“แต่..”
หลิงหยุนเอ่ยขึ้นพร้อมกับเปิดสมุดเช็คในมือออกและหยิบปากกาขึ้นมาถือไว้ จากนั้นจึงพูดกับทุกคนในห้องว่า
“ทุกคนสามารถถอนหุ้นและยกเลิกการลงทุนที่เคยทำร่วมกับตระกูลหลิงได้ แต่นั่นเท่ากับว่าทุกคนเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาที่ทำไว้กับตระกูลหลิงก่อน ดังนั้นเงินที่จะได้คืนกลับไปจะเป็นเพียงเงินในส่วนที่ทุกคนลงทุนไปเท่านั้น แต่ก็ต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับตระกูลหลิงในการบอกเลิกสัญญาด้วย..”
“รายละเอียดเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีระบุในสัญญาลงนามร่วมลงทุนแล้วทั้งนั้นคิดว่าทุกคนคงจะเข้าใจดี ข้าคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากมายอีก!”
หลิงหยุนยินดีที่จะคืนเงินลงทุนให้กับทุกคนที่มาในวันนี้แต่ทุกคนก็ต้องทำตามข้อตกลงในสัญญาด้วยเช่นกัน! มีหรือที่คนอย่างหลิงหยุนจะยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ!
‘ในเมื่อพวกเจ้าไม่ต้องการร่วมลงทุนกับตระกูลหลิงต่อและเป็นฝ่ายต้องการยกเลิกสัญญา ก็ต้องยอมจ่ายค่าเสียหายให้กับตระกูลหลิง!’
และเวลานี้หลิงหยุนก็มีเงินในบัญชีมากพอเขาจึงต้องการอาศัยโอกาสนี้สร้างผลกำไรมหาศาลให้กับตระกูลหลิง!
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อว่า“ธุรกิจใดที่พวกเจ้าลงทุนร่วมกับตระกูลหลิง ธุรกิจเหล่านั้นจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของตระกูลหลิงต่อไป แต่พวกเจ้าจะได้เพียงเงินลงทุนกลับไปเท่านั้น..”
สิ่งที่หลิงหยุนพูดออกมานั้นล้วนแล้วแต่สมเหตุสมผลทุกคนในห้องฟังแล้วก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็จะได้เงินลงทุนกลับคืนไป แม้จะต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับตระกูลหลิงเป็นค่ายกเลิกสัญญาบ้าง แต่นั่นก็นับว่าตระกูลหลิงใจกว้างมากแล้ว..
ตระกูลเล็กๆเหล่านี้นับว่าใจถึงไม่น้อยทีเดียวแม้ว่าตระกูลหลิงจะเป็นตระกูลที่อ่อนด้อยที่สุด แต่ก็เป็นถึงหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่ง การที่พวกเขารวมตัวกันมาขอถอนหุ้น และยุติความร่วมมือในธุรกิจต่างๆกับตระกูลหลิงเช่นนี้ ย่อมไม่ต่างจากการนำไข่มาทุบกับหินที่แข็งแกร่งนั่นเอง..
ในเมื่อหลิงหยุนรับปากจะคืนเงินลงทุนคืนให้เช่นนี้มีหรือที่ทุกคนในห้องจะไม่เห็นด้วย และจะไม่พอใจในข้อเสนอนี้
“เอ่อ..ผู้นำตระกูลหลิง! พวกเราเขาใจดีว่าพวกเราเป็นฝ่ายผิด และเป็นฝ่ายฉีกสัญญา การต้องจ่ายค่าปรับตามข้อตกลงในสัญญา จึงเป็นสิ่งที่พวกเรายอมรับได้ และไม่จำเป็นต้องอธิบายก็ได้..”
และในที่สุด..หนึ่งในนั้นก็กล้าที่จะเอ่ยปากพูดออกมา และคนผู้นี้ก็คือตัวแทนจากตระกูลจาง ครั้งแรกเขารู้สึกหมดหวังที่จะได้เงินลงทุนกลับคืนมาแล้ว แต่จู่ๆ หลิงหยุนกลับประกาศที่จะคืนเงินให้ทุกคนเช่นนี้ ทำให้เขาคิดไม่ถึงจริงๆ
แต่หลิงหยุนเพียงแค่หัวเราะและไม่พูดอะไร ระหว่างนั้นก็กวาดสายตามองไปยังตัวแทนจากตระกูลอื่นๆ ที่เวลานี้เอาแต่ก้มหน้าก้มตา และพยักหน้าหงึกๆเห็นด้วย
“เอาล่ะ..ในเมื่อทุกคนเห็นด้วยเช่นนี้ ข้าก็จะคืนเงินลงทุนที่หักค่าปรับแล้วให้ จากนั้นทุกคนก็นำเงินก้อนนี้กลับไป เป็นอันว่าสิ้นสุด!”
หลิงเย่วที่ยืนอยู่ข้างๆนั้นหลังจากที่ได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนก็ถึงกับอ้าปากค้าง และได้แต่คิดในใจว่า.. เขาเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดหลิงลี่จึงรีบร้อนที่จะให้หลิงหยุนขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลหลิงนัก!
หากจะพูดกันอย่างเปิดอกแล้ว..ด้วยสถานะทางการเงินของตระกูลหลิงในเวลานี้ การจะคืนเงินลงทุนทั้งหมดให้กับทุกคนในห้องนี้ ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดที่มี ก็ยังไม่เพียงพอที่จะจ่ายให้ทุกคนจนครบ..
หลิงเย่วนั้นมีหน้าที่ดูแลการเงินของตระกูลหลิงมานานหลายปีเขาจึงรู้ดีแก่ใจว่าตลอดสิบแปดปีมานี้ ตระกูลหลิงเองก็เริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ ไม่เพียงไม่สามารถเพิ่มพูนรายได้ให้มากขึ้น แต่เงินในคลังยังร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ จนแทบไม่เหลือแล้ว!
สภาพการเงินของตระกูลหลิงเวลานี้อาจจะเรียกได้ว่า..ชักหน้าไม่ถึงหลังก็ว่าได้!
และจู่ๆในเมื่อผู้ร่วมลงทุนในธุรกิจต่างๆ รวมตัวกันมาถอนหุ้น และยกเลิกธุรกิจพร้อมๆกันเช่นนี้ ในทางการเงินคงต้องเรียกว่า.. หมดตัว!
และหากตระกูลหลิงรับปากว่าจะคืนเงินทุกคนพ้อมกันในคราวเดียวเช่นนี้ไม่เพียงตระกูลหลิงจะหมดตัว และธุรกิจต่างๆก็คงไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้อีก เช่นนี้แล้วตระกูลหลิงคงต้องเข้าสู่สภาพที่เรียกว่าล้มละลายนั่นเอง!
หลังจากที่ตระกูลหลิงเซ็นต์สาส์นรับคำท้าไปแล้วตระกูลเฉินกับตระกูลซันก็ตกลงร่วมเป็นพันธมิตรกัน และป่าวประกาศให้คนทั่วปักกิ่งได้รับรู้ เพื่อสร้างความตระหนกตกใจให้กับเหล่านักธุรกิจที่ร่วมลงทุนกับตระกูลหลิงจนต้องแห่มาถอนหุ้น เพื่อเป็นการทำลายฐานทางเศรษฐกิจของตระกูลหลิงเบื้องต้นก่อน..
นับว่าเป็นวิธีการที่อุบาทว์ชาติชั่วยิ่งนัก!
แต่ถึงแม้ตระกูลหลิงจะไม่มีเงิน..แต่ยังมีหลิงหยุน!
เวลานี้หลิงหยุนมีเงินอยู่ในบัญชีมากมายแต่หลิงเย่วไม่รู้ เขารู้เพียงว่าหลิงหยุนมีกลุ่มบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นอยู่ที่เมืองจิงฉูเท่านั้น!
ในเมื่อหลิงหยุนมีเงินมากพอเหตุใดเขาจึงต้องปฏิเสธข้อเรียกร้องของคนเหล่านี้ด้วยเล่า อีกทั้งยังรับปากจะคืนเงินลงทุนให้ในทันทีด้วย!
เพราะหลิงหยุนกำลังจะฉวยโอกาสอันดีนี้ดึงธุรกิจ และโครงการต่างๆที่ตระกูลหลิงเคยร่วมมือกับตระกูลเล็กๆเหล่านี้ ให้กลับมาอยู่ในกำมือของตระกูลหลิงแต่เพียงผู้เดียว! เพราะหลายปีที่ผ่านมานั้น..ตระกูลหลิงได้ร่วมลงทุนกับตระกูลเล็กๆเหล่านี้ก็จริง แต่ผลประโยชน์ที่ได้ก็ต้องแบ่งออกไป ทำให้ผลกำไรที่ได้มาต้องถูกแบ่งออกไปให้หุ้นส่วนเหล่านี้ด้วย และเหลือถึงตระกูลหลิงไม่มากนัก
และจากสัญญาการร่วมทุนนั้นหากทุกคนในที่นี้ต้องการที่จะถอนหุ้นจริงๆ พวกเขาจะได้เงินลงทุนกลับไปเพียงแค่ 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 40 เปอร์เซ็นต์เป็นค่าปรับที่ต้องจ่ายให้กับตระกูลหลิง ซึ่งยังไม่รวมดอกเบี้ย!
ข้อตกลงนี้ทุกคนที่พากันมาในวันนี้ต่างก็รู้ดีแต่พวกเขายินดีที่จะทำตามสัญญา เพราะเพียงแค่ตระกูลหลิงรับปากจะคืนเงินให้เช่นนี้ พวกเขาก็ดีใจมากแล้ว!
และสำหรับหลิงหยุน..นี่คือการค้าที่ได้กำไรอย่างมหาศาล!
การต่อรองที่มีแต่ได้เปรียบเช่นนี้หากหลิงหยุนปฏิเสธไม่ยอมรับข้อเสนอ ก็คงต้องไม่ใช่หลิงหยุนอย่างแน่นอน! ตระกูลเฉินกับตระกูลซันต้องการให้ตระกูลหลิงล้มละลายทางการเงินก่อนที่จะถึงวันประลองแต่กลับกลายเป็นว่า.. ทั้งสองตระกูลได้ส่งของขวัญล้ำค่ามาให้กับตระกูลหลิง ทำให้นับจากนี้ตระกูลหลิงจะร่ำรวยขึ้นกว่าเดิมมากมายหลายเท่า!
……
หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เอาล่ะ.. ถ้าเช่นนั้นก็เริ่มกันได้เลย!”
จากนั้นหลิงหยุนก็ยกมือขึ้นชี้ไปที่คนตระกูลจางพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เริ่มจากเจ้าก่อน..”
คนตระกูลจางพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม“ตระกูลจางของเราร่วมลงทุนในธุรกิจบ่อน้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งห้าแห่งกับตระกูลหลิง เงินทุนที่ตระกูลจางร่วมลงทุนไปนั้นก็ราวสองพันล้านหยวน..”
ธุรกิจบ่อน้ำมันห้าแห่งทางภาคตะวันตกเฉียงเหนืองั้นรึ หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าตระกูลหลิงจะมีธุรกิจบ่อน้ำมันด้วยจึงได้แต่หันไปมองหน้าหลิงเย่ว..
หลิงเย่วยิ้มให้พร้อมกับบอกหลิงหยุนผ่านกระแสจิตว่า..
–หลิงหยุน..นี่เป็นธุรกิจของตระกูลหลิงตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว เพียงแต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น เวลานี้ตระกูลหลิงก็เหลือบ่อน้ำมันเพียงแค่ห้าแห่งนี้ แต่ถึงอย่างนั้นตระกูลหลิงยังไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเอง จึงต้องขายหุ้น และเปิดให้ตระกูลจางมาลงทุนร่วมด้วย!-
ในเวลานั้น..คนตระกูลจางก็พูดขึ้นว่า “หลังจากหักค่าปรับและดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้ตระกูลหลิงแล้ว คงเหลือเงินที่ตระกูลหลิงต้องคืนให้ตระกูลจางหนึ่งพันล้านหยวน..”
“ผมได้เตรียมเอกสารยกเลิกสัญญามาด้วยแล้วขอเชิญผู้นำตระกูลอ่านดูก่อน..”
คนตระกูลจางพูดด้วยท่าทางหวาดกลัวและเกรงว่าหลิงหยุนจะโมโห แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองกลับพบว่าหลิงหยุนมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และอารมณ์ดีกว่าก่อนหน้านี้มาก! novel-lucky
หลิงหยุนต้องพยายามกลั้นยิ้มและรีบเซ็นต์เช็คหนึ่งพันล้านหยวนส่งให้เหล่ากุ่ย เพื่อให้นำไปมอบให้กับคนตระกูลจางทันที..
หลังจากกวาดตาดูข้อความในเอกสารยกเลิกสัญญาแล้วหลิงหยุนก็จัดการเซ็นต์ชื่อ และยื่นให้กับหลิงเย่วไป..
และเพียงแค่นี้..บ่อธุรกิจน้ำมันทั้งห้าแห่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็ตกเป็นของตระกูลหลิงแต่เพียงผู้เดียวแล้ว!
หลิงหยุนเห็นสีหน้ากังวลเล็กน้อยของคนตตระกูลจางก็สามารถเข้าใจได้ จึงพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่ต้องห่วง.. เช็คของข้าไม่เด้งแน่!”
หลังจากได้เงินแล้วคนตระกูลจางก็ทำท่าทางจะลุกและเดินออกนอกห้องไป แต่หลิงหยุนรีบร้องบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ..
“เจ้านั่งลงก่อน..ในเมื่อพวกเจ้ามาด้วยกัน ก็ควรจะกลับออกไปพร้อมกัน!” ……….
ในเมื่อเรื่องทั้งหมดยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีหลิงหยุนจะปล่อยให้ตระกูลจางกลับไปก่อนได้อย่างไรกัน
จากนั้น..หลิงหยุนก็หันไปทางคนตระกูลหลิวพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ถึงคราวของเจ้าแล้ว!”
คนตระกูลหลิวยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ไหลอาบเต็มใบหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ตระกูลหลิวร่วมลงทุนในโครงการเขื่อนขนาดใหญ่กับตระกูลหลิง..”
ระหว่างที่พูดนั้นก็เดินถือสัญญาเข้าไปหาหลิงหยุนด้วยท่าทางระมัดระวังหลังจากวางสัญญาฉบับนั้นลงบนโต๊ะหน้าหลิงหยุนแล้ว เขาก็รีบหันไปมองหลิงเย่วทันที
“คุณชายสอง..โครงการเขื่อนขนาดใหญ่บนแม่น้ำเหลืองนี้ใกล้จะเสร็จสิ้นในอีกครึ่งปีนี้แล้ว แต่น่าเสียดายที่..”
ตระกูลหลิงดูแลกระทรวงทรัพยากรน้ำอยู่และตระกูลหลิวก็ต้องใช้เวลาพอควรกว่าที่จะได้ร่วมมือกับตระกูลหลิงในการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่นี้ได้ พวกเขาลงทุนไปกว่าสามพันล้านหยวน แต่เมื่อใกล้ได้เวลาที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ เขากลับต้องเป็นฝ่ายมาขอยกเลิกสัญญาเสียเอง..
หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมกับพูดขึ้นว่า“คนตระกูลหลิว.. เจ้าเป็นฝ่ายต้องการยกเลิกสัญญาเองนี่!”
จากนั้นหลิงหยุนก็พูดกับคนตระกูลหลิวผ่านกระแสจิต–คุณหลิว.. เวลานี้จะมานึกเสียใจก็สายไปแล้ว หากเจ้าเชื่อท่านลุงเย่วของข้าตั้งแต่แรก ก็คงไม่ต้องเป็นเช่นนี้..-
คนตระกูลหลิวถึงกับหน้าเสียและพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ! ในเมื่อสายเกินไปแล้ว ตระกูลหลิงคืนเงินให้พวกเราครึ่งหนึ่ง ก็ยังดีกว่า..”
คนตระกูลหลิงตั้งใจที่จะพูดออกไปว่า..ก็ยังดีกว่าจะไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย! แต่สุดท้ายกลับไม่กล้าพูดออกไป เพราะเกรงจะถูกหลิงหยุนฆ่าตาย หากเขาพูดประโยคนั้นออกไป ไม่เท่ากับพูดว่าตระกูลหลิงจะพ่ายแพ้กรประลองในครั้งนี้หรอกหรือ
หลิงเย่วได้แต่ถอนหายใจเพราะอย่างน้อยเขากับคุณโสหลิวก็มีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันมาโดยตลอด!
“ในเมื่อเจ้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญา..บอกมาว่าต้องการเท่าไหร่”
หลิงหยุนไม่สนใจว่าคนตระกูลหลิวผู้นี้จะคิดเช่นไรเขาจำต้องรีบเร่งจ่ายเงินให้เสร็จสิ้น เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ..
คนตระกูลหลิวตอบกลับไปทันที“ตระกูลหลิวลงทุนไปสามพันหกร้อยล้านหยวน พวกเราขอคืนเพียงแค่ครึ่งเดียว!”
“ตกลง..ข้าจะเซ็นต์เช็คหนึ่งพันแปดร้อยล้านหยวนให้กับเจ้า!”
พูดจบหลิงหยุนก็จัดการเซ็นต์เช็คหนึ่งพันแปดร้อยล้านหยวนและยื่นให้กับคนตระกูลหลิวทันที!
คนตระกูลหลิวจ้องมองเช็คในมือและมองหลิงหยุนเซ็นต์เอกสารยกเลิกสัญญาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจไม่น้อย..
หลังจากนำร่องไปด้วยสองตระกูลคนอื่นๆจึงค่อยกล้ามากขึ้น และรู้ว่าหากพวกเขาไม่พูดมาก และไม่สร้างปัญหา ก็สามารถคุยกับหลิงหยุนด้วยดีได้..
ภายในเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงหลิงหยุนก็จัดการเซ็นต์เช็คไปทั้งหมดเก้าพันล้านหยวน!
แต่นั่นก็เท่ากับว่าหลิงหยุนได้นำเงินกลับเข้าตระกูลหลิงได้ถึงเก้าพันล้านเช่นกัน!
ตระกูลหลิงต่างหากที่จะเป็นฝ่ายได้กับได้!อีกทั้งนับจากนี้ไป ธุรกิจทั้งหมดนี้ก็จะเป็นเอกสิทธิ์ของตระกูลหลิงแต่เพียงผู้เดียว!
หลังจากที่จัดการเรื่องของเหล่าตระกูลเล็กทั้งสิบตระกูลไปแล้วหลิงหยุนก็วางปากกาในมือลง และหันไปทางชายสองคนที่นั่งหน้าบวมไม่พูดไม่จา
เวลานี้หานเถี่ยซินและจ้าวจิ่งหมิงไม่เพียงหน้าบวมแต่ใบหน้าเริ่มมีรอยช้ำเป็นสีม่วง ฟันร่วงเกือบหมดปาก ทั้งคู่เจ็บปวดจนไม่สามารถพูดเสียงดังได้อีก!
หลิงหยุนพูดกับทั้งสองคนว่า“เอาล่ะ.. ถึงคราวของพวกเจ้าแล้ว นำเอกสารยกเลิกมาให้ข้า!”
หานเถียนซินและจ้าวจิ่งหมิงได้แต่หันไปมองหน้ากันด้วยความงุนงงเพราะคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่หลิงหยุนสั่งตบหน้าพวกตนทั้งคู่แล้ว จะยังยินดีคืนเงินลงทุนให้ ทั้งคู่เดินถือเอกสารไปหาหลิงหยุนด้วยสีหน้าดีอกดีใจ..
จ้าวจิ่งหมิงลังเลเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้นวา่“ผม.. ผมพูดได้แล้วใช่มั๊ย”
หลิงหยุนถึงกับหัวเราะออกมา“ฮ่า.. ฮ่า.. ก็ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าจะจัดการให้เจ้าได้อย่างไรกันเล่า เมื่อครู่ข้าแค่สั่งสอนให้เจ้ารู้ว่าวันหลังอย่าได้พูดจาเพ้อเจ้ออีก!”
…….
หลังจากหลิงหยุนอ่านเอกสารทั้งหมดแล้วก็จัดการเซ็นต์เช็คให้ทั้งคู่ไปอีกร่วมหนึ่งพันแปดร้อยล้าน..
หลิงหยุนมีความสุขอย่างมากที่ได้ช่วยดึงกิจการทั้งหมดกลับมาอยู่ในมือของตระกูลหลิงได้อีกครั้ง..
หลังจากที่หลิงหยุนจัดการคืนเงินให้กับทุกคนและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้แล้ว เขาก็หันไปทางหานเถี่ยซิน และจ้าวจิ่งหมิงพร้อมกับถามขึ้นว่า
“คนแซ่หาน..คนแซ่จ้าว.. ตอบข้ามา.. ตระกูลหลิงของข้าคดโกงเจ้าหรือไม่”
ทั้งหานเถี่ยซินและจ้าวจิ่งหมิงต่างก็สั่นไปด้วยความหวาดกลัว จากนั้นหานเถี่ยซินก็รีบระล่ำระลักตอบไปว่า
“ผมผิดไปแล้ว..ผมปากพล่อยพูดอะไรออกไปโดยไม่คิด!”
ส่วนจ้าจิ่งหมิงนั้นก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่พูดไม่จา..
หลิงหยุนจึงถามขึ้นว่า“ถ้าเช่นนั้นข้าสั่งสอนพวกเจ้า เป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่”
ทั้งสองคนพยักหน้าและพูดขึ้นมาพร้อมๆกัน“ถูกต้อง.. ถูกต้องแล้ว!”
ปัง!!
แต่แล้วจู่ๆหลิงหยุนก็ตบโต๊ะเสียงดังพร้อมกับตะโกนถามออกไปว่า..
“ถ้าเช่นนั้นก็บอกข้ามาว่า..ใครสั่งให้พวกเจ้าสองคนมาก่อกวนตระกูลหลิงเช่นนี้”