”เทียนหลงในกลุ่มของตระกูลเซี่ยมีใครพอจะเป็นความหวังที่ทำให้มหาจักรวรรดิยังคงอยู่ต่อไปได้บ้างหรือไม่?”
สีหน้าของเทียนหลงยังคงดูปกติเหมือนเขาได้คาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าชายชราจะต้องถามคำถามนี้กับเขาอย่างไรก็ตามเขาก็แสดงความลังเลอยู่ช่วงนึง ก่อนจะตอบกลับไปว่า “องค์ชายสิบสาม”
ชายชราแลดูตกตะลึงก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะ”องค์มกุฎราชกุมารจางหยาง เขายังขาดความอดทนซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ผู้เป็นจักรพรรดิต้องการ แต่อีกด้านหนึ่ง ด้วยความที่ยังเป็นคนอายุน้อยเขาจะมีความทะเยอทะยานต้องการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ โชคร้าย แม้ว่าเขาจะถูกมองว่าเป็นคนฉลาดมาก แต่เขากลับไม่สามารถสร้างผลงานเป็นชิ้นเป็นอันของตนเองออกมาได้ แต่อย่างไรก็ตาม เขาถูกโชคชะตากำหนดมาเพื่อให้แบกรับตำแหน่งองค์จักรพรรดิ เอาเถิด ข้ารู้ดีว่าลึกๆแล้วเขาจะต้องเป็นคนที่มีความสามารถซ่อนอยู่ภายใน ช่างน่าเศร้าจริงๆ ข้าเป็นถึงบรรพชน แต่ข้ากลับตามืดบอดมองไม่เห็นศักยภาพที่แท้จริง”
”เทียนหลงแล้วเรื่องของเจ้าเด็กหนุ่มจากหอคอยจักรพรรดิล่ะ เขาสมควรมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่?” ชายชรากล่าวถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสงบ
”จากภายในความรู้สึกของข้าเองถ้าหากเขาตาย มหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์จะต้องถึงคราวอวสานอย่างแท้จริง และชายหนุ่มผู้นี้ก็จะกลายเป็น 1 ใน 3 ผู้ท้าชิงที่จะเป็นผู้ที่ยืนอยู่บนยอดห่วงโซ่อาหารมนุษย์”เที่ยนหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
”เทียนหลงเจ้ากำลังจะบอกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คือคนลำดับที่ 3 ที่มีพลังมากพอจะขึ้นเป็นใหญ่สูงสุดอย่างนั้นหรือ”
”ใช่แล้วล่ะ”
”ดูเหมือนพวกเราจะพลาดการสานสัมพันธ์กับผู้แข็งแกร่งจากดินแดนที่เราไม่รู้จักสำหรับเหล่าอสูรละกายที่พวกเราเคยเจอ พวกเราไม่เคยคอยโชคชะตาเหล่านั้นเอาไว้ได้เลย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในเมื่อหอคอยจักรพรรดิ ยังคงอยู่ในมหาจักรพรรดิของพวกเรา พวกเราก็ยังมีโอกาส ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเราจะต้องสานสัมพันธ์กับชายคนนี้เอาไว้ให้ได้ บางทีนี่คือหนทางเดียว ที่จะทำให้พวกเราได้เข้าสู่โลกเก้ามหาทวีปที่แท้จริง!!”
ชายชราตื่นเต้นอย่างมากเมื่อพูดถึงคำว่าโลกเก้ามหาทวีปที่แท้จริง
”โลกเก้ามหาทวีปที่แท้จริงก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากนัก เพียงแค่ที่นั่นมีประชากรที่หนาแน่นมากกว่า หลายๆคนก็ไม่ได้ฝึกฝนพลังเหมือนกับที่พวกเราอยู่”เทียนหลงกล่าว
”มันแตกต่างสิการที่พวกเราอยู่ที่นี่ พวกเราไม่เคยได้พบปะกับพวกที่อยู่ในโลกเก้ามหาทวีปที่แท้จริงเลย จริงอยู่ที่แห่งนั้นยังคงมีผู้ฝึกฝนที่อ่อนแอมากมาย แต่ผู้ที่มีพลังสูงส่งมันมีจำนวนมากกว่า พวกเราไม่มีทางเอา 2 สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกันมาเปรียบเทียบกันได้หรอก เพราะสุดท้ายไม่ว่าจะเป็นที่ใด ผู้ที่แข็งแกร่งย่อมมีปริมาณน้อยกว่าผู้ที่อ่อนแอเสมอ แต่ที่ทำให้ที่แห่งนั้นน่ากลัว มันเป็นเพราะผู้คนทั้งหมดจะต้องเผชิญหน้ากับยอดยุทธที่แข็งแกร่งแทบทุกเวลา”
”ในเมื่อสถานที่แห่งนั้นเองก็ปะปนไปด้วยคนทุกประเภทไม่ต่างกันแล้วเหตุใดท่านผู้นำถึงยังหวังว่ามหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์จะก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งนั้น?”เทียนหลงไม่เข้าใจความคิดของชายชรา
”โลกเก้ามหาทวีปที่แท้จริงประกอบไปด้วยส่วนลึกของมหาทวีปอุดรเทวา ดินแดนวิเวกวงวน ดินแดนอสูรกายหยินมายา ดินแดนกลั่นเพลิงสีชาด และเก้ามหาทวีปแดนสมุทรดารา สถานที่ทุกสถานที่ข้าพูดออกมา คือขุมกำลังของแต่ละมหาทวีป ไม่ว่าผู้ที่เข้าร่วมจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ พวกเขาจะรู้ถึงความจริง สิ่งที่ข้าต้องการมันเต็มไปด้วยอันตราย แต่ภายใต้ความเสี่ยง มันก็คือสถานที่ที่เต็มไปด้วยโอกาส”ชายชรากล่าวอย่างเชื่องช้า
เทียนหลงเงียบไปชั่วครู่นึง”ท้ายที่สุด พวกเราคงไม่สามารถพึ่งพาผู้คนไปได้ตลอด”
”ฮ่าฮ่า ฮ่า มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะพบเจอคนโดดเด่นนับไม่ถ้วน ซึ่งทุกคนที่พวกเราเคยเจอต่างก็กระจัดกระจายไปครองตำแหน่งสูงสุดตามสถานที่ต่างๆของโลกเก้ามหาทวีป”
”ท่านผู้นำจากความรู้สึกของข้า ภายในผู้ท้าทายทั้ง 3 ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็น หากเราพยายามจะควบคุมเขา ข้าเกรงว่ามันจะเป็นความคิดที่ไม่ดีเท่าไหร่ ”
”ที่เจ้ากล่าวมันก็ถูกและข้าเองก็ไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มคนนี้มาก่อน ยิ่งเจ้าพูด ข้าก็ยิ่งอยากจะเจอเขา” คำพูดของชายชรา บ่งบอกได้เลยว่าเขาอยากจะไปพบเจอชิงสุ่ยด้วยตัวเอง
”และจากการที่ข้าจับสังเกต ชายหนุ่มคนนั้นตอบสนองต่อการโน้มหนาว ปฏิเสธหนักแน่นกับวิธีการบีบบังคับ แต่เขาก็มีจุดอ่อนสำคัญ ซึ่งก็คือพวกพ้องรอบกาย เขามีนิสัยอ้อมอารี และพร้อมจะตอบแทน แม้ว่าคนผู้นั้นจะมอบแค่เพียงหยดน้ำตา และทุกคำพูดของเขาหากเขาพูดอะไรออกไปแล้วมันจะไม่เปลี่ยนแปลงอีก” เทียนหลงมั่นใจในสิ่งที่เขาพูด
ชายชราไตร่ตรองในสิ่งที่ได้ยินจากนั้นก็ยิ้ม “ยอดเยี่ยม ไปบอกองค์ชายสิบสามว่าพวกเราจะช่วยหาอาจารย์ให้กับเขา”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายชรากล่าวสีหน้าของเทียนหลงก็เปลี่ยนไป เขาตกตะลึงก่อนจะเผยให้เห็นรอยยิ้มอันแสนสุขบนใบหน้า “เขากำลังจะได้โชคที่สะสมมาหลายชั่วอายุคน!! แต่ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเขาจะยอมรับมันหรือไม่…..”
”เขาจะต้องยอมรับมันอย่างแน่นอนแล้วพวกเราก็ไม่ได้เขาทำโดยเปล่าประโยชน์”
”ท่านผู้นำแล้วพวกเราจะจัดการกับคำขอขององค์มกุฎราชกุมารและองค์ชายน้อยอย่างไรดี?”เทียนหลงนึกถึงคำขอจากองค์มกุฎราชกุมารและองค์ชายน้อยที่ดั้นด้นเดินทางมาก่อนหน้านี้
”ในเมื่อชายหนุ่มจากหอคอยจักรพรรดิลงมือให้การรักษาองค์จักรพรรดิคลั่งเขาจะต้องรักษาอย่างเต็มที่จนหายสนิท ”
”หลังจากที่องค์ชายสิบสามเจออาจารย์ของเขาข้าจะบอกทุกคนเองว่าองค์ชายสิบสามคือคนที่จะเข้ามาสานต่อเจตนารมณ์มหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์จากองค์จักรพรรดิ เจ้าคิดว่าองค์จักรพรรดิคลั่งจะกล้าทำร้ายจิตของผู้มีพระคุณอย่างนั้นหรือ?”ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
”ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก”
………………………………………..
เช้าตรู่วันถัดมามหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ออกคำสั่งเรียกประชุมอย่างเร่งด่วน ยอดยุทธทุกคนที่อยู่ใต้สังกัด เร่งรีบเดินทางกลับมาที่ห้องโถงผู้นำ จนภายในห้องโถงอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมายตั้งแต่ยศระดับผู้นำเทวะ ผู้นำเทวะสูงสุด ราชันย์ปราชญ์ ไปจนถึงผู้พิทักษ์เทวะแห่งราชันย์ปราชญ์ แม้แต่ผู้ที่เกษียณอายุไม่คล่องเกี่ยวกับสงครามก็ยังถูกเรียกประชุม ทุกคนล้วนเป็นรากฐานที่ทำให้มหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ดำเนินไปได้อย่างมั่นคง
ทันทีที่ตัวแทนอ่านคำประกาศทุกคนตกใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะองค์มกุฎราชกุมารและองค์ชายน้อยที่ตกใจสุดขีด พวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่า คนที่จะได้เป็นผู้รับช่วงสานต่อมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์จะเป็นองค์ชายสิบสาม!!
………………………
อีกด้านหนึ่งในขณะเดียวกันชายชราและเทียนหลงตี๋ฮูกำลังพาองค์ชายสิบสามมุ่งหน้าตรงสู่หอคอยจักรพรรดิ
องค์ชายสิบสามมีอายุมากกว่าองค์ชายน้อยเพียงเล็กน้อยคนระดับองค์จักรพรรดิต้องมีภรรยามากกว่า 1 คนเป็นเรื่องธรรมดา จึงทำให้บรรดาลูกๆของเขามีอายุต่างกันประมาณ 20 ปี 30 ปี 40 ปี และคนโตที่สุดก็จะมีอายุมากกว่าคนเล็กสุด 100 กว่าปีเท่านั้น
รูปลักษณ์ขององค์ชายสิบสามคล้ายคลึงกับองค์มกุฎราชกุมารและองค์ชายน้อย เมื่อเปรียบเทียบกันจริงๆแล้ว องค์ชายสิบสามแลดูจะเป็นคนที่อดทนและแข็งแกร่งกว่า เขามีคิ้วที่หนาและมีดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ
หากเทียบความสูงองค์ชายสิบสามสูงกว่าชิงสุ่ย เขามีรูปร่างใหญ่โตดูน่าเกรงขาม แต่สวมเสื้อผ้าที่ดูเรียบง่าย โดยรวมแล้วบ่งบอกถึงนิสัยที่จริงจัง
ชิงสุ่ยจ้องมองไปที่ชายหนุ่มคนนั้นมันทำให้เขารู้สึกว่าโลกทั้งใบกำลังจะเป็นบ้า เขารับรู้ได้ทันทีว่าองค์ชายสิบสามจะต้องเป็นผู้สืบทอดศาสตราวุธเทพสงคราม และด้วยทักษะเบิกเนตรสวรรค์ ชิงสุ่ยก็มองเห็นกลุ่มควันสีม่วงกระจายตัวอยู่ด้านหลังชายหนุ่มคนนี้ มันอาจจะไม่ใหญ่เท่าจักรพรรดิคลั่ง แต่เมื่อเทียบกันแล้วมันกลับดูสดใสกว่าดวงอาทิตย์ขององค์จักรพรรดิคลั่งเสียอีก
”ต้องขอโทษด้วยที่พวกเรามาที่นี่โดยไม่มีคำเชิญหวังว่าท่านจะไม่ใส่ใจ”
ในตอนแรกชิงสุ่ยอาจจะตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มแต่เมื่อสายตาของเขาสัมผัสกับชายชรา เขารับรู้ถึงกลิ่นอายจากตัวชราทันที มันไม่ต่างอะไรจากภูเขายักษ์ที่พร้อมหล่นทับเขา ไม่เพียงเท่านั้น ชายชราอีก 2 คนที่ยืนด้านหลังก็มีกลิ่นอายหนักแน่นเท่าภูเขายักษ์ไม่แพ้กัน ชิงสุ่ยมองไม่เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงจากทั้ง 3 คนนี่เลย
”พวกท่านไม่ต้องกังวลเข้ามาข้างในก่อนเถอะ ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ข้าได้เจอกับแขกที่ไม่คาดคิดมากมายหลายคน จนข้ารู้สึกว่าคุ้นชินกับมันแล้ว” ชิงสุ่ยยิ้มคำกล่าวเชิญชายชราให้เข้ามาภายในหอคอยจักรพรรดิ