“คุณชายหลินขอรับ ข้าน้อยไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่น… แต่ว่าลองเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นดูก่อนดีไหมขอรับ?”
อานมู่ซีพูดตะกุกตะกัก
ถึงแม้ว่ายาปริศนาชนิดนี้จะไม่ได้มีสรรพคุณเลิศล้ำดั่งเช่นยาโอสถหกสวรรค์ แต่มันคงฟังดูไม่เป็นมงคลสักเท่าไหร่นักหากชาวเมืองหยุนเมิ่งกว่าหมื่นคนต้องรับประทานยา ‘เป่ยไห่เหยาหวัน’ ก่อนออกเดินทาง
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วครุ่นคิด “เอ่อ… ให้เปลี่ยนชื่อใหม่หรือ? ฮ่าฮ่า มันคงฟังดูอัปมงคลเกินไปสินะ… งั้นเรียกว่าโอสถต้าชิงก็ได้”
โอสถต้าชิง?
อานมู่ซีพยักหน้าเห็นดีเห็นงาม “นับเป็นชื่อที่ประเสริฐ”
การตั้งชื่อยาปริศนาเสร็จสิ้นลงแล้ว
กองทัพนายทหารหน่วยรบพิเศษก็เก็บกวาดภูเขาเสี่ยวซีเสร็จแล้วเช่นกัน
แต่ไม่นานหลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็ต้องพบปัญหาใหม่
เพราะสมุนไพรที่เป็นองค์ประกอบสำคัญอีกสี่ชนิดในการหลอมโอสถต้าชิงมีน้อยเกินไป
ทว่า ก็ยังถือเป็นโชคดีที่พวกมันเป็นสมุนไพรธรรมดา ปีหนึ่งจะเติบโตขึ้นมาสองครั้ง หลินเป่ยเฉินพบเจอเมล็ดของพวกมันจำนวนหนึ่งและนำมาปลูกไว้ในพื้นดิน ตัวเขาเองมีพลังปราณธาตุไม้ ซึ่งสามารถทำให้พืชพรรณทุกสิ่งทุกอย่างสามารถงอกงามได้ดั่งใจต้องการ และภายในเวลาเพียงชั่วยามเดียวเท่านั้น สมุนไพรเหล่านี้ก็เติบโตขึ้นมาพร้อมสำหรับการใช้งานแล้ว
เมื่อเห็นว่าการทดลองของตนเองสำเร็จลงด้วยดี หลินเป่ยเฉินจึงมีความคิดที่จะนำสมุนไพรวิเศษจากร้านค้าของเทพีกระบี่หิมะไร้นามและร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรมาเพาะปลูกบนโลกวรยุทธ์แห่งนี้บ้าง…
เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังยุ่งเกินไป ไม่มีเวลามาเพราะปลูกพืชสมุนไพรอีกแล้ว
น่าเสียดายที่การเพาะปลูกครั้งแรกของเขา ดันเป็นการปลูกเมล็ดพืชสมุนไพรธรรมดาๆ ไปเสียได้
แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีละนะ
ครั้งนี้ถือว่าเป็นการลองมือไปก่อน ยิ่งมีประสบการณ์เพาะปลูกด้วยพลังปราณธาตุดินมากเท่าไหร่ โอกาสที่การเพาะปลูกสมุนไพรวิเศษหลังจากนี้จะประสบความสำเร็จก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
หลังได้เห็นหลินเป่ยเฉินสร้างปาฏิหาริย์ให้เป็นจริงครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยตาของตนเอง อานมู่ซีผู้มีความมั่นใจในตนเองเสมอมา ก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้แล้วจริงๆ
ระหว่างหลอมโอสถต้าชิงแข่งกับเวลาที่เดินไปข้างหน้า อานมู่ซีก็เริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า…
นักหลอมโอสถฝีมือดีอย่างเขา ถ้าได้เกิดในตระกูลใหญ่มากกว่านี้ ถ้าได้รับการสนับสนุนมากกว่านี้ อานมู่ซีก็คงมีชีวิตที่ร่ำรวยและโด่งดังไปนานแล้ว ทว่า นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
อานมู่ซีต้องการเพียงเผยแพร่ความยิ่งใหญ่ของตำรับยาตระกูลอานเท่านั้น
แต่ครั้งนี้ นักหลอมโอสถหนุ่มเริ่มมีจิตใจที่หวั่นไหว
หากอานมู่ซีสามารถดัดแปลงสูตรยาประจำตระกูลเข้ากับสมุนไพรวิเศษได้สำเร็จ เขาก็จะต้องได้รับการยอมรับจากผู้คนจำนวนมากแน่นอน
ในเมื่อตัวเขาเองยังไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะดูแลตัวเองได้ อานมู่ซีก็รู้ดีว่าการมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะนักหลอมโอสถเช่นนี้ ย่อมดึงดูดยอดฝีมือจำนวนมาก ให้ออกมาปกป้องเขาด้วยความสมัครใจ
หากสามารถหลอมโอสถวิเศษขึ้นมาได้สำเร็จ ก็จะต้องมีผู้คนมากมายอยากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและสนับสนุน รวมถึงต้องมีคนมากมายให้ความสนใจตำรับยาตระกูลอานของเขา
นั่นหมายถึงชื่อเสียง ความร่ำรวยและสถานะทางสังคมที่สูงส่ง
เพราะทุกคนต้องให้ความเคารพในสูตรยาตระกูลอานที่ยอดเยี่ยม
แล้วการสร้างปาฏิหาริย์ของหลินเป่ยเฉิน มีดีมากพอที่อานมู่ซีจะยินดีเปิดเผยสูตรยาประจำตระกูลให้เด็กหนุ่มได้รู้แล้วหรือยัง?
อย่างน้อยทุกสิ่งทุกอย่างที่เด็กหนุ่มทำให้อานมู่ซีได้เห็นในขณะนี้ ก็คุ้มค่าที่จะได้รับความเชื่อใจของเขาแล้ว
…
“ให้ตายสิ…”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามมองภาพที่ปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าในขณะนี้ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ “ไม่รู้เลยนะว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าจะงอกคืนกลับมาเหมือนเดิม”
เพื่อให้ได้จำนวนสมุนไพรวิเศษตามที่หลินเป่ยเฉินเรียกร้อง เทพีกระบี่หิมะไร้นามจึงต้องถอนหญ้าและวัชพืชที่ขึ้นอยู่รอบๆ วิหารของตนเองไปจนหมดสิ้น
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
มือของนางที่ถอนวัชพืชเหล่านั้นแทบจะกลายเป็นสีเขียวไปแล้ว
“แต่ช่วงไหนฝนตกเดี๋ยวพวกมันก็คงขึ้นมาใหม่นั่นแหละนะ”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามคิดได้ดังนั้นสีหน้าก็สดใสขึ้นมาเล็กน้อย
อีกอย่าง วัชพืชเหล่านั้นก็เป็นเพียงของไร้ประโยชน์ เทียบไม่ได้เลยกับรากชงโหลวที่เป็นสมุนไพรเทพเจ้า มีสรรพคุณช่วยรักษาอาการบาดเจ็บและเสริมสร้างพลังปราณศักดิ์สิทธิ์ มิหนำซ้ำ มันยังทำให้นางสามารถใช้งานแผ่นยันต์วิเศษได้อีกด้วย
“นี่ ข้าส่งสินค้าของข้าไปแล้วนะ เจ้าอย่าลืมรักษาคำพูด ไม่ทราบว่าจัดส่งรากชงโหลวมาแล้วหรือยัง”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งข้อความไปสอบถามเด็กหนุ่มด้วยความกระวนกระวายใจ
“สินค้ากำลังเดินทาง”
หลินเป่ยเฉินตอบข้อความกลับมาอย่างรวดเร็ว
เทพีกระบี่หิมะไร้นามยิ้มร่าด้วยความดีใจ
ครั้งนี้ นางได้รากชงโหลวมาถึงสองต้น
นอกจากจะช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บแล้ว ยังเสริมสร้างพลังให้แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย
เทพีกระบี่หิมะไร้นามกระโดดขึ้นไปอยู่บนหลังคาวิหาร ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งอยู่บนยอดโดมและทอดสายตาจ้องมองบ่อน้ำขนาดใหญ่ยักษ์ซึ่งอยู่ห่างออกไปไกลหลายร้อยลี้
มันเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่าหนึ่งลี้ และยังเชื่อมต่อกับบ่อน้ำเล็กๆ ที่อยู่โดยรอบอีกมากมาย
ผิวน้ำในบ่อเป็นประกายระยิบระยับ
ฝั่งหนึ่งของบ่อน้ำเป็นผืนป่า ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งเป็นนาข้าว
“หึหึ รอให้ข้าฟื้นฟูพลังกลับขึ้นมาเสียก่อนเถิด ข้าจะต้องกลับไปหาเจ้าอย่างแน่นอน เป็นเพียงเทพีที่อาศัยอยู่ในบ่อน้ำเหม็นเน่าเช่นนี้ ถึงกับกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ต้องสมควรถูกสั่งสอนให้รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียบ้าง ข้าจะระบายน้ำออกไปให้หมดบ่อของเจ้าให้ได้ คอยดูก็แล้วกัน!”
เทพีกระบี่หิมะไร้นามยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ
นางยังคงจำได้ดีถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของหลินเป่ยเฉิน เทพีกระบี่หิมะไร้นามจึงแอบย่องไปที่บ่อน้ำสกปรกแห่งนั้นและรอคอยให้ธิดาอู๋ไห่จือตี้ผู้วิกลจริตเดินขึ้นมาอาบแดดซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวัน เทพีกระบี่หิมะไร้นามตั้งใจว่าเมื่ออีกฝ่ายขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำแล้ว ก็จะบุกเข้าไปโจมตีโดยไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัว เมื่อสามารถจับตัวธิดาอู๋ไห่จือตี้ได้แล้ว การจะบังคับให้นางสั่งสาวกของตนเองถอนกำลังกลับไปก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นแต่อย่างใด
ทว่า เหตุการณ์กลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด สุดท้ายกลายเป็นฝ่ายเทพีกระบี่หิมะไร้นามเสียเองที่ถูกธิดาอู๋ไห่จือตี้โจมตีกลับมาจนได้รับบาดเจ็บ นอกจากต้องหลบหนีกลับมาอย่างเจ็บตัวแล้ว เทพีกระบี่หิมะไร้นามยังรู้สึกเจ็บใจมากมายอีกด้วย
เทพีกระบี่หิมะไร้นามกับธิดาอู๋ไห่จือตี้จะว่าไปแล้วก็เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันที่สุด
แต่กลับทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้ง
และทุกครั้งเทพีกระบี่หิมะไร้นามก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสมอ
ครั้งนี้ขนาดแอบลอบเข้าไปโจมตีก็ยังทำไม่สำเร็จ
ช่างน่าอายเหลือเกิน
แต่โชคดีที่ธิดาอู๋ไห่จือตี้ไม่สามารถขึ้นมาจากบ่อน้ำได้นานเกินไปนัก
มิฉะนั้น วิหารของเทพีกระบี่หิมะไร้นามก็คงถูกธิดาอู๋ไห่จือตี้ยึดครองไปแล้วเป็นแน่แท้
เหมือนดังเช่นที่เทพีกระบี่หิมะไร้นามอยากจะยึดครองบ่อน้ำของธิดาอู๋ไห่จือตี้นั่นเอง
…
ในเวลาเดียวกันนี้
ณ บ่อน้ำของธิดาอู๋ไห่จือตี้
ลึกลงไปใต้น้ำเป็นที่ตั้งของปราสาทแก้วหลากสีสัน
ธิดาอู๋ไห่จือตี้กำลังนั่งอยู่บนยอดปราสาทและนำโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายเซลฟี่
โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้เป็นสิ่งให้ความบันเทิงชนิดเดียวที่นางมีอยู่ในโลกใต้บาดาล ธิดาอู๋ไห่จือตี้นำเงินเก็บตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมาซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้มาใช้งาน ส่วนจุดประสงค์ที่ซื้อมานั้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อน…
เพื่อความสนุกก็เท่านั้น
การต้องติดอยู่ในบ่อน้ำเป็นเวลาหลายพันปี และมีข้อจำกัดไม่สามารถขึ้นจากน้ำได้เป็นเวลานานๆ ทำให้ธิดาอู๋ไห่จือตี้รู้สึกโดดเดี่ยวและเบื่อหน่าย ไม่ต่างจากนักโทษที่อยู่ในเรือนจำ
แต่เมื่อมีโทรศัพท์มือถือ อย่างน้อยนางก็สามารถติดต่อกับคนแปลกหน้าหรือสิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างนอกได้บ้าง
โทรศัพท์มือถือตรากิเลนรุ่น 8S คือความมหัศจรรย์อย่างแท้จริง
มันมีฟังก์ชันการทำงานที่เป็นประโยชน์ ช่วยตรวจสอบให้นางได้รู้ว่าวันนี้ตนเองมีระดับพลังลดลงไปหรือเพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่
และมันก็ช่วยทำให้ธิดาอู๋ไห่จือตี้หายเหงาได้เป็นอย่างดี
อย่างเช่น ในโทรศัพท์มีแอปพลิเคชันหนึ่งชื่อว่าเจิ้นอ้ายหว่าง มันเป็นแอปที่สามารถสื่อสารข้ามเขตแดน ทำให้นางได้พบเจอกับเทพเจ้าหลากหลายสายพันธุ์ รวมไปถึงหนุ่มหล่อนิสัยดีนิสัยแย่แตกต่างกันไปมากมาย…
หนึ่งในนั้นคือหมาบ้าน้อยหลินเป่ยเฉิน ผู้ทำให้ธิดาอู๋ไห่จือตี้รู้สึกสนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง
นางรู้สึกเอ็นดูเพราะนอกจากเด็กหนุ่มผู้นี้จะสมองผิดปกติและยโสโอหังเกินมนุษย์แล้ว ปรากฏว่าเขายังเป็นคนรู้จักกับเทพีกระบี่หิมะไร้นามซึ่งเป็นเพื่อนบ้านขี้เมาของนางอีกด้วย และเพราะเหตุนั้นเอง เทพีกระบี่หิมะไร้นามถึงกับได้ลอบมาโจมตีนางเพื่อช่วยเหลือเด็กหนุ่ม… ธิดาอู๋ไห่จือตี้ไม่เคยรู้สึกมีชีวิตชีวาเช่นนี้มานานแล้ว
หลายวันที่ผ่านมา นางหมดเวลาไปกับการนั่งหัวเราะอยู่บนยอดปราสาทเพียงลำพัง ด้วยความตลกขบขันในการกระทำของหลินเป่ยเฉิน
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ธิดาอู๋ไห่จือตี้มีหนึ่งเรื่องสำคัญที่ต้องทำในทุกๆ วัน
นางมีอาชีพขายน้ำจืดบริสุทธิ์
แหล่งน้ำทุกแห่งที่อยู่รอบทุ่งนาในบริเวณนี้เป็นอาณาเขตของธิดาอู๋ไห่จือตี้
ผลิตภัณฑ์การเกษตรหลายชนิดจำเป็นต้องอาศัยน้ำจืดในการหล่อเลี้ยง ดังนั้น จึงมีผู้คนมากมายต้องการซื้อหาน้ำจืดของนางไปใช้ประโยชน์ ข้อเสียก็คือธิดาอู๋ไห่จือตี้ต้องขึ้นจากบ่อน้ำไปเจรจาธุรกิจเวลาซื้อขาย ทุกครั้งที่ขึ้นจากบ่อน้ำนางจะมีเวลาอยู่บนบกอย่างจำกัด หลายครั้งจึงต้องตัดใจขายน้ำจืดของตนเองในราคาที่ถูกมาก…
แต่เมื่อมีโทรศัพท์มือถือตรากิเลนรุ่น 8S อยู่ในมือ ธิดาอู๋ไห่จือตี้ก็ได้พบกับช่องทางการขายรูปแบบใหม่โดยไม่รู้ตัว
ปรากฏว่าเมื่อนางเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับตนเองว่าทำอาชีพใด ก็มีเทพเจ้าหนุ่มๆ จำนวนมากติดต่อมาขอซื้อน้ำจืดของนางในราคาสูงลิ่ว…
ดังนั้น ยิ่งธิดาอู๋ไห่จือตี้ขยันโพสต์รูปที่เย้ายวนชวนหลงใหลของตนเองมากเท่าไหร่ ผลิตภัณฑ์น้ำจืดของนางก็ยิ่งขายหมดเร็วเท่านั้น
กิจวัตรทุกวันนี้ของธิดาอู๋ไห่จือตี้จึงวนเวียนอยู่เพียงไม่กี่อย่าง
ถ่ายรูป ขายสินค้า สนทนากับบุรุษหนุ่มแปลกหน้า…
และสิ่งเหล่านี้เองก็ทำให้ธิดาอู๋ไห่จือตี้ผู้มีชีวิตแสนลำบากและโดดเดี่ยวเสมอมา พลันรู้สึกว่าชีวิตของตนเองไม่เงียบเหงาอีกต่อไป
ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย