หทัยลูบหลังมือปลอบเธอ “สบายใจเถอะ ไม่มีทางหรอก ถึงจะไม่นามสกุลอนันต์ธชัย แต่เธอก็เป็นแม่ของหมีพูล เขาไม่มีสิทธิ์หรือคุณสมบัติที่จะขัดขวางไม่ให้เธอเจอหมีพูล”
พนาวันเงยหน้าขึ้นและยังคงพูดเหมือนเดิม “หทัยฉันรู้จักเขาดีเกินไป”
“…”
หทัยพูดไม่ออก
หลังจากนั้นนานมาก เธอก็ถอนหายใจ “พนาวัน สิ่งที่ไม่ควรทำที่สุดในชีวิตนี้คือตกหลุมรักอาคิระ”
พนาวันหัวเราะอย่างขมขื่นกับตัวเอง “ใครบอกว่าไม่ใช่ล่ะ”
“ถ้าเธอแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น จริงๆมันก็ดีนะ” หทัยพูด “เธอลองมีความรักใหม่ ลองถูกรักและหวงแหน ลองสัมผัสรสชาติของการถูกเอาใจใส่สิ”
พนาวันเงียบ
ที่จริงหทัยพูดถูก
ตั้งแต่ป๊อปปี้เลิฟ เธอก็เริ่มชอบอาคิระแล้ว และจากนั้นเธอก็ไม่มองใครอีกเลย
ต่อมาเธอก็แต่งงานกับอาคิระโดยบังเอิญ
ทุกคนไม่เห็นด้วย แต่เธอก็ดีใจมาก
ความคิดในเวลานั้นเรียบง่ายและบริสุทธิ์ อาคิระไม่ชอบเธอก็ไม่เป็นไร เพียงแค่ได้อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน แค่นี้ก็พอแล้ว
แต่สุดท้ายความเป็นจริงก็กระแทกหน้าเธออย่างจัง
“น่าเสียดาย ความรักดีๆแค่ครั้งเดียวก็ไม่เคยมีในชีวิต แล้วยังทุ่มเททุกอย่างลงไปให้กับความรัก ลูก และทุ่มเทแม้กระทั่งชีวิตอีก…”
ขณะที่พูด หทัยก็รู้สึกเศร้า และเริ่มร้องไห้อีกครั้ง
เมื่อร้องไห้ก็เริ่มโมโห จึงด่าเสียงดัง
“ฉันขอสาปแช่งอาคิระไม่ให้ตายดี ออกไปก็ขอให้โดนรถชน!”
เมื่อได้ยินดังนั้น พนาวันก็ลืมตาขึ้น “พอแล้วหทัย”
“พนาวันอย่าบอกนะว่าเธอยังรู้สึกรักไอ้สารเลวนั่น!” หทัยกัดฟัน
เธอฉุนเฉียวมาก พนาวันรู้สึกว่าถ้าเธอกล้าที่จะตอบตกลง เธอจะต้องแหลกเป็นชิ้นๆแน่
“เธอเปลี่ยนคำแช่งเป็นอย่างอื่นเถอะ อาคิระตายไม่ได้ ถ้าเขาตาย หมีพูลจะเป็นเด็กกำพร้า”
เธอไม่สามารถปล่อยให้หมีพูลไม่มีพ่อแม่ได้
“เห้อๆๆ กำพร้าไม่กำพร้าอะไร เธอจะหาย แล้วจะมีอายุร้อยปีแน่นอน!” หทัยพูดต่อ “งั้นฉันขอแช่งให้เขานกเขาไม่ขัน ทุกครั้งขึ้นแค่สามวิ มีลูกไม่ได้อีกต่อไป!”
พนาวันยิ้ม “นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ”
แม้ว่าเธอจะเห็นแก่ตัวมาก แต่เธอก็หวังจริงๆว่าอาคิระจะไม่มีลูกอีก
มีเพียงทางนี้ที่จะทำให้เขาดีกับหมีพูลตลอดไป
ตามคำกล่าวที่ว่าถ้ามีแม่เลี้ยง ก็มีพ่อเลี้ยง
ถ้าเกิดอาคิระแต่งงานใหม่ ภรรยาคนใหม่ของเขาจะดีกับหมีพูลไหม
เป็นไปได้มากว่าจะเป็นไปไม่ได้
ยิ่งกว่านั้นตระกูลอนันต์ธชัยก็มีความร่ำรวย เขาจะต้องให้กำเนิดลูกชายเพื่อรับมรดกของตระกูลอย่างแน่นอน
อาคิระไม่ชอบหมีพูลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาไม่มีความรู้สึกใดๆ เมื่อเขามีลูกคนอื่น หมีพูลก็จะได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชามากขึ้น
แค่คิดก็เจ็บหน้าอกแล้ว
ช้เวลาไม่นาน หทัยก็กลับไป
ในห้องเหลือเพียงพนาวันคนเดียว
เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว แต่เธอไม่รู้สึกง่วงเลย
เป็นครั้งแรกที่หมีพูลไม่อยู่กับเธอ
เมื่อนึกถึงท่าทางของอาคิระที่มีต่อหมีพูลอีกครั้ง เธอก็นอนไม่หลับ ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นนั่งและโทรหาอาคิระ
ตอนแรก เสียงเตือนคือหมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ โปรดลองอีกครั้งในภายหลัง
เธอโทรห้าครั้งติด และเสียงเตือนก็เหมือนกัน
เห็นได้ชัดว่าอาคิระจงใจไม่รับสาย
พนาวันไม่ยอมแพ้ ยังคงโทรต่อไป
“ขออภัย สายที่คุณโทรออกไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว”
คราวนี้อาคิระบล็อกเธอ
“หึหึ……”
เธอหัวเราะเสียงเย็นสองครั้ง นั่งชันเข่า และมองออกไปนอกหน้าต่าง
ไม่มีทั้งดวงจันทร์และดวงดาว มีเพียงความมืดมิดไม่รู้จบ
เช่นเดียวกับชีวิตของเธอ ไม่มีความหวัง ไม่มีแสงสว่าง มีเพียงความมืดมิด
ทันใดนั้น ก็มีดาวตกพุ่งผ่านท้องฟ้า
ตาของพนาวันขยับเล็กน้อย และหลังจากนั้นก็มีความหวังเกิดขึ้นกับเธอ
วันถัดไป
หทัยไปโรงพยาบาลตอนตีห้า
เธอเป็นห่วงพนาวันมาก
โดนขอหย่า ลูกชายก็โดนพาตัวไป แถมยังเป็นมะเร็ง อยู่อย่างโดดเดี่ยวในโรงพยาบาล ใครจะรู้ว่าคิดจะทำอะไรโง่ๆไหม
แต่เมื่อเธอผลักประตูห้องไป เธอก็ตะลึง
เธอเห็นพนาวันตื่นแล้ว และสีหน้าของเธอก็ไม่เลวเลย
แถมเธอยังทักทายตัวเองด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมมาเร็วจัง”
หทัยขมวดคิ้ว”เธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
พนาวันยกริมฝีปากหัวเราะเยาะตัวเอง “ฉันจะมีอะไรได้อีก”
“ไอ้สารเลวอาคิระนั่น ยอมให้เธอเจอหมีพูลแล้วหรอ” เธอยังคงถามต่อ
พนาวันส่ายหัว “ไม่ใช่”
คราวนี้หทัยก็เริ่มตระหนก “อย่าทำอะไรโง่ๆ!”
มุมปากของเธอยกขึ้น มองไป “ไม่ต้องห่วง ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ทำอะไรโง่ๆ ฉันแค่คิดอะไรบางอย่างออก”
“คิดอะไรออก”
“ไม่ช้าก็เร็วหมีพูลก็ต้องไปจากฉัน แม้ว่ามันจะเจ็บแค่ไหน ฉันควรจะค่อยๆชินกับมัน
ปรับตัวกับวันที่ไม่มีเขา แและให้เขาชินกับการที่ไม่มีฉันต่อไป
แถมฉันต้องเริ่มรักษาตัวในโรงพยาบาล ฉันไม่อยากให้เขาอยู่แต่ในโรงพยาบาล เขาฉลาดมาก ฉันกลัวปิดเขาไม่ได้”
พนาวันพูดช้าๆ
หทัยเสียใจมากที่ได้ยินอย่างนี้ แต่ก็สบายใจมากกว่า “คิดได้ก็ดี”
“อืม ฉันจะไปรับการรักษา”
เธอคิดอย่างรอบคอบแล้ว พึ่งตัวเองดีที่สุด
แค่เธอมีชีวิตอยู่ได้มากขึ้นอีกหนึ่งวัน ใครคิดจะรังแกหมีพูล ก็ยังต้องเห็นแก่หน้าเธอ
หทัยมีความสุขมาก
สองวันหลังจากนั้น พนาวันก็ถูกทรมานจากความเศร้าและการรักษาตัวเอง
ในระหว่างวัน เธอจะหาอะไรทำ เพื่อที่เธอจะได้ดึงความสนใจของตัวเองจากการคิดถึงหมีพูล
แต่ในตอนกลางคืน อยู่กับตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงหมีพูล
ความคิดนั้นรุนแรงมากขึ้น จนควบคุมไม่ได้
ก่อนหน้านี้ เธอเคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องมีการพรากจากกันแบบนี้
จะต้องเจ็บจนใจสลาย และความเป็นจริงตอนนี้ก็ได้พิสูจน์แล้ว
ที่จริงตั้งแต่วินาทีที่เธอตกลงจะแต่งงาน เธอก็รู้ว่าในท้ายที่สุดเธอก็เป็นแค่คนทำประโยชน์ให้เขา เธอไม่มีทางพาหมีพูลไปได้
แต่ยังตกลงที่จะแต่งงาน เพราะต้องการดูการเติบโตหมีพูล อยากจดจำทุกอย่างของเขา มองลูกลูกของตัวเองเติบโตเป็นคนดี
ตอนนี้มันถึงจุดสิ้นสุด
เธอยังคงจำตอนหมีพูลหัดพูด หัดเดินได้ และยังจำคำแรกที่เขาพูดได้!
เขาเป็นเด็กดีมาก เด็กคนอื่นๆร้องไห้เสียงดัง แต่เขากลับหลับอย่างเชื่อฟัง
หลังจากตื่นนอน เขาจะหัวเราะคิกคักกับเธอ และไม่รบกวนเธอ ราวกับรู้ว่ามันยากสำหรับเธอที่จะดูแลเขาตามลำพัง
เธอเคยเป็นเด็กกำพร้า พอมีหมีพูล เธอถึงไล่ความเหงาออกไปได้ เธอฟังเขา ทำการบ้านกับเขา และดูหนังด้วยกัน
ตอนนี้เขาถูกพาตัวไป เธอก็กลับมาเป็นโดดเดี่ยวอีกครั้ง และตกอยู่ในความเหงานั้นอีกครั้ง
เขาเป็นลูกชายที่เธอให้กำเนิดผ่านความเจ็บปวดและความมุ่งมั่น
แต่ต่อจากนี้ไป เขาไม่ใช่ของเธออีกต่อไป ราวกับร่างกายและกระดูกทั่วร่างกายถูกดึงออกไป
แปดปีที่แล้วเธอไม่เคยมีอะไร
แปดปีต่อมา นอกจากความเจ็บปวด เธอก็ยังคงไม่มีอะไร…
โลกนี้ช่างโหดร้ายเสมอ
โหดร้าย จนทำให้คนหมดแรงทั้งกายใจ…
จากนี้ไปเธออยากจะต้องอยู่คนเดียวจริงๆแล้ว
ไม่มีร่างเล็กๆข้างกายที่เรียกเธอว่าแม่อีกต่อไป…
แต่เธอรู้ว่าต้องอดทน
หนักแค่ไหนก็ต้องทน!