รุ่งเช้า
ความมืดมิดกำลังจะจางหายไป
หลินเป่ยเฉินนอนหนุนตักที่แสนอบอุ่นของเฉียนเหมยอย่างสบายอารมณ์
“แย่แล้วขอรับนายน้อย แย่แล้วขอรับ…”
หวังจงวิ่งเข้ามาในตัวบ้านพักพร้อมกับตะโกนโวยวายตลอดเวลาด้วยความแตกตื่นตกใจ “นายน้อยขอรับ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วขอรับ…”
หลินเป่ยเฉินลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย
“นายน้อย ตื่นได้แล้วขอรับ รีบลุกขึ้นมาได้แล้ว… เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ”
หวังจงทุบประตูห้องและส่งเสียงครวญครางอยู่ด้านนอก
หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นสวมใส่เสื้อนอนอย่างไม่เต็มใจ เมื่อเปิดประตูแล้วก็ตวัดเท้าเตะก้นของหวังจงไปหนึ่งป๊าบ พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “ส่งเสียงเห่าหอนอะไรตั้งแต่เช้า เจ้าเป็นหมาหรือไง ถ้าไม่ใช่เพราะคำว่าจงในชื่อของเจ้ามาจากจงรักภักดี ป่านนี้เจ้าคงได้ตายไปหลายรอบแล้ว…”
“นายน้อยขอรับ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วขอรับ…”
หวังจงร่ำร้องด้วยความร้อนใจ “ไม่รู้พวกชาวทะเลมันคิดอะไร อยู่ดีๆ พวกมันก็กระจายกำลังตามล่าตัวกลุ่มกบฏในตัวเมืองและฆ่าทิ้งด้วยความอำมหิตยิ่ง ที่สำคัญก็คือพวกมันรู้ฐานลับของพวกเราทั้งหมดแล้ว บัดนี้ สมาชิกของเราไปรวมตัวกันอยู่ในจวนผู้ว่าหลังเก่าซึ่งเป็นฐานที่มั่นแห่งสุดท้าย อากวงกับคุณชายเซียวปิงได้รุดหน้าไปช่วยเหลือ แต่บัดนี้ พวกเขาถูกปิดล้อมไร้ทางหนีรอด อีกเพียงไม่นาน พวกมันต้องพังเข้าไปในจวนผู้ว่าได้แน่นอนขอรับ…”
ว่าไงนะ?
หลินเป่ยเฉินถึงกับตาสว่างขึ้นมาทันที
“เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร?”
เขาดึงแขนหวังจงเข้ามาถามใกล้ๆ “ก็ข้าสั่งให้ทุกคนอยู่เงียบๆ ห้ามทำตัวกระโตกกระตากแล้วไม่ใช่หรือ?”
หวังจงตอบว่า “นายน้อยขอรับ พวกเราถูกชาวทะเลโจมตีโดยไม่รู้ตัว บางคนถูกจับตัวไปข่มขืน สุดท้ายทนความทรมานไม่ไหว ก็ต้องเปิดปากบอกที่ตั้งฐานลับของพวกเราแห่งอื่นๆ ให้พวกชาวทะเลรับรู้… นายน้อย สถานการณ์ไม่ชอบมาพากลแล้ว พวกเรารีบหลบหนีกันก่อนดีกว่า เห็นได้ชัดว่าพวกชาวทะเลมันเอาจริง เกิดพวกเราถูกจับตัวได้ขึ้นมา มีหวังได้ตายตั้งแต่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ํา!”
จะให้เขาหลบหนีอย่างนั้นหรือ?
ฝันไปเถอะ
นั่นคือความคิดแรกที่ปรากฏขึ้นในสมองของหลินเป่ยเฉิน
กลุ่มกบฏอยู่ภายใต้การดูแลของเหลียวหวังซู
ตาเฒ่านั่นใช้การไม่ได้เลยจริงๆ
หรือว่าเหลียวหวังซูจะเป็นผู้ขายความลับให้พวกชาวทะเลรู้?
ตอนแรก เหลียวหวังซูก็วางแผนจะให้กลุ่มกบฏบุกเข้าไปโจมตีชาวทะเลด้วยความสิ้นหวัง
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นปฏิบัติการแหย่หนวดเสือ เพื่อกระตุ้นให้ชาวทะเลเกิดความโกรธแค้นมวลมนุษย์
นี่คือเจตนาที่แท้จริงของเหลียวหวังซู
และการที่ชาวทะเลไล่ล่ากลุ่มกบฏอย่างหนัก ก็ทำลายแผนการอพยพชาวเมืองหยุนเมิ่งลงไปโดยทันที
“กงกง รีบเตรียมรถม้าให้ข้าเร็วเข้า…”
หลินเป่ยเฉินตะโกนออกคำสั่ง จากนั้นจึงพูดว่า “ช่างมันเถอะ ไม่ต้องเตรียมอะไรทั้งนั้น… เดี๋ยวข้าไปเอง”
เมื่อติดกระดุมเสื้อคลุมที่เป็นชุดนอนเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็ใช้วิชาตัวเบาเดินทางลงจากภูเขาไปด้วยความเร็วไว
วูบ!
กระโดดหนึ่งครั้งสามารถเคลื่อนที่ไปได้ไกลหลายร้อยวา
“นายน้อยยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลยนะเจ้าคะ…”
เฉียนเหมยวิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากห้องนอน
เอ๋?
หวังจงเบิกตาโตเมื่อเห็นภาพนั้น
ในที่สุด นายน้อยของเขาก็… เริ่มใช้งานสาวรับใช้อย่างที่ควรจะเป็นแล้วหรือ?
…
ณ จวนผู้ว่าหลังเก่า
กองทัพของนายทหารชาวทะเลยกขบวนมาปิดล้อมจวนผู้ว่าทุกทิศทุกทาง
พวกมันใช้มนุษย์กุ้งยืนเรียงแถวเป็นกำแพงสุดแข็งแกร่ง กลุ่มกบฏจำนวนหลายร้อยคนพยายามตีฝ่าวงล้อมออกมาหลายครั้งแต่ก็ล้มเหลว บนพื้นเกลื่อนกลาดด้วยศพมนุษย์ซึ่งเป็นสมาชิกระดับสูงของกลุ่มกบฏ ในอากาศสาดกระจายด้วยเลือดสีแดงสด… คมกระบี่สาดประกายวูบไหวจากการบุกตะลุยของหน่วยทะลวงฟันดาวทะเล
ด้านหลังหน่วยทะลวงฟันของมนุษย์ดาวทะเล ยังคงมีนักรบชาวทะเลหลากหลายสายพันธุ์ให้การสนับสนุน
ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ฉลามวาฬ เผ่าพันธุ์มนุษย์ฉลามเสือ และเผ่าพันธุ์วาฬมนุษย์เพชฌฆาต…
แม่ทัพของพวกมันกระจายกำลังบัญชาการอยู่ตามจุดต่างๆ รอบจวนผู้ว่า
“มนุษย์ผู้ต่ำต้อย… พวกเจ้าหลบหนีไม่รอดอีกแล้ว”
“ออกมายอมรับความตายเสียโดยดีเถิด”
“ออกมาซะ พวกเจ้าจะได้ตายโดยไม่ทรมานมากนัก”
เสียงคำรามของชาวทะเลดังกึกก้องรอบบริเวณ
นั่นทำให้ชาวเมืองไม่กล้าเข้ามาช่วยเหลือกลุ่มยอดฝีมือที่ติดค้างอยู่ในจวนผู้ว่า เพราะตราบใดที่พวกเขาข้ามเส้นเขตแดนเข้ามาสู่เส้นแบ่งสนามรบ ลูกธนูก็จะพุ่งออกไปราวกับห่าฝน ปักทะลวงร่างกายของพวกเขาด้วยความอำมหิตยิ่ง
ด้านในจวนผู้ว่าขณะนี้
“มีคนหักหลังพวกเรา…”
“ใครกันนะ ใครเป็นผู้ทรยศ?”
สมาชิกกลุ่มกบฏส่งเสียงคำรามถามกันและกันด้วยความไม่อยากเชื่อ
หน่วยทะลวงฟันดาวทะเลยังคงบุกเข้ามาไม่หยุดยั้ง
หยางเฉินโจวในมือถือค้อนเหล็กออกไปต่อสู้อยู่ด่านหน้า
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยโลหิต กล้ามเนื้อมีเส้นเลือดปูดโปน ชุดเกราะโลหะที่สวมใส่เป็นประกายระยิบระยับ ค้อนเหล็กในมือเหวี่ยงไปมา กระแทกศัตรูลอยกระเด็นออกไปทั้งตัวคนทั้งอาวุธ…
หลู่หลิงโจวถือกระบี่คู่อยู่ในสองมือและต่อสู้อย่างหนักหน่วงอยู่เช่นกัน…
พวกเขาถูกทรยศ
มีแต่เฉพาะสมาชิกระดับสูงของกลุ่มกบฏเท่านั้น ถึงจะรู้ว่าจวนผู้ว่าหลังเก่าคือที่หลบซ่อนตัวของพวกเขา
“หลินเป่ยเฉินอยู่ที่ไหน?”
“ใครเป็นผู้ทรยศพวกเรากันแน่?”
เสียงตะโกนจากกลุ่มยอดฝีมือดังขึ้นไม่ขาดสาย
ก่อนหน้านี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ชาวทะเลสังเกตเห็นความผิดปกติ พวกเขาจึงไม่มารวมตัวกันที่จวนผู้ว่าหลังเก่าเด็ดขาด และเลือกที่จะแยกย้ายกันไปหลบซ่อนตัวตามจุดต่างๆ ในตัวเมืองหยุนเมิ่ง แต่วันนี้ ทุกคนกลับได้รับการแจ้งเตือนให้มารวมตัวกันที่นี่ เพื่อรอต้อนรับหลินเป่ยเฉินที่จะมาเข้าร่วมกลุ่มกบฏของพวกเขาอย่างเป็นทางการ
ดังนั้น ทุกคนจึงคิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อมารวมตัวกันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว สิ่งที่พวกเขาพบเจอกลับไม่ใช่หลินเป่ยเฉิน หากแต่เป็นกองทัพชาวทะเล
ใครบางคนวางกับดักเล่นงานพวกเขา
แต่ใครกันล่ะคือผู้ทรยศ?
“โอ๊ย…”
หลู่หลิงโจวส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
หัวไหล่ของนางเป็นบาดแผลฉกรรจ์
“น้องโจว…”
หยางเฉินโจวเบิกตาโตด้วยความตื่นตระหนก รีบควงค้อนเหล็กกระแทกมนุษย์ดาวทะเลที่พัวพันตนเองอยู่ลอยกระเด็นออกไปในอากาศ ช่างตีเหล็กหนุ่มกระโจนเข้าไปถีบยอดหน้ามนุษย์ดาวทะเลที่ฟันกระบี่ใส่หลู่หลิงโจวด้วยความดุดันยิ่งกว่าพยัคฆ์ร้ายจากป่าลึก และในเวลาเดียวกันนี้ ยอดฝีมือที่อยู่โดยรอบก็กรูเข้ามาช่วยคุ้มกันคู่รักได้อย่างทันท่วงที
“พี่หยาง พวกเราสมควรทำอย่างไรดี?”
“จางฉางฝ่าออกไปไม่ได้… พี่น้องของเราต้องออกไปตาย 20 กว่าคนแล้ว”
“พวกเราถูกหักหลัง”
“คุณชายหลินไม่ได้มาที่นี่ ต้องมีใครสักคนแอบอ้างชื่อของเขาแน่ พวกมันหลอกให้เรามาติดกับดัก…”
“หรือว่าคุณชายหลินนั่นแหละที่เป็นคนทรยศพวกเรา?”
“หุบปาก เป็นไปไม่ได้”
สมาชิกกลุ่มกบฏที่อยู่ในจวนผู้ว่าเริ่มเกิดการโต้เถียงกันเองแล้ว
เดิมทีพวกเขาเคยมีอยู่ด้วยกัน 600 กว่าคน แต่บัดนี้หลงเหลือกำลังพลเพียง 200 กว่า และเห็นได้ชัดว่ายังคงมีคนตายมากขึ้นเรื่อยๆ
หยางเฉินโจวมีสีหน้าร้อนใจ
ในทันใดนั้น…
“หลินเป่ยเฉินเป็นคนทรยศพวกเรา…”
เสียงคร่ำครวญด้วยความเสียใจดังขึ้น
เหลียวหวังซูมือหนึ่งถือกระบี่ เดินโซเซเข้ามาในห้องโถงใหญ่
เขาเองก็พยายามต่อสู้อย่างหนักเพื่อที่จะตีฝ่าวงล้อมออกไปด้านนอกให้ได้ ร่างกายปกคลุมด้วยโลหิตสีแดงสดตั้งแต่หัวจรดเท้า สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น “ข้าเพิ่งได้รับทราบข่าวที่เชื่อถือได้ว่า หลินเป่ยเฉินหลอกให้พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ แล้วก็แจ้งให้ชาวทะเลมาปิดล้อมเพื่อไล่ล่าสังหารด้วยความอำมหิตยิ่งนัก ข้ารู้สึกผิดเหลือเกิน ข้าต้องขอโทษพวกเจ้าด้วยจริงๆ…”
เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่เหลียวหวังซูพูดออกมา ความสงสัยและไม่มั่นใจในตัวชายชราผู้นี้ก็สลายหายไปในพริบตา
“หยางเฉินโจว เดี๋ยวทางนี้ข้าจะต้านพวกมันเอาไว้เอง เจ้าพาทุกคนหลบหนีออกไปทางประตูหลังเถิด…”
เหลียวหวังซูรีบพูดออกมาด้วยความร้อนรน
หยางเฉินโจวลังเลใจ “แต่ว่า…”
ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็เป็นประกายเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง
“ท่าน…”
หยางเฉินโจวกำลังจะพูดอะไรออกมา
วูบ! วูบ!
คมกระบี่ก็สาดประกายขึ้นเสียก่อน
“โอ๊ย…”
“ที่แท้ก็เป็นท่าน…”
“ทำไมกัน?”
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของยอดฝีมือหลายสิบคนดังขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะล้มลงไปสิ้นใจตายบนพื้นห้องด้วยความไม่อยากเชื่อ
พวกเขาย่อมไม่มีทางคิดฝันว่าตนเองจะต้องมาจบชีวิตลง ด้วยคมกระบี่ในมือของหัวหน้ากลุ่มกบฏ ผู้ถูกส่งตัวมาโดยตรงจากนครเจาฮุย
หยางเฉินโจวสามารถหมุนตัวหลบการโจมตีในจังหวะสุดท้ายได้อย่างเฉียดฉิว
แต่อย่างไรก็ตาม หลู่หลิงโจวกลับถูกคมกระบี่แทงทะลวงหัวใจ โลหิตไหลทะลักออกมาปานน้ำพุ…
“ไม่นะ…”
หยางเฉินโจวเบิกตาโตด้วยความหวาดวิตก
ควับ!
ชายหนุ่มกระชับค้อนเหล็กกระโดดเข้าไปหาเหลียวหวังซู
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เหลียวหวังซูระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมกับยกกระบี่ขึ้นปัดป้องการโจมตีได้อย่างร้ายกาจ และเพียงลมหายใจต่อมาเท่านั้น กลุ่มมนุษย์ดาวทะเลก็กระโดดเข้ามาห้อมล้อมชายชราอยู่ตรงกลาง ราวกับเป็นองครักษ์ประจำตัวของเหลียวหวังซูอย่างไรอย่างนั้น “ใครก็ตามที่ขัดคำสั่งของข้า พวกมันจะต้องตายไปให้หมด นับว่าพวกเจ้าตัดสินใจเลือกหนทางนี้ด้วยตนเอง ข้าไม่ได้อยากจะฆ่าพวกเจ้าตั้งแต่ตอนนี้เลย แต่ในเมื่อพวกเจ้าเห็นดีเห็นงามที่จะอพยพผู้คนออกไปนอกเมืองพร้อมกับหลินเป่ยเฉิน ในฐานะที่ข้าเป็นผู้บัญชาการสูงสุด ก็มีแต่ต้องลงโทษพวกเจ้าด้วยความตายเท่านั้น!”
ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย