ตอนที่ 1778 อำมาตย์เฉินหย่งต้องไม่ตาย!

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1778 อำมาตย์เฉินหย่งต้องไม่ตาย!

จางเซวียนประสานมืออย่างสุภาพและตั้งคำถาม “พวกคุณจะอนุญาตให้ผมพูดก่อนไหม?”

นักปราชญ์โบราณคนหนึ่งคำราม “นี่เป็นเรื่องระหว่างนักปราชญ์โบราณด้วยกัน คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงเข้ามาก้าวก่ายการหารือของเรา?”

เขาเริ่มจะหมดความอดทนกับชายหนุ่มที่ไร้วุฒิภาวะคนนี้

นอกจากอีกฝ่ายจะเอาเปรียบพวกเขาด้วยการขายโควต้าในราคาสูงลิ่วแล้ว ลำพังแค่ข้อเท็จจริงที่ว่าเขาคือผู้นำตัวเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นเข้ามาในหอลำดับแรกเพื่อให้เธอฉกฉวยมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงไป ก็เกินพอแล้วที่จะถูกตราหน้าว่าเป็น อาชญากรระดับร้ายแรงต่อมวลมนุษย์จนให้อภัยไม่ได้!

มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงเป็นทรัพย์สมบัติที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้ ซึ่งโชคชะตาของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ขึ้นอยู่กับมัน แต่แล้วสิ่งนั้นก็กลับตกไปอยู่ในมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ทำให้ชะตากรรมของเผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องหมิ่นเหม่

หลังจากทำผิดร้ายแรง หมอนี่ยังมีหน้าเข้ามาก้าวก่ายกิจธุระของเหล่านักปราชญ์โบราณ แถมจงใจช่วยชีวิตอำมาตย์เฉินหย่งเสียอีก นักปราชญ์โบราณผู้นั้นโมโหเดือดและหันขวับไปหาจางเซวียน

วิ้งงงง!

ทันทีที่จางเซวียนพูดจบ กระบี่ก็เปล่งประกายวาบขึ้นกลางอากาศ นักปราชญ์โบราณรีบเหลียวมอง แต่ก็ยังได้แผลจากคมกระบี่นั้น เลือดหยดเป็นทางจากแขนของเขา

เมื่อมองดู ก็เห็นชายหนุ่มถือกระบี่เล่มหนึ่งที่เปล่งแสงโหดเหี้ยมออกจากคมของมัน

“ตอนนี้ผมมีคุณสมบัติพอหรือยัง?” จางเซวียนตั้งคำถาม

“คุณรนหาที่ตายแล้ว!”

ในฐานะนักปราชญ์โบราณผู้หยิ่งผยอง ไม่มีทางที่เขาจะยอมทนให้เด็กเมื่อวานซืนที่อายุน้อยกว่าหลายปีมาลูบคมได้ง่ายๆ แถมหมอนั่นยังเป็นแค่นักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับอำมาตย์เฉินหย่งเมื่อครู่นี้ ก็ไม่มีทางที่ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณจะทำอันตรายเขาได้!

นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงยกมือห้ามทัพก่อนจะหันไปขมวดคิ้วใส่จางเซวียน “คุณจะพูดอะไร?”

เขานึกไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะบ้าบิ่นถึงขนาดทำร้ายสหายของเขาเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้

“อำมาตย์เฉินหย่งจะถูกสังหารไม่ได้!” จางเซวียนพูด

“ถูกสังหารไม่ได้?” นักปราชญ์โบราณที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บจากกระบี่เปลวเพลิงสีดำถึงกับโมโหเดือดเมื่อได้ยินคำนั้น เขาสะบัดแขนเสื้อและคำราม “คุณรู้หรือเปล่าว่าหมอนี่สังหารผู้เชี่ยวชาญของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปมากมายแค่ไหนตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในฐานะปรมาจารย์ คุณเลือกที่จะมอบความปรานีให้หมอนั่น แทนที่จะล้างแค้นให้สหายของคุณหรือ? จางหงเทียน, นี่คือหลักการที่ตระกูลจางของคุณและสภาปรมาจารย์ถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังหรือไง?”

จางหงเทียนมีสติพอที่จะไม่โมโหกับคำพูดของนักปราชญ์โบราณผู้นั้นง่ายๆ แต่เขาก็ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจกับการกระทำของทายาทของเขา

ตราบใดที่อำมาตย์เฉินหย่งยังอยู่ เผ่าพันธุ์ปีศาจก็มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เขาคือบุคคลที่รวมเผ่าพันธุ์ปีศาจให้เป็นหนึ่ง ซึ่งภายใต้การนำของเขา มนุษย์มากมายนับไม่ถ้วนต้องถูกสังหารตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าพวกเขาจะมีโอกาสกำจัดอำมาตย์เฉินหย่ง และไม่มีทางที่จะปล่อยให้โอกาสแบบนี้หลุดลอยไป

หากปล่อยเสือให้กลับเข้าป่า ก็ไม่มีทางบอกได้ว่าเมื่ออีกฝ่ายฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บแล้ว จะมีมนุษย์อีกมากมายเท่าไหร่ที่ต้องถูกสังหาร

ทายาทของเขาดูจะมีสายตาหยั่งรู้อันเฉียบคมมาตลอด ทำไมจู่ๆ พอเป็นเรื่องนี้ถึงเกิดโง่เง่าขึ้นมา?

“กรุณาอย่าดึงตระกูลจางกับสภาปรมาจารย์เข้ามาเกี่ยวข้อง นี่คือการตัดสินใจของผมเอง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา!” จางเซวียนตอบอย่างเฉียบขาด

มีเหตุผลสำคัญหลายประการที่ทำให้เขาตัดสินใจช่วยชีวิตอำมาตย์เฉินหย่ง ซึ่งเหตุผลสำคัญที่สุดก็คือหลัวลั่วชิง อำมาตย์เฉินหย่งได้รับใช้เป็นบริวารของหลัวลั่วชิงอยู่นาน เพราะฉะนั้นหากใครสักคนในโลกนี้จะมีเงื่อนงำให้เขาตามหาเธอได้ ก็จะต้องเป็นอำมาตย์เฉินหย่งคนนี้!

ถ้าอำมาตย์เฉินหย่งเสียชีวิตตอนนี้ เงื่อนงำสุดท้ายของเขาก็จะขาดสะบั้น และนั่นคือสิ่งที่เขาไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้น

“การตัดสินใจของผมเอง? คุณเป็นแค่นักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ คิดหรือว่าการตัดสินใจของคุณจะเปลี่ยนใจพวกเราที่เป็นนักปราชญ์โบราณได้?” นักปราชญ์โบราณอีกคนหนึ่งคำรามเยาะคำพูดของจางเซวียน “คุณคิดว่าตัวคุณควรค่าพอที่จะอยู่ในหมู่พวกเราเพียงเพราะคุณมีอาวุธระดับนักปราชญ์โบราณใช่ไหม ยกยอตัวเองมากไปเสียแล้วล่ะ!”

“คุณพูดถูก ไม่มีทางที่ผมจะมีคุณสมบัติเพียงพอจะพูดกับพวกคุณทุกคนเพียงเพราะผมมีของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณ…” จางเซวียนกวาดสายตามองเหล่านักปราชญ์โบราณที่อยู่รอบตัวเขาก่อนจะชูกระบี่เปลวเพลิงสีดำขึ้นอีกครั้ง

ฟึ่บ!

กระบี่ฟาดฟันทั้งมิติและกาลเวลา เข้าถึงตรงหน้าตาเฒ่าหยูในชั่วพริบตา

“นรกอะไรนี่!” ตาเฒ่าหยูสบถอย่างหงุดหงิด

บ้าไปแล้วหรือไง*! ต่อให้คุณอยากอวดศักดาและทำให้ใครๆสนใจความคิดเห็นของคุณ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้ผมเป็นกระสอบทรายเลยนี่ มีคนอีกเยอะแยะให้คุณเล่นงาน ทำไมต้องเป็นผม?*

ผมเคยหาเรื่องคุณหรือไง*?*

ตาเฒ่าหยูรีบหลบไปด้านข้าง

ถึงเขาจะได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด แต่ก็เจ็บตัวอยู่ไม่น้อย ทำให้พละกำลังของเขาลดลงจนเหลือเพียง 30% แต่ถึงอย่างนั้น ตาเฒ่าหยูก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่กระบี่เปลวเพลิงสีดำที่เพิ่งฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณได้ไม่นานจะเล่นงานเขาได้ง่ายๆ

เมื่อหลบเลี่ยงการโจมตีได้แล้ว ตาเฒ่าหยูกำลังจะตอบโต้ ก็พอดีกับที่ตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่าตัวเองถูกรังสีอันทรงพลังเข้าโอบล้อม

“อำมาตย์ไอ้โหด?” ตาเฒ่าหยูหรี่ตาด้วยความพรั่นพรึง

แม้รังสีนั้นจะปราศจากเจตนาสังหารตามแบบของเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่เขาก็จดจำมันได้ทันทีในฐานะบรรพบุรุษของเขา อีกฝ่ายคือไอ้โหดซึ่งเคยต่อสู้อย่างสมน้ำสมเนื้อกับปรมาจารย์ขง

ด้วยปราณสังหารที่เผ่าพันธุ์ปีศาจได้ฝึกฝน สายเลือดของพวกมันจึงมีแรงกดดันมหาศาล นี่คือเหตุผลที่ลำดับอาวุโสภายในหมู่เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นมีความเข้มงวดมาก

พลั่ก!

ในชั่วพริบตา กระบี่เปลวเพลิงสีดำก็เข้าโจมตีจุดอ่อนจุดหนึ่งในวรยุทธของเขา ตาเฒ่าหยูหน้าซีดเผือดและกระอักเลือดออกจากปาก ร่างของเขาถอยกรูดไปไกลก่อนจะกระแทกกับพื้นอย่างแรง

“ความแข็งแกร่งระดับนี้มากพอจะทำให้ผมคุยกับพวกคุณได้หรือยัง?” จางเซวียนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ตาเฒ่าหยูเป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 3 การฟื้นคืนชีพของสายเลือด ขณะที่กระบี่เปลวเพลิงสีดำเป็นของล้ำค่าที่เพิ่งเข้าถึงวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณมาหมาดๆ โดยทั่วไป ไม่มีทางที่มันจะเล่นงานตาเฒ่าหยูจนบาดเจ็บได้เลย

แต่เพราะแรงกดดันของไอ้โหดและการเล่นงานจุดอ่อนในวรยุทธของอีกฝ่าย รวมทั้งการที่ตาเฒ่าหยูได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับอำมาตย์เฉินหย่งมาแล้ว จางเซวียนจึงถือไพ่เหนือกว่า

“…ได้ พวกเราจะยอมรับพละกำลังของคุณ คุณมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะพูดกับพวกเราแล้ว แต่ผมก็หวังว่าคุณจะมีเหตุผลที่หนักแน่นและน่าสนใจพอจะโน้มน้าวพวกเรานะ”

ถึงการเคลื่อนไหวของจางเซวียนจะว่องไว แต่เหล่านักปราชญ์โบราณก็ยังรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เห็นชัดว่าชายหนุ่มยังมีไม้ตายอื่นที่เหนือชั้นกว่ากระบี่เปลวเพลิงสีดำ ซึ่งหากสองอย่างนี้ผนึกกำลังกัน ก็เกินพอที่จะทำให้ตาเฒ่าหยูบาดเจ็บได้ เท่าที่เห็น ก็ชัดเจนแล้วว่าชายหนุ่มมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะพูดคุยกับพวกเขาได้อย่างทัดเทียม

จางเซวียนมองไปรอบๆแล้วพูดว่า “ผมไม่รู้เรื่องที่ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ร่วมมือกับอำมาตย์เฉินหลิงและอำมาตย์เฉินชิงเพื่อเล่นงานอำมาตย์เฉินหย่ง แต่ผมเชื่อว่าพวกคุณคงเห็นความเจ้าเล่ห์ของอำมาตย์เฉินหลิงเมื่อครู่นี้แล้ว คุณยังหวังว่าเขาจะรักษาสัญญาหรือ? ลองคิดดู ถ้าอำมาตย์เฉินหย่งไม่ได้เล่นงานเขาจนได้รับบาดเจ็บ คุณคิดว่าจะไว้ใจเขา แน่ใจว่าเขาจะไม่เล่นงานพวกเราหรือไง?”

ทุกคนเงียบกริบเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

พูดกันตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะไม้ตายของอำมาตย์เฉินหย่ง ก็เป็นไปได้ว่าอำมาตย์เฉินหลิงจะผิดสัญญาและโจมตีพวกเขา

บางที…หมอนั่นอาจวางแผนมาแล้วตั้งแต่แรก เขายื้อเวลาจนทั้งพวกเขาและอำมาตย์เฉินหย่งได้รับบาดเจ็บสาหัส เพื่อจะได้เข้าตำรายิงนก 2 ตัวด้วยกระสุนนัดเดียว

หากพวกเขาเสียชีวิตที่นี่ ทวีปแห่งปรมาจารย์จะต้องสูญเสียการป้องกันตัวด่านสุดท้ายไป แม้จะยังมีนักปราชญ์โบราณอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้เข้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อและไม่ได้สังกัดทั้ง 100 สำนักแห่งนักปราชญ์และสภาปรมาจารย์ แต่ลำพังพวกเขาก็ไม่ถือเป็นภัยคุกคามที่รุนแรงมากพอกับอำมาตย์ทั้งสอง

“อำมาตย์เฉินหลิงน่ะทรยศได้แม้แต่กับสมาชิกในเผ่าพันธุ์ของตัวเอง คุณคิดหรือว่าเขาจะกระดากใจหากจะทำลายข้อตกลงที่ทำไว้กับพวกคุณ? ผมรู้ดีว่าพวกคุณคงเตรียมมาตรการบางอย่างไว้ป้องกันเรื่องนี้แล้ว และคงเห็นว่านี่คือโอกาสงานที่จะได้สังหารอำมาตย์เฉินหย่งและทำลายความเป็นหนึ่งเดียวของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น…”

“ซึ่งหากเมื่อครู่นี้พวกคุณประสบความสำเร็จโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ก็คงจะเป็นเรื่องดี พวกคุณคงสร้างความสับสนวุ่นวายให้เกิดขึ้นในหมู่เผ่าพันธุ์ปีศาจได้ชั่วคราวจากการที่พวกมันต้องสูญเสียผู้นำสูงสุดไป แต่นั่นดูจะไม่ใช่สถานการณ์ตอนนี้ ลองนึกดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากอำมาตย์เฉินหย่งตายและอำมาตย์เฉินหลิงกลับไปบอกเผ่าพันธุ์ปีศาจว่าอำมาตย์เฉินหย่งถูกพวกเราลอบโจมตีและลอบสังหาร ซึ่งตัวเขาก็เกือบต้องตายขณะที่พยายามช่วยชีวิตอำมาตย์เฉินหย่ง…ถ้าเขาทำแบบนั้น เขาจะสามารถเรียกความแข็งแกร่งกลับคืนสู่เผ่าพันธุ์ปีศาจและรวมพวกมันให้เป็นหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว ผมเชื่อว่าพวกคุณคงรู้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา ต่อให้ผมไม่พูดต่อ!” จางเซวียนพูด

“คือ…” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงครุ่นคิดหนัก

ก็จริง ถ้าอำมาตย์เฉินหย่งเสียชีวิตที่นี่ อำมาตย์เฉินหลิงก็สามารถใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้เพื่อรวมเผ่าพันธุ์ปีศาจให้เป็นหนึ่งได้ และนั่นจะทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงกว่าเดิม!