บทที่ 1142 ได้เวลาเตรียมสนามประลอง

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

“พูด!”
  ครั้งนี้หลิงหยุนใช้มังกรคำรามตะโกนสั่งให้หานเถี่ยซินกับจ้าวจิ่งหมิงสารภาพเสียงของเขาจึงดังกระหึ่ม และแทงทะลุเข้าไปในแก้วหูของเหล่านักธุรกิจทั้งหมดที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก
  ทั้งหานเถี่ยซินและจ้าวจิ่งหมิงต่างก็หวาดกลัวกันจนขาสั่นหานเถี่ยซินถึงกับแข้งขาอ่อนแรง และทรุดลงไปนั่งกับพื้นทันที ในขณะที่จ้าวจิ่งหมิงนั้นตกใจจนผงะถอยหลังไปชนเก้าอี้ และล้มลงหน้ากระแทกกับพื้นเช่นกัน..
  ส่วนนักธุรกิจคนอื่นๆที่นั่งอยู่ในห้องต่างก็รู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลังขึ้นมาทันทีและเหงื่อเม็ดใหญ่ก็ผุดขึ้นเต็มใบหน้า บรรยากาศในห้องรับแขกตอนนี้เริ่มตึงเครียด จนไม่มีผู้ใดกล้าแม้แต่จะหายใจแรง เพราะเกรงว่าเสียงหายใจของตนนั้น จะไปสร้างความไม่พอใจให้กับหลิงหยุนจนถูกลงโทษเหมือนหานเถี่ยซินกับจ้าวจิ่งหมิง
  นักธุรกิจทุกคนที่เดินทางมาบ้านตระกูลหลิงในครั้งนี้ก็แค่ต้องการเงินลงทุนของตนเองคืนเท่านั้น ในเมื่อตอนนี้ก็ได้รับแล้ว เหตุใดยังต้องสร้างปัญหาให้กับตนเองอีกเล่า เพราะหากหลิงหยุนจะจัดการพวกเขาเหมือนกับที่ทำกับตัวแทนตระกูลหาน และตระกูลจ้าว พวกเขาก็คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
  หลิงหยุนเห็นท่าทีของทั้งสองคนแล้วก็ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่ตนคาดเดาไว้ตั้งแต่แรกนั้นถูกต้อง และการที่ทั้งคู่ตั้งใจมาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับตระกูลหลิงนั้น เพราะมีคนสั่งการอยู่เบื้องหลังนั่นเอง!
  ไม่เช่นนั้น..ทั้งสองคนคงไม่กล้าเสี่ยงที่จะมาทำอะไรเช่นนี้ในตระกูลหลิงเป็นแน่!
  และใครที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้นั้นหลิงหยุนก็แทบไม่ต้องคาดคั้นเอาคำตอบจากทั้งสองคนด้วยซ้ำไป เพราะจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตระกูลเฉินกับตระกูลซัน!
  แต่ถึงอย่างไร..หลิงหยุนก็ต้องการให้ทั้งสองคนพูดออกมาจากปาก และให้ทุกคนที่อยู่ในห้องรับแขกนี้ได้ยินทั่วกัน!
  หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆเขาจ้องมองหานเถี่ยซินที่นั่งเหงื่อท่วมตัวอยู่กับพื้น และมองจ้าวจิ่งหมิงที่กำลังนอนหน้าทิ่มดิ้นขลุกขลักอยู่บนพื้น..
  “เงยหน้าขึ้นมา!”
  จ้าวจิ่งหมิงรีบเงยหน้าขึ้นมาตามคำสั่งของหลิงหยุนใบหน้าของเขาซีดเผือด ร่างกายสั่นเทิ้ม และหวาดกลัวจนถึงกับปัสสาวะราด
  หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับยกมือขึ้นถูจมูกพร้อมกับร้องสั่งว่า“หึ.. นี่เจ้าถึงกับปัสสาวะราดเลยงั้นรึ”
  จากนั้นจึงหันไปสั่งเหล่ากุ่ย“จัดการโยนมันออกไปข้างนอก..”
  เหล่ากุ่ยเดินตรงเข้าไปหาจ้าวจิ่งหมิงพร้อมกับเอื้อมมืออกไปคว้าร่างของเขาโยนออกไปนอกห้องรับแขกทันที..   “คนแซ่หาน..เจ้าจะบอกข้าได้หรือยังว่าผู้ใดสั่งให้เจ้ามาก่อกวนที่นี่”
  หลิงหยุนจ้องมองหานเถี่ยซินและพูดขึ้นยิ้มๆ “เอาล่ะ.. เจ้าจะไม่ตอบก็ได้! แต่ถ้าเจ้าไม่ตอบก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอดออกไปจากบ้านตระกูลหลิงได้เลย!”
  “แต่หากเจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าทำจริง..อยากจะลองดูก็ได้!”
  หานเถี่ยซินที่ตอนนี้กำลังนั่งหน้าเศร้าและเจ็บปวดอยู่นั้น เขากัดฟันแน่น และดูเหมือนจะกำลังคิดใคร่ครวญอย่างหนัก ในที่สุดก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับผลักเก้าอี้ตรงหน้าออก จากนั้นจึงเดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุน เมื่อไปถึงก็ทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าเขา และเริ่มสารภาพความจริงทั้งหมด..
  “ผู้นำตระกูลหลิง..ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย! ผมยอมพูดแล้ว.. ผมจะเล่าทุกอย่างให้คุณฟังทั้งหมด!”
  จากนั้นหานเถี่ยซินก็เงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนพร้อมกับสารภาพด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย และสำนึกผิด..
  “คนตระกูลเฉินติดต่อผมมาและบอกกับผมว่า.. หลังจากนี้อีกสามวันเมื่อการประลองสิ้นสุดลง ตระกูลหลิงจะต้องพ่ายแพ้ให้กับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน! และหากผมช่วยปลุกระดมนักธุรกิจที่ร่วมลงทุนกับตระกูลหลิงให้มาถอนหุ้น และยุติการร่วมทุนต่างๆกับตระกูลหลิงได้ ทรัพย์สินและธุรกิจของตระกูลหลิงที่ยึดได้หลังพ่ายแพ้การประลอง จะยกให้กับตระกูลหาน และตระกูลจ้าวแบ่งกัน!”
  “ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
  ทันทีที่หานเถี่ยซินสารภาพออกมาหลิงหยุนถึงกับเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นจึงก้มหน้าลงมองหานเถี่ยซินที่นั่งคุกเข่าอยู่แทบเท้าตนเอง พร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “อ่อ..หลังจากที่เจ้าหลงเชื่อคำพูดคนตระกูลเฉิน ก็เริ่มเดินสายปลุกระดมคนพวกนี้ให้มาที่บ้านตระกูลหลิง เพื่อสร้างความวุ่นวายขึ้นที่นี่สินะ”   หานเถี่ยซินไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนเขาได้แต่ก้มหัว และเพียงแค่ผงกหัวหงึกๆเท่านั้น..
  หลิงหยุนทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยัน “หึ.. พวกเจ้าทุกคนในห้องนี้ก็ล้วนแล้วแต่โง่สิ้นดี!”
  “เสียทีที่พวกเจ้าอาศัยอยู่ในปักกิ่งมานานหลายปีเหตุใดพวกเจ้าจึงไม่ฉุกคิดกันบ้างว่า หากตระกูลเฉินกับตระกูลซันแข็งแกร่งกว่าตระกูลหลิงจริง และมั่นใจว่าจะเอาชนะตระกูลหลิงในการประลองครั้งนี้ได้ เหตุใดทั้งสองตระกูลยังต้องประกาศเป็นพันธมิตรกันเช่นนี้ด้วย”
  “มีเหตุผลอะไรที่สองตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่งถึงกับจะต้องร่วมมือกันเพื่อจัดการกับตระกูลอ่อนแออย่างตระกูลหลิงตระกูลเดียวด้วย”
  “พวกเจ้าในที่นี้ลองใคร่ครวญดูให้ดี..ตระกูลเช่นใดจึงจะมีค่าเพียงพอให้สองตระกูลใหญ่ต้องทำเช่นนั้นด้วย”
  หลิงหยุนไม่เพียงแค่ต้องการอธิบายให้หานเถี่ยซินฉุกคิดได้เท่านั้นแต่เขาต้องการให้นักธุรกิจจากตระกูลเล็กๆที่มาในวันนี้ฉุกคิดได้ด้วยเช่นกัน..
  ระหว่างที่พูดนั้น..หลิงหยุนก็ได้กวางตามองไปยังเหล่านักธุรกิจหน้าโง่ทั้งหลายที่อยู่ในห้อง ก่อนจะอธิบายต่อพร้อมกับตำหนิไปตรงๆ
  “พวกเจ้าในห้องนี้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่โง่เง่าสิ้นดี!”
  “เพียงแค่ได้ยินว่าตระกูลเฉินกับตระกูลซันร่วมมือกันก็ลืมที่จะใช้สมองไตร่ตรองใคร่ครวญดูว่า.. เหตุใดทั้งสองตระกูลจึงต้องจับมือเป็นพันธมิตรกันเช่นนั้น และเหตุใดจึงต้องให้ทุกคนรีบมาขอเงินลงทุนคืนจากตระกูลหลิง..”
  “พวกเจ้าลองคิดดูให้ดี..หากตระกูลเฉินกับตระกูลซันเป็นฝ่ายชนะการประลองจริง ธุรกิจและทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหลิงก็ต้องตกเป็นพวกเขาสองตระกูลอยู่แล้ว และหากข้าเป็นพวกเขา.. ข้าย่อมต้องยึดธุรกิจและทรัพย์สินเหล่านั้นไว้เองอยู่แล้ว ข้าคงไม่ใจดียกให้กับเจ้าเป็นแน่!”
  “การที่ตระกูลเฉินต้องการให้พวกเจ้าแห่มาถอนหุ้นและขอเงินลงทุนคืนนั้น ก็เพื่อต้องการให้ตระกูลหลิงของเราขาดแคลนเงินเท่านั้นเอง!”
  “…..”
  ทุกคนในห้องต่างก็พากันนิ่งอึ้งหลังจากที่ได้ฟังหลิงหยุนอธิบายอย่างละเอียดส่วนหานเถี่ยซินถึงกับเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุนด้วยความรู้สึกอับอาย..
  นั่นเพราะสิ่งที่หลิงหยุนกำลังอธิบายนั้นไม่ได้ยากเย็นเกินกว่าที่จะทำความเข้าใจได้เลย และเวลานี้แต่ละคนก็เริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้แล้ว สภาพของทุกคนราวกับกำลังตื่นจากฝันกลางวัน พวกเขาเริ่มนึกถึงคำพูดของหลิงหยุนก่อนหน้านี้ ที่พยายามเตือนสติทุกคนก่อนที่จะเริ่มลงมือจ่ายเงินคืนให้..
  หลิงหยุนพูดได้ถูกต้องยิ่งนัก!หากตระกูลหลิงอ่อนแอจริง เหตุใดตระกูลเฉินยังต้องใช้วิธีนี้จัดการกับตระกูลหลิงด้วยเล่า
  และหากตระกูลหลิงเป็นฝ่ายชนะการประลอง..นั่นย่อมหมายความว่าตระกูลหลิงเพียงตระกูลเดียว แต่สามารถล้มตระกูลใหญ่ได้ถึงสองตระกูลในคราวเดียว ตระกูลหลิงจะแข็งแกร่งมาเพียงใด
  แต่หากตระกูลหลิงพ่ายแพ้..ทั้งสองตระกูลก็ยังเป็นเพียงแค่ตระกูลอันดับสาม และสี่ดังเดิม!
  แต่ตระกูลเล็กๆอย่างพวกเราที่อยู่ตรงนี้เล่า
  ยิ่งไปกว่านั้น..การที่หลิงหยุนจัดการคืนเงินให้กับนักธุรกิจทุกคนโดยไม่ลังเลเช่นนี้ ย่อมแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงในระดับหนึ่ง ไม่เช่นนั้นก็คงยากที่จะทำเช่นนี้ได้!
  เมื่อคิดได้เช่นนี้..เหล่าตัวแทนจากตระกูลเล็กๆ ที่อยู่ในห้องก็เริ่มขนลุกขนชันขึ้นมาทันที ราวกับว่าถูกจับโยนลงไปในถังน้ำแข็งขนาดใหญ่!
  หลายคนเริ่มนึกเสียใจในการตัดสินใจของตนเองและบางคนก็หันไปจ้องมองหลิงเย่วด้วยแววตาอ้อนวอนขอร้อง แต่หลิงเย่วก็ทำได้เพียงแค่ส่ายหน้า และถอนหายใจเพราะไม่สามารถช่วยอะไรด้..
  และคนผู้นั้นก็คือคนตระกูลหลิว..เขาลงทุนไปทั้งเงินสามพันกว่าล้าน ทุ่มเททั้งเวลา แรงกายและแรงใจไปกับโครงการนี้ อีกเพียงแค่ครึ่งปีก็จะได้เก็บเกี่ยวดอกผลแล้ว แต่เพียงเพราะต้องการรักษาเงินลงทุนครึ่งหนึ่งไว้ จนยอมแลกกับการยกเลิกสัญญา..
  ครั้งนี้ไม่เพียงตระกูลหลิวต้องสูญเสียเงินก้อนโตแต่ยังต้องสูญเสียสัมพันธภาพที่ดีกับตระกูลหลิงด้วย..
  เอกสารยกเลิกสัญญาก็เซ็นต์แล้วเงินก็รับมาแล้ว ทุกอย่างสายเกินแก้แล้ว!
  ทุกคนในที่นี้ล้วนแล้วแต่ตัดสินใจเองทั้งสิ้นว่าจะเลือกอยู่ฝ่ายใด!   การที่ตระกูลเหล่านี้ร่วมลงทุนกับตระกูลหลิงที่ผ่านมาย่อมนับว่ามีสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับตระกูลหลิงในระดับหนึ่ง แต่ในยามที่ตระกูลหลิงเกิดวกฤติ ทุกคนก็ได้แสดงธาตุแท้ของตนเองออกมา..
  ไม่เพียงคนตระกูลหลิวที่นึกเสียใจแต่ทุกคนในห้องนั้นต่างก็รู้สึกเสียใจ และเสียดายขึ้นมาเช่นกัน!
  หลิงหยุนยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน..“ข้าเตือนพวกเจ้าทุกคนตั้งแต่แรกแล้วว่า.. หากตระกูลหลิงเป็นฝ่ายชนะการประลองเล่า แต่กลับไม่มีใครฟังข้า..”
  “วันนี้ข้า..หลิงหยุน ในฐานะผู้นำตระกูลหลิง ขอบอกกับพวกเจ้าทุกคนว่า การประลองที่จะถึงนี้ ข้ามั่นใจว่าจะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน!”
  “และพวกเจ้าคงไม่ต้องรออีกนานนัก..เพราะในวันที่ 1 กันยายนนี้ พวกเจ้าก็จะรู้ผลแพ้ชนะแล้ว!”
  จากนั้นหลิงหยุนจึงหันไปสั่งเหล่ากุ่ยว่า“เหล่ากุ่ย.. หานเถี่ยซินกับจ้าวจิ่งหมิงบังอาจเข้ามาสร้างความวุ่นวายในตระกูลหลิงของข้า ท่านจัดการหักขาของพวกมันสองคนเป็นการสั่งสอนแทนข้าที!”
  เหล่ากุ่ยรับคำสั่งและจัดการโยนร่างของหานเถี่ยซินออกไปนอกห้อง จากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงกร๊อบ.. ซึ่งเป็นเสียงกระดูกหักดังขึ้นทั่วทั้งบริเวณ
  ในเมื่อบังอาจเข้ามาสร้างความวุ่นวายในบ้านตระกูลหลิงและนี่คือจุดจบของพวกมัน!
  ทุคนในห้องต่างพากันนิ่งด้วยความหวาดกลัวและสยดสยอง..
  หลังจากจัดการแก้ปัญหาทุกอย่างแล้วหลิงหยุนจึงโบกมือไล่ทุกคนในห้องให้กลับไป “พวกเจ้ากลับออกไปกันได้แล้ว และลากเจ้าสองคนนั่นออกไปด้วย!”
  ………..
  หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องมีมารยาทกับคนที่เห็นเพียงแค่ประโยชน์ของตระกูลหลิงในยามที่ได้รับผลประโยชน์ก็เข้ามา ในยามที่ตระกูลหลิงพบเจอปัญหาก็รีบถีบหัวส่ง..
  ทุกคนในห้องต่างพากันเดิมก้มหน้าก้มตาออกจากห้องรับแขกไปและไม่ลืมที่จะช่วยกันลากหานเถี่ยซินกับจ้าวจิ่งหมิงกลับออกไปอย่างทุกลักทุเลด้วย..
  หลังจากที่ทุกคนกลับออกไปจากห้องแล้วหลิงหยุน หลิงเย่ว และเหล่ากุ่ย ต่างก็พากันเดินออกจากห้องรับแขกไปด้วยเช่นกัน
  “หลิงหยุน..เจ้าช่วยตระกูลหลิงไว้ได้อีกครั้งแล้ว!” novel-lucky
  “ครั้งนี้หากไม่ได้เจ้า..ตระกูลหลิงคงต้องถึงคราวล้มละลายอย่างแท้จริง!”
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“ลุงสอง.. เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น! ข้าเป็นผู้นำตระกูลหลิง เงินของข้าก็คือเงินของตระกูลหลิงไม่ใช่รึ หากปล่อยให้ตระกูลหลิงล้มละลาย ข้าคงเป็นผู้นำตระกูลที่ไม่เอาใหนสินะ?”
  ………  ความจริงเมื่อครู่นั้นเงินสดในธนาคารของหลิงหยุนก็เกือบจะไม่พอแต่โชคดีที่เขามีเงินจำนวนหนึ่งพันล้านหยวนที่เกาเทียนหลงมอบให้ในวันเปิดบริษัท เทียนตี้ คอร์ปอเรชั่น ไม่เช่นนั้นเขาเองก็คงเสียหน้าไม่น้อย
  เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ทำให้หลิงหยุนนึกถึงเกาเฉินเฉินขึ้นมาเพราะตั้งแต่เขากลับเข้าตระกูลหลิงก็ยังไม่ได้ติดต่อเกาเฉินเฉินเลย จึงไม่รู้ว่าเวลานี้ตระกูลเกาเป็นเช่นใดบ้าง แต่เพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันประลองแล้ว หลิงหยุนจึงต้องหยุดคิดเรื่องตระกูลเกาไว้ก่อน..
  หลิงหยุนแอบคิดว่า..ด้วยสถานการณ์ของตระกูลเกาเวลานี้ ต่อให้อยากจะช่วยเขาก็คงไม่สามารถช่วยอะไรได้ สู้ให้ตระกูลเกาค่อยๆแอบฟื้นฟูความแข็งแกร่งจะดีกว่า และเพียงแค่ตระกูลเกาสามารถดูแลตนเองให้ปลอดภัยได้ ก็นับว่าเป็นการช่วยหลิงหยุนมากแล้ว!
  หลิงหยุนกับหลิงเย่วเดินคุยกันไปจนถึงสวนชั้นที่สามซึ่งตกแต่งเป็นแนวโบราณผสมผสานกับแนวสมัยใหม่ และในช่วงที่หลิงเจิ้นอาศัยอยู่ที่นี่ เขาก็แทบไม่เคยย่างกรายเข้ามาเลย..
  หลิงเย่วบอกให้หลิงหยุนนำกุญแจที่หลิงลี่มอบให้ออกมาเปิดประตูบ้านและทั้งหมดก็เดินเข้าไปด้านใน โดยมีเหล่ากุ่ยเดินนำไปเปิดไฟภายในบ้านให้..
  หลังจากหลิงเย่วพาหลิงหยุนเดินดูห้องต่างๆภายในบ้านแล้ว ทั้งสามจึงกลับไปนั่งคุยกันในห้องรับแขก
  หลิงเย่วเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า“หลิงหยุน.. สวนชั้นที่สามเคยจะเป็นของพ่อของเจ้ามาก่อน!”
  “พ่อของเจ้าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างมากและท่านปู่ก็ตั้งใจที่จะให้น้องสามขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลิงต่อจากท่าน! ท่านปู่จึงได้ย้ายออกจากสวนชั้นที่สามแห่งนี้..”
  “แต่หลังจากเกิดโศกนาฏกรรมกับตระกูลหลิงในครั้งนั้นพ่อของเจ้าสูญเสียวรยุทธและกำลังภายใน ลุงใหญ่จึงได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลิงแทน และได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่นับตั้งแต่นั้นมา..”
  แต่หลิงหยุนกลับพูดขึ้นว่า“ท่านลุงสอง.. ความจริงแล้วข้าไม่ได้อยากเป็นผู้นำตระกูลหลิงเลย! หากท่านยินดีรับตำแหน่งนี้ ข้าก็ยินดียกให้ท่านลุงทันที!”
  แต่หลิงเย่วรีบส่ายหน้าทันที“ไม่ได้นะ! ข้าไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับตำแหน่งนี้ได้!”
  “หากเป็นตระกูลเล็กๆที่มากันในวันนี้ข้าก็ยังพอจะรับมือได้ แต่หากเป็นตระกูลหลงกับตระกูลเย่เล่า ข้าจะทำเช่นใด มีหวังตระกูลหลิงคงต้องถูกข่มเหงให้เสียหน้าเช่นเคย!”
  “ผู้นำตระกูลก็เสมือนหน้าตาของตระกูลนั่นล่ะอีกทั้งยังบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของตระกูลด้วย! ไม่เช่นนั้นท่านพ่อคงจะไม่เลือกให้เจ้ามาทำหน้าที่นี้่แน่!”
  หลิงหยุนได้แต่นั่งฟังนิ่งไม่พูดไม่จา..หลิงเย่วจึงกลับมาพูดถึงเรื่องบ้านต่อ..
  “หลิงหยุน..ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของลุงใหญ่ ข้าได้ให้คนขนออกไปหมดแล้ว และได้สั่งให้ทำความสะอาดไว้แล้วด้วย เจ้าต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมก็บอกข้าได้ ข้าจะจัดหาให้เอง..”
  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ..หลังจากนั้นทั้งสามคนก็นั่งคุยกันถึงเรื่องการประลองกันต่อร่วมสองชั่วโมง จากนั้นทั้งหมดจึงแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน..
  ………
  ตกดึก..หลิงหยุนก็ได้นำลูกเหล็กไปร้อยกว่าลูก และมุ่งหน้าไปยังองค์กรนักฆ่าสาขาปักกิ่ง..
  นั่นเพราะตามกฏการประลองแล้วพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ตระกูลหลิงต้องแจ้งสถานที่ประลองให้ตระกูลเฉินกับตระกูลซันทราบแล้ว!
  ดังนั้น..ในคืนนี้หลิงหยุนจึงต้องไปเตรียมสนามประลอง และเป็นการเตรียมการขั้นสุดท้ายของเขาแล้ว!