ตอนที่ 1779 คุณติดค้างคำอธิบายกับสภาปรมาจารย์

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1779 คุณติดค้างคำอธิบายกับสภาปรมาจารย์

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงหันมาตั้งคำถามกับจางเซวียน “แล้วคุณมีข้อเสนอแนะอย่างไร?”

“ง่ายมาก ไม่เพียงแต่เราจะปล่อยให้อำมาตย์เฉินหย่งตายไม่ได้ แต่ยังต้องรักษาอาการบาดเจ็บให้เขาด้วย จากนั้นเราจะพาเขากลับสู่เผ่าพันธุ์ปีศาจและช่วยเขาล้างแค้น! อำมาตย์เฉินหลิงกับอำมาตย์เฉินชิงมีพละกำลังอ่อนด้อยกว่าเขาก็จริง แต่เมื่อสองคนนั้นผนึกกำลังกัน ก็คงโง่เง่าเต็มทีหากเราจะคิดว่าการรับมือกับพวกเขาเป็นเรื่องง่าย ถ้าเราสามารถเปลี่ยนเรื่องนี้ให้กลายเป็นรอยร้าวภายในระหว่างเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะได้มีเวลาหายใจ และบางทีอาจได้โอกาสแก้แค้นด้วย” จางเซวียนพูด

ทั้งคู่หารือกันผ่านทางโทรจิต และนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงก็ทำการแบ่งแยกมิติไว้ล่วงหน้า อำมาตย์เฉินหย่งจึงไม่รู้รายละเอียดการสนทนาของทั้งคู่

“ตอนนี้อำมาตย์เฉินหย่งมีแต่ความจงเกลียดจงชังสองอำมาตย์ที่ทรยศเขา เขาคงอยากสังหารสองคนนั่นแม้แต่ในความฝัน ถ้าเราใช้โอกาสนี้บีบให้เขาทำสัญญาระงับการใช้ความรุนแรงกับเราได้ การให้เขาได้กลับไปบัญชาการเผ่าพันธุ์ปีศาจก็จะเป็นประโยชน์กับพวกเรา!” จางเซวียนพูดต่อ

“ที่เขาพูดมาก็มีเหตุผลนะ”จางหงเทียนพยักหน้ารับ

ในเมื่อการทำสัญญากับอำมาตย์เฉินหลิงเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะทำสัญญากับอำมาตย์เฉินหย่งไม่ได้

ด้วยอิทธิพลของอำมาตย์เฉินหย่งที่มีในตระกูลเผ่าพันธุ์ปีศาจ หากอีกฝ่ายตอบตกลงร่วมมือกับพวกเขา ผลที่ได้ก็น่าจะดีกว่ากันมาก

“คุณพูดถูก ตอนนี้เราควรไว้ชีวิตอำมาตย์เฉินหย่งก่อน แต่ผมคิดว่าแผนการของคุณยังหละหลวมอยู่นะ” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงพูด

“ข้อแรก เมื่ออำมาตย์เฉินหย่งได้พละกำลังกลับคืนมา ความแข็งแกร่งของเขาจะเหนือชั้นกว่าเรา ถ้าเขาหักหลังเรา ทั้งสภาปรมาจารย์และ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ก็จะต้องหาทางป้องกันตัวเอง ข้อสอง เขาคือผู้เชี่ยวชาญที่คร่ำหวอดสงคราม อีกอย่าง เขาสู้รบกับกองกำลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์มาหลายปีแล้ว แถมยังเคยลักลอบเข้าสู่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ด้วย จึงรู้ขีดจำกัดของพละกำลังของพวกเราเป็นอย่างดี ถ้าเราไว้ชีวิตเขา เขาอาจกลายเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุดต่อมวลมนุษย์ก็ได้!”

“สุดท้าย อาการบาดเจ็บของพวกเราในตอนนี้สาหัสเกินไป เราไม่มีนิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณมากพอที่จะมาช่วยเหลือ และอายุขัยของพวกเราก็ใกล้สิ้นสุดแล้ว เราไม่น่าจะปกป้อง เผ่าพันธุ์มนุษย์ไปได้นานนัก…”

อันที่จริง 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ได้พิจารณาเรื่องนี้ไว้แล้วเช่นกัน พวกเขารู้ดีว่าการทำร้ายอำมาตย์เฉินหย่งไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาทั้งหมด และความยุ่งยากกว่าเดิมก็อาจก่อตัวขึ้น

แต่พวกเขามองไม่เห็นหนทางอื่น

หมื่นปีก่อน ตอนที่นิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณหายสาบสูญไปจากโลก เหล่านักปราชญ์โบราณที่เป็นมนุษย์ทำได้แค่เข้าสู่การจำศีลเพื่อปกป้องสิ่งที่ตัวเองมีให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

พูดอีกอย่างก็คือ ในกลุ่มของพวกเขา แม้จางหงเทียนที่อายุน้อยที่สุดก็มีอายุถึง 10500 ปีแล้ว หากไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไปอย่างที่เป็นอยู่ ก็คงยังมีชีวิตอยู่ต่อได้ แต่ด้วยสภาวะที่พวกเขากำลังเผชิญ มีความเป็นไปได้ว่าแต่ละคนคงจะเข้าร่วมสงครามได้แค่ครั้งสองครั้งก่อนจะสิ้นอายุขัย

แถมทุกอย่างยังเลวร้ายลงอีก เพราะพวกเขาไม่อาจยึดครองมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงได้ พูดได้เลยว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ในสภาวะอ่อนแอที่สุดตลอดระยะหลายหมื่นปีที่ผ่านมา

แน่นอนว่าอำมาตย์เฉินหย่งเก่งกาจมากกว่าอีกสองอำมาตย์มาก ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการต่อสู้ และเสบียงกรังด้านการทหาร เผ่าพันธุ์มนุษย์อาจอยู่ในภาวะอ่อนแอก็จริง แต่อย่างน้อยก็ยังพอจะรับมือกับสองอำมาตย์ไหว แต่หากพวกเขาปล่อยอำมาตย์เฉินหย่งไป นั่นย่อมหมายถึงความพินาศ

เหล่านักปราชญ์โบราณที่อยู่ตรงนั้นต่างมีสีหน้าเคร่งเครียดขณะก้มหน้าลงครุ่นคิด

เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่อายุขัยของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ใกล้เคียงกับเผ่าพันธุ์ปีศาจเลย นี่คือสิ่งที่มวลมนุษย์จะต้องรับมือ ซึ่งพวกเขาทำได้เพียงแค่ทำให้ดีที่สุด

ด้วยข้อจำกัดของอายุขัยและการหายสาบสูญไปของนิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณ ตราบใดที่ไม่มีนักปราชญ์โบราณรุ่นใหม่ๆปรากฏตัว ไม่ช้าไม่นานพวกเขาก็คงต้องตายกันหมด

“ปัญหานี้ง่ายมาก” จางเซวียนพูด “ผมจะฝังยาพิษที่เยียวยาไม่ได้ไว้ในร่างของเขา หากเขากล้าผิดสัญญาที่ทำไว้กับเราและโจมตีเผ่าพันธุ์มนุษย์ พิษนั้นจะออกฤทธิ์เล่นงานเขาจนถึงตาย ซึ่งถึงตอนนั้น สองอำมาตย์ก็คงตายไปแล้ว ต่อให้ในตอนนั้นไม่มีนักปราชญ์โบราณเหลืออยู่ เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะไม่ตกอยู่ในอันตรายมากนัก อีกอย่าง ปรมาจารย์หยางก็เพิ่งฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จ และดูเหมือนในเวลานี้จะมีนักปราชญ์โบราณเพิ่มขึ้นอีกหลายคน จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยให้มากเกินไป!”

แม้จะมีนิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณอยู่ในผืนผ้าใบสี่ฤดู แต่มันก็มีขีดจำกัด เท่าที่มีอยู่ตอนนี้ อาจไม่เพียงพอแม้แต่กับท่านพ่อท่านแม่ ตัวเขา และบรรดาศิษย์สายตรงของเขาให้ฝ่าด่านวรยุทธได้ด้วยซ้ำ จึงดูไม่เข้าท่านักหากจะแบ่งปันให้คนอื่น

“ยาพิษชนิดไหนที่มีอานุภาพแม้แต่กับนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงถึงกับผงะ

นักรบที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดนั้นสามารถสร้างชีวิตใหม่ได้ด้วยเลือดเพียงหยดเดียว ไม่ว่าจะเป็นกายเนื้อหรือจิตวิญญาณของพวกเขาก็ล้วนแต่ปราศจากสิ่งปนเปื้อน ทำให้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะวางยาคนเหล่านั้น

แล้วยังมียาพิษชนิดไหนในโลกที่ทำร้ายนักรบระดับนั้นได้ด้วยหรือ?

“คุณไม่ต้องห่วง ในเมื่อผมยื่นข้อเสนอแล้ว ก็แปลว่าผมมั่นใจ” จางเซวียนหัวเราะหึๆ

ยาพิษทั่วไปอาจไม่ส่งผลอะไรกับผู้เชี่ยวชาญระดับอำมาตย์เฉินหย่ง แต่พลังปราณเทียบฟ้านั้นบริสุทธิ์มาก ทั้งยังซึมซาบเข้าสู่ทุกส่วนของร่างกายได้ และหากจำเป็น มันก็สามารถแบ่งตัวและซ่อนอยู่ในทุกหยดเลือดในร่างกายของผู้นั้น ทำให้ยากที่จะป้องกัน

เมื่อมีพลังปราณที่สามารถทำลายพลังชีวิตในร่างกายได้ ต่อให้นักรบที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดก็คงต้องปวดหัวหนักหากพยายามจะรับมือกับมัน

ตราบใดที่อีกฝ่ายขจัดพิษออกจากร่างกายไม่ได้ ก็จะต้องถูกพิษนั้นบงการตลอดไป

เกิดความเงียบงันครู่ใหญ่ก่อนในที่สุดนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงจะพยักหน้า “พวกเรายินดีเชื่อคุณ และเราจะรับมือกับอำมาตย์เฉินหย่งตามที่คุณเสนอ ว่าแต่…คุณไม่คิดบ้างหรือว่าคุณติดค้างคำอธิบายกับมวลมนุษย์นะ”

“ผม?”

“คุณพาเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นเข้าสู่หอลำดับแรก ปล่อยให้เธอซึมซับมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงจนสำเร็จ ทำให้โอกาสครั้งนี้หลุดลอยไปจากมวลมนุษย์ ไม่มีทางที่คุณจะปิดบังเรื่องนี้ได้ตลอดไปหรอก และป่านนี้อำมาตย์เฉินหลิงกับอำมาตย์เฉินชิงก็คงกระจายข่าวจนทั่วแล้ว ถ้าคุณไม่มีคำอธิบาย ทั้งเหล่าปรมาจารย์และมวลมนุษย์ในโลกจะมองคุณเป็นคนนอก คุณจะไม่มีที่ทางในสภาปรมาจารย์อีก!” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงพูด

จางเซวียนเงียบกริบ

เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวตนที่แท้จริงของหลัวลั่วชิงคือเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ แต่ก็คงไม่มีใครในโลกนี้ที่จะเชื่อหรือยอมรับคำอธิบายแบบนั้น

มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงคือทรัพย์สมบัติล้ำค่าสูงสุดที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง แต่กลับลงเอยด้วยการถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจยึดครอง เพียงเพราะเรื่องนี้ ก็ไม่มีทางที่ใครต่อใครจะยกโทษให้เขาแล้ว

ทันทีที่ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ก็แน่นอนว่าเหล่าปรมาจารย์และมนุษย์ทั้งโลกจะต้องเห็นเขาเป็นปฏิปักษ์ ต่อให้เขาพยายามอธิบายสักแค่ไหนก็คงไม่เป็นผล

มีคนรักเป็นเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ…คงไม่มีใครยอมเชื่อว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนทั้งนั้น!

ต่อให้เขาอธิบายทุกอย่างได้อย่างละเอียดครบถ้วน ใครต่อใครก็คงจะตั้งคำถามในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ ในตอนนั้น เขาคว้ามือของหลัวลั่วชิงไว้ แล้วทำไมถึงไม่ฉกฉวยเอามหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงมาจากเธอ?

ไม่ว่าในอดีตเขาจะเคยสร้างคุณงามความดีขนาดไหน แต่เรื่องนี้คือความผิดพลาดครั้งใหญ่และเลวร้ายพอที่จะทำให้เขากลายเป็นศัตรูที่มวลมนุษย์ต่างสาปแช่ง ตอนนี้เขาหลังชนฝาแล้ว และดูเหมือนจะไม่มีวันกลับมายืนได้ดังเดิมอีก

จางเซวียนสูดหายใจลึกและตอบอย่างเด็ดเดี่ยว “ผมจะมอบคำอธิบายที่น่าพอใจให้กับสภาปรมาจารย์และคนทั้งโลก!”

“ถ้าได้อย่างนั้นก็ดี…” เห็นชายหนุ่มเข้าใจสิ่งที่เขาพยายามบอก นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงพยักหน้าก่อนจะเงียบไป

เขาไม่อยากทำร้ายผู้ที่เป็นแค่นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติ

จางเซวียนขับเคลื่อนพลังปราณเทียบฟ้าของเขาเข้าสู่ร่างของอำมาตย์เฉินหย่งและสกัดกั้นมันไว้ ในเวลาเดียวกันก็นำยาเม็ดออกมาให้อีกฝ่ายกินเพื่อช่วยเยียวยาอาการบาดเจ็บ

แต่อาการบาดเจ็บของอำมาตย์เฉินหย่งสาหัสเกินไป จนถึงขนาดที่สั่นคลอนทั้งรากฐานและอายุขัยของเขา ตอนนี้ยาเม็ดธรรมดาสามัญไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก

“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตผม, นายน้อย ความตายไม่อาจทำให้ผมหวาดกลัวอีกแล้ว แต่ก่อนที่ผมจะพบจุดจบ ผมจะลากเจ้าสองคนนั่นไปกับผมด้วย!”

อำมาตย์เฉินหย่งไม่รู้เรื่องบทสนทนาระหว่างจางเซวียนกับนักปราชญ์โบราณเหยียนชิง รู้แต่ว่าจางเซวียนคือผู้วิงวอนขอชีวิตให้เขา อำมาตย์เฉินหย่งลุกขึ้นยืนและประสานมือด้วยความสำนึกในบุญคุณ

ที่ผ่านมา เขาไม่ได้ใส่ใจอำมาตย์เฉินหลิงกับอำมาตย์เฉินชิงมากนัก ใครจะไปคิดว่าทั้งคู่คือศัตรูตัวฉกาจ?

แต่ในเมื่อเขาได้ชีวิตกลับคืนมาแล้ว ก็จะต้องแน่ใจว่าพวกนั้นจะต้องชดใช้ความเคืองแค้นของเขาและได้รับบทเรียนอย่างสาสม

“ไม่ต้องมีพิธีรีตองหรอก” จางเซวียนตอบ

จากนั้นเขาก็มองอำมาตย์เฉินหย่งอย่างสงสัยขณะตั้งคำถาม “คุณเกี่ยวข้องอย่างไรกับไอ้โหด?”