บทที่ 361

อู๋ฉีในขณะนี้เหมือนขาดสติไปแล้ว

เย่เฉินกระทบต่อความรู้สึกของเขาและทำให้เขาคิดเพียงคำว่า “อิ่มท้อง” คำเดียวเท่านั้น!

เพื่อนร่วมชั้นทั้งสามถึงกับเข่าอ่อนและรีบเดินเข้าไปห้ามเขาไว้ แต่เขาเอาแต่นอนคลานอยู่บนพื้นและกินไปด้วยด่าไปด้วยเหมือนหมาบ้าตัวหนึ่ง

ครูประจำชั้นกับหมออีกหลายคนที่เดินผ่านมา เมื่อเห็นฉากนี้ แม้แต่จิตแพทย์ยังต้องหวาดผวากับสิ่งที่เห็น

พวกเขาเคยเป็นผู้ป่วยทางจิตในหลายๆ รูปแบบ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเคยเห็น……

นี่มันจะโหดร้ายเกินไปไหม?!

จากนั้น หมอหลายๆ คนรีบเข้าไปดึงตัวเขาออกจากกองอึสุนัขและมัดเขาไว้บนเตียงผู้ป่วยแล้วส่งเขาเข้าไปในโรงพยาบาลโรคจิต

ซึ่งในตอนนี้ทั้งมหาวิทยาลัยการเงินและเศรษฐศาสตร์จินหลิงต่างก็พากันเผยแพร่คลิปวิดีโอนี้อย่างกระหน่ำ

หลายๆ คนที่เห็นคลิปนี้ต่างก็คลื่นไส้จนอาเจียนออกมา แต่พวกเขายังคงฝืนดูคลิปอันน่าเกลียดของอู๋ฉีจนจบ

และเมื่อได้เห็นจุดจบของอู๋ฉีทุกคนต่างก็ปรบมืออย่างน่าตื่นเต้น เพราะหลายคนรู้ดีว่าอู๋ฉีเป็นคนจำพวกโรคจิตอย่างบ้าคลั่ง เขาชอบบีบบังคับให้ผู้หญิงทำร้ายตัวเองถึงขั้นฆ่าตัวตายเพื่อตอบสนองจิตอันผิดเพี้ยนของเขา

หลายคนที่มีความยุติธรรมต่างก็พากันเกลียดชังเขา ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าต่อกรกับเขาได้ ดังนั้นอู๋ฉีจึงไม่เคยชดใช้กับการกระทำของตัวเองเลย

แต่อู๋ฉีที่ชอบทำร้ายผู้อื่นกลับกลายเป็นโรคจิตขั้นรุนแรงแบบนี้ จึงปฏิเสธไม่ได้ที่จะถูกผู้อื่นเกลียดชัง!

ในขณะนี้เครื่องบินส่วนตัวของตระกูลอู๋ได้ลงจอดที่สนามบินจินหลิง

ระยะทางจากเมืองซูหางไปเมืองจินหลิงนั้นไม่ไกลมากนัก หากเดินทางโดยรถไฟฟ้าความเร็วสูงจะใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ดังนั้นระหว่างสองเมืองนี้ไม่มีเที่ยวบินในการเดินทาง

เครื่องบินส่วนตัวของตระกูลอู๋ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงในการบินมาที่นี่

จากนั้น อู๋ตงไห่พาอู๋ซินพี่ชายของอู๋ฉีและหมอที่มีชื่อเสียงอีกหลายคนลงจากเครื่องอย่างรวดเร็ว

ที่ด้านข้างของเครื่องบินมีรถโรลส์รอยซ์จอดรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาทั้งหมดแบ่งกันขึ้นรถสามคันแล้วตรงไปที่โรงพยาบาลโรคจิตชิงซานทันที

โรงพยาบาลโรคจิตชิงซานอยู่ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงไปถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่พวกเขาเดินทางไปถึงโรงพยาบาล อู๋ฉีถูกมัดติดอยู่บนเตียงผู้ป่วย เขาพยายามดิ้นรนอย่างสุดแรงเพื่อหลุดออกจากการถูกมัดและปากของเขาถูกยัดด้วยผ้าขนหนูเพราะเขาพยายามกัดลิ้นตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย ดังนั้นหมอจึงต้องอุดปากเขาไว้

อู๋ฉีในขณะนี้ไม่ต่างอะไรกับโรคพิษสุนัขบ้า อาการของเขาคลุ้มคลั่งอย่างหยุดไม่อยู่

เมื่ออู๋ตงไห่เห็นลูกชายอยู่ในสภาพนี้ เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจและพูดกับลูกว่า “เสี่ยวฉี พ่อมาหาแล้ว!”

อู๋ฉีจำพ่อของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาแค่ต้องการอิ่มท้องเท่านั้น……

ดังนั้นเขาจึงพยายามดิ้นรนด้วยสุดแรง ทั้งแขนและขาที่เสียดสีกับสายรัด ทำให้เกิดเป็นแผลจนกระทั่งมีเลือดไหลออกมา

อู๋ตงไห่รีบพูดกับหมอผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชที่เขาพามา “ช่วยดูให้ผมทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”

หมอรีบพยักหน้าตอบ “ผมขอฉีดยากล่อมประสาทให้คุณชายรองก่อนนะครับ”

หลังพูดจบ หมอก็รีบนำเข็มฉีดยาออกมาจากตู้ยาแล้วฉีดให้กับอู๋ฉีโดยไม่ลังเล

แต่หลังจากฉีดยาเข้าไปแล้ว อู๋ฉีก็ยังไม่มีความรู้สึกใดๆ เขายังคงดิ้นรนด้วยสุดกำลังและพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่เพราะปากของเขาถูกยัดด้วยผ้า จึงฟังคำพูดของเขาไม่ค่อยชัดเจน

เมื่ออู๋ตงไห่เห็นสถานการณ์นี้ เขาก็รีบถามหมอ “หมายความว่าไง?!”

หมอผู้เชี่ยวชาญคนนั้นถึงกับทำตัวไม่ถูก “ท่านประธานอู๋ครับ อย่าว่าแต่คนเลยครับ ต่อให้เป็นวัวถ้าถูกฉีดยาตัวนี้เข้าไปมันก็ต้องสลบทันทีเลยนะครับ แต่นี่คุณชายรองกลับไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ เลย……”