องค์ชายน้อยรู้ดีว่าองค์มกุฏราชกุมารไม่ได้ห่วงใยเขาจริงๆในใจพี่ใหญ่ของเขามีแต่จะต้องการให้เขาตายในมือของหญิงสาว แต่ตอนนี้ พวกเขาทั้งสองต้องอยู่เรือลำเดียวกัน ที่จะต้องรวมพลังต่อต้านคนนอก
ทั้งคู่มุ่งหน้าตรงสู่สวนหลังพระราชวังมันเป็นสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงามอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าและต้นไม้ ต้นไม้กิ่งก้านสูงใหญ่กระจัดกระจายแน่นขนัด ทำหน้าที่เหมือนปราการป้องกันให้กับพระราชวัง
เหล่าผู้นำเทวที่คอยรับใช้เดินตามองค์ชายน้อยและองค์มกุฏราชกุมารเข้าไปในสวนหลังพระราชวังเช่นกัน
ภายในส่วนลึกของสวนปรากฏให้เห็นเป็นซุ้มประตูทรงโค้งขนาดเล็ก เถาวัลย์พันเกี่ยวมากมาย ให้ความรู้สึกปลอดภัยและเงียบสงบ
บทที่ 1929 – มหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ เหลือเวลาอีกเพียง 10 ปี
องค์ชายน้อยรู้ดีว่าองค์มกุฏราชกุมารไม่ได้ห่วงใยเขาจริงๆในใจพี่ใหญ่ของเขามีแต่จะต้องการให้เขาตายในมือของหญิงสาว แต่ตอนนี้ พวกเขาทั้งสองต้องอยู่เรือลำเดียวกัน ที่จะต้องรวมพลังต่อต้านคนนอก
ทั้งคู่มุ่งหน้าตรงสู่สวนหลังพระราชวังมันเป็นสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงามอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าและต้นไม้ ต้นไม้กิ่งก้านสูงใหญ่กระจัดกระจายแน่นขนัด ทำหน้าที่เหมือนปราการป้องกันให้กับพระราชวัง
เหล่าผู้นำเทวที่คอยรับใช้เดินตามองค์ชายน้อยและองค์มกุฏราชกุมารเข้าไปในสวนหลังพระราชวังเช่นกัน
ภายในส่วนลึกของสวนปรากฏให้เห็นเป็นซุ้มประตูทรงโค้งขนาดเล็ก เถาวัลย์พันเกี่ยวมากมาย ให้ความรู้สึกปลอดภัยและเงียบสงบ ทันทีที่ทั้งสองคนยืนอยู่ด้านหน้าซุ้มประตูโค้งทั้งสองคนก็ยกมือบอกให้เหล่าผู้ติดตามหยุดการเคลื่อนไหว
”หลานชายผู้นี้ขออนุญาตมาเยี่ยมเยียนท่านท่านบรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง!!”องค์มกุฏราชกุมารและองค์ชายน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพ
แม้ว่าจะไม่มีเสียงใดๆตอบรับกลับมาแต่ทั้งสองคนก็ยังคงยืนหยัดรอคอยอย่างมั่นคง หลังจากผ่านไปได้ประมาณ 10 นาที เสียงแหบแห้งก็ดังขึ้น “เข้ามา!!”
”ขอรับ!!”องค์มกุฏราชกุมารและองค์ชายน้อยค่อยเดินผ่านซุ้มประตูเข้าไปภายใน
ภายในซุ้มประตูคือพื้นที่กว้างขวางมีพืชพันธุ์ต่างๆนานาเติบโตอุดมสมบูรณ์ แต่ไม่มีต้นไม้และป่า เพราะต้นไม้สูงใหญ่จะบดบังแสง ซึ่งเป็นตัวขัดขวางการเจริญเติบโตของพืชพันธุ์ต่างๆ
หากจะพูดสถานที่แห่งนี้คงเหมือนสวนสมุนไพรในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพรล้ำค่า เส้นทางเดินที่อยู่ภายในสวนแห่งนี้มีความกว้างประมาณ 4 ศอก กระจัดกระจายคตเคี้ยว ตลอดข้างทางเบ่งบานไปด้วยพืชพรรณ ที่คอยดึงดูดผีเสื้อและผึ้ง
ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เงียบสงบเหมือนหลุดออกจากโลกไปอยู่อีกสถานที่หนึ่งที่ไม่คิดว่าจะมีได้
ลานกว้างเล็กๆให้ความรู้สึกสันโดษราวกับโลกทั้งใบเหลือเพียงแค่ผู้ครอบครองอยู่เพียงแค่คนเดียว
ไม่ห่างไกลออกไปปรากฏให้เห็นเป็นชายชราที่กำลังนอน รับแสงแดดอย่างสงบอยู่บนเก้าอี้โยก
องค์มกุฏราชกุมารค่อยๆเดินต่อไปข้างหน้าก่อนจะหยุดลงห่างจากชายชราประมาณ10 เมตร จากนั้นพวกเขาก็นั่งลงคุกเข่าหมอบกราบ
ในขณะเดียวกันชายชราก็ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆดวงตาที่แสนสงบสุขดุจน้ำนิ่ง มันคือดวงตาของคนที่ไม่ได้สนใจโลกใบนี้อีกแล้ว
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยลึกภายนอกสวมเสื้อคลุมสีขาวที่ดูแสนจะธรรมดา ร่างกายผอมบางเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
”ยืนขึ้นได้!!”
น้ำเสียงของชายชราคือน้ำเสียงกระฉับกระเฉงแลดูอ่อนกว่าวัยมาก
ชายผู้นี้ก็คือบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งแห่งตระกูลราชวงศ์แน่นอนว่าในตระกูลราชวงศ์ยังมีบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งอยู่อีกหลายคน แต่ชายชราผู้นี้เป็นเพียงผู้เดียวที่องค์มกุฏราชกุมารและองค์ชายน้อยหาวิธีติดต่อได้ ตัวของชายชราเคยบอกกับทั้งสองคนแล้วว่าหากไม่ใช่เรื่องใหญ่จริง เขาจะไม่ให้การช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น เว้นเสียแต่มหาจักรพรรดิกำลังจะพินาศ
ถึงแม้ในคร่านี้มหาจักรวรรดิยังไม่ถึงจุดพังพินาศ แต่ถ้าหากปล่อยเอาไว้มันก็ไม่แน่ มันจึงกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ทั้งสองคนเดินทางมาหาชายชรา ซึ่งตัวของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งเองก็ได้มอบราชโองการแห่งราชันย์ปราชญ์แก่พวกเขาคนละ 5 คำสั่ง โดยในการเดินทางไปยังสถานที่แห่งนี้ จะต้องใช้คำสั่งแห่งราชันย์ปราชญ์
และในครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่4 ที่พวกเขาใช้
ราชโองการแห่งราชันย์ปราชญ์คือบัญญัติที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากผู้พิทักษ์เทวะหรือผู้พิทักษ์มหาจักรวรรดิ ยามเมื่อมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ไม่สามารถหาหนทางแก้ไขมันได้
”เห้อออพูดมา มันเกิดอะไรขึ้น?”ชายชรายังคงนั่งนิ่ง และถอนหายใจอย่างเชื่องช้า
”ท่านบรรพบุรุษมีใครบางคนกำลังพยายามรักษาองค์จักรพรรดิคลั่ง และบางทีครั้งนี้มันอาจจะสำเร็จ…..”
องค์มกุฏราชกุมารเริ่มอธิบายความเป็นไปและเหตุการณ์สำคัญต่างๆให้กับบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งได้รับรู้ ”พวกเจ้าทั้งสองในเมื่อพวกเจ้าทั้งสองมาที่นี่ ข้าคงต้องให้ความช่วยเหลือพวกเจ้า แต่ถึงกระนั้น ข้าเองก็คงต้องเน้นย้ำให้พวกเจ้าได้ฟัง”
”มหาจักรวรรดิยังธำรงอยู่ได้เพราะทุกคนยึดมั่นในกฎ โลกใบนี้ถูกสร้างมาให้มีทั้งผู้ถูกกำหนดให้รอด และผู้เอาชีวิตรอดด้วยตัวเอง มหาจักรวรรดิจะเปลี่ยนไปตกอยู่ในมือคนอื่น ถ้าหากพวกเจ้ายังไร้ความสามารถ ราชโองการแห่งราชันย์ปราชญ์ที่ข้ามอบให้กับเจ้าเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าหากพวกเจ้าไม่รู้วิธีใช้งานมันให้คุ้มค่า มันก็จะกลายเป็นคำสั่งที่ใช้ประโยชน์ เมื่อคนรุ่นเก่าไป รุ่นใหม่จะต้องมาแทนที่ เมื่อวันนั้น ข้าอยู่ในหลุมฝังศพ พวกเจ้าจะทำเช่นไร ที่ข้ายังคงให้ความช่วยเหลือ ก็เพื่อจะทำให้พวกเจ้ามีความสามารถพอจะปกครองอาณาจักร แล้วทำให้มั่นใจว่าพวกเจ้าจะยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวเอง แต่ที่ผ่านมา มันเหมือนจะไม่ใช่”
”หลานทราบแล้วขอรับท่านบรรพบุรุษผู้ก่อตั้ง!!”
”เอาล่ะในเมื่อพวกเจ้าเข้าใจพวกเจ้าก็กลับไปได้แล้ว”ชายชราโบกมือ ปิดตา โดยไม่แม้แต่จะสนใจองค์มกุฏราชกุมารและองค์ชายน้อย
องค์มกุฏราชกุมารและองค์ชายน้อยโค้งคำนับก่อนจะถอยหลังกลับพวกเขายิ้มด้วยความดีใจ ในเมื่อบรรพบุรุษของพวกเขาตอบรับคำขอ นั่นก็หมายความว่าทุกอย่างจะต้องสำเร็จตามที่พวกเขาวางแผน
ภายในสนามหญ้าเล็กๆผู้อาวุโสของคนปรากฏตัวด้านข้างชายชรา
ทั้งสองคนบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นคนที่มีอายุเยอะมากๆและมีหลังค่อมเหมือนกับลิงผอมแห้ง แต่ละคนต่างก็ถือไม้เท้าที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
”ท่านผู้นำ!!”
ผู้อาวุโสทั้งสองคนกล่าวโค้งคำนับให้กับชายชรา ”เทียนหลงตี๋ฮูมีใครบางคนสามารถรักษาองค์จักรพรรดิคลั่งได้ และดูเหมือนคนนั้นยังเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่ม เจ้าคิดว่าพวกเราจำเป็นต้องฆ่าชายหนุ่มคนนี้หรือไม่?”ชายชรายังคงนั่งนิ่ง
”ท่านผู้นำเท่าที่ข้าได้ยินเรื่องของชายหนุ่มคนนี้ ข้าไม่คิดว่าเขาจะมีใครคอยหนุนหลัง แต่สิ่งที่เขารู้สึกได้คือชายหนุ่มคนนี้ มันมีความแปลกประหลาดแฝงอยู่ภายในตัว และสิ่งที่ข้ารู้สึกได้มากที่สุดคือพวกเราคงจะฆ่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้”ผู้อาวุโสที่อยู่ทางด้านซ้ายกล่าว
แน่นอนว่าผู้อาวุโสคนนี้คือเทียนหลงเขาเป็นผู้มีความแม่นยำทั้งญาณ เขามีความสามารถในการคาดเดาอนาคตซึ่งมีความแม่นยำถูกมาก มันจะทำให้ตัวของเขาเองและคนอื่นๆหนีรอดจากภัยพิบัติมาได้ทุกครั้ง จึงเป็นธรรมดาที่ชายชราจะถามความเห็นของชายคนนี้ก่อนจะลงมือทำอะไรสักอย่าง
ชายชราหยุดนิ่งชั่วครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า” พวกเราเองก็ใกล้จะหมดอายุขัยเต็มทน แม้ว่ามหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์จะไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนตอนที่ข้าสรรค์สร้างมัน แต่มันก็ยิ่งใหญ่และทรงพลังมากพอแล้ว ในตอนนี้ทั่วทั้งมหาจักรวรรดิขยายขอบเขตกว้างไกลและดูแข็งแกร่ง แต่ภายในพื้นที่เพิ่มขึ้นกับเต็มไปด้วยภัยร้ายที่จ้องจะฆ่าฟันกันเอง เทียนหลง บอกข้าหน่อยสิ ว่ามหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์จะยืนยงคงกระพันไปได้อีกนานเพียงใด หรือตระกูลเซี่ยของข้าจะได้เป็นผู้เขียนกฎมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์ไปได้อีกนานเท่าไหร่?”
ผู้อาวุโสลังเลก่อนจะกล่าวตอบอย่างสุภาพว่า”10 ปี อย่างมากสุดก็ 10 ปี”
”10ปี เมื่อครบ 10 ปี มันคือเวลาตายของพวกเราสินะ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า”ชายชราไม่รู้ว่าเขาควรจะโกรธหรือควรจะหัวเราะดี
”เทียนหลงในกลุ่มของตระกูลเซี่ยมีใครพอจะเป็นความหวังที่ทำให้มหาจักรวรรดิยังคงอยู่ต่อไปได้บ้างหรือไม่?”