อสักครู่อย่างว่องไว เก็บมือของไป๋ซู่เย่ไว้ใต้ผ้าห่มเบาๆ แล้วเดินออกจากห้อง
พยาบาลกล่าว“ท่านนี้ก็คือคุณหมอที่รับผิดชอบคุณไป๋ค่ะ”
“นายท่าน สวัสดีค่ะ” คุณหมอหญิงรีบทักทาย คุณเย่เซียวเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้แต่กลับดูลึกลับอย่างมาก แทบไม่เคยปรากฏตัวให้เห็น คุณหมอเลยไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่ในคืนนี้
อีกทั้งยังมาเพื่อผู้หญิงคนเดียว
“อาการเธอเป็นยังไงบ้าง? สาหัสมั้ย?” เย่เซียวถามเสียงนิ่ง
“ความจริงก็ไม่สาหัสมากแค่ข้างในร่างกายมันอักเสบ ฉีดยาแก้อับเสบไปไม่กี่วันแล้วสังเกตอาการไปด้วยก็พอค่ะ”
“อักเสบ?” เย่เซียวมุ่นคิ้ว “ทำไมถึงอักเสบ? สาเหตุคืออะไร?”
“ตอนวินิจฉัยอาการเธอเคยบอกฉันว่าเพิ่งแท้งแล้วผ่าตัดมา บวกกับเธอต้องทานยาที่มีผลข้างเคียงค่อนข้างมากทุกวัน สภาพจิตใจก็ไม่ดี ปัจจัยต่างๆ รวมกันเลยเป็นเหตุให้อักเสบค่ะ ”
เย่เซียวหยุดหายใจไปชั่วขณะ เชยตาจ้องคุณหมอหญิงด้วยสีหน้านิ่งขรึม “เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ?”
อีกฝ่ายสะดุ้งตกใจเพราะสายตาของเขา เกิดความหวาดกลัวขึ้นจับใจและเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าตัวเองพูดประโยคไหนผิดไปหรือไม่
“คุณบอกว่า…เธอ แท้ง?” เย่เซียวย้ำเสียงคำว่า ‘แท้ง’ หนักๆ
“ใช่ค่ะ อย่างน้อยเธอก็บอกฉันมาอย่างนี้ บอกว่าไม่ถึงห้าสิบวันก็แท้งไปแล้ว”
โครงหน้าเย่เซียวเริ่มเกร็ง “เธอทานยาที่มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?”
คุณหมอส่ายศีรษะ “อันนี้คุณไป๋ไม่ได้บอกค่ะ”
เย่เซียวหายใจหนักอึ้งและรู้สึกถึงใจที่สั่นไหวอย่างหนัก
ถ้าเกิดว่าแท้งจริงๆ เธอแบกรับเรื่องอะไรมาบ้างภายใต้สถานการณ์ที่เขาไม่รับรู้อะไรเลย? ยาที่มีผลข้างเคียงอย่างมากนั่นคือยาอะไร?
หรือว่า…
เขานึกถึงยาที่กลิ้งออกมาจากกระเป๋าเดินทางเธอคราวก่อนแล้วสูดหายใจลึก ระงับสติอารมณ์ไว้ก่อนจะล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋า
เขาโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง
โทรศัพท์รอสายอยู่ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงโหยหวนของถังซ่ง “ฉันว่านายตอนนี้มีนิสัยบ้าๆ อะไรเนี่ย!ชอบโทรมาหาฉันดึกดื่น ยังจะให้ฉันนอนอยู่หรือเปล่า!”
………………………