บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 1009

เมเดลีนถามอย่างสงสัย ทว่าพบเพียงรอยยิ้มอันขมขื่นจากท่าทางอ่อนโยนของเขา

“คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงกลายมาเป็นศิลปินสมัครเล่น?” ไรอันถาม

หญิงสาวจึงส่ายหัวแล้วยิ้ม “บอกหน่อยสิคะ”

ไรอันหันไปมองเมเดลีน “เพราะคุณ ที่ทำให้ผมเป็นผมอย่างในทุกวันนี้”

“ฉันเหรอคะ?” เมเดลีนสับสนเมื่อไรอันเริ่มเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหลายปีก่อน

ก่อนหน้านั้นเมเดลีนเพิ่งเรียนจบมัธยมปลาย และมันเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนก่อนเปิดเทอมมหาวิทยาลัย

เมเดลีนได้งานพาร์ทไทม์ที่ร้านขนมหวาน วันหนึ่งตอนที่เธอเดินออกไปข้างนอกก็พบเข้ากับแผงขายงานศิลปะริมถนน

ในตอนนั้นเมเดลีนยังไม่ได้สนใจการออกแบบเครื่องประดับ แต่ศิลปะก็เป็นสิ่งที่เรียกความสนใจจากเธอได้ เมื่อเดินเข้าไปดู เธอก็พบว่างานศิลปะค่อนข้างน่าสนใจกว่าที่คิด

ดังนั้น เธอจึงหยิบมันขึ้นมาดู

ทันใดนั้นก็มีเด็กชายคนหนึ่งเข้ามาถามอย่างใจเย็นว่า “คุณต้องการมันไหม?”

เธอตกใจมาก แต่เด็กชายก็พูดต่อก่อนที่เธอจะตอบกลับไปว่า “จ่ายเท่าไรก็ได้ที่คุณคิดว่ามันคุ้ม”

“…” เมเดลีนยังเป็นผู้หญิงไร้เดียงสาที่เขินอายเกินกว่าจะวางงานศิลปะลงหลังจากที่หยิบมันขึ้นมาแล้ว ด้วยเหตุนี้ เธอจึงคุ้ยกระเป๋าเพื่อหาเงิน แต่เธอพบเพียงเหรียญหนึ่งดอลลาร์เท่านั้น เธอสามารถจ่ายมันด้วยโทรศัพท์ได้ แต่เงินจำนวนนั้นเธอต้องเอาไว้ใช้สำหรับค่าเล่าเรียน

เธอวางเหรียญลงและพูดว่า “ขอโทษนะ แต่ตอนนี้ฉันมีติดตัวอยู่เท่านี้จริง ๆ”

จากนั้นเธอจึงให้กำลังใจเขา “สไตล์งานศิลปะของเธอมีความรู้สึกที่ไม่เหมือนใคร ทำต่อไปนะ ฉันเชื่อว่าเธอจะพัฒนาฝีมือ และประสบความสำเร็จมากกว่าที่เธอคิดเลยล่ะ”

จากนั้นเมเดลีนก็จากไปพร้อมกับงานศิลปะ ทิ้งให้เด็กชายหยิบเหรียญที่เธอมอบให้เขาด้วยรอยยิ้ม

ในที่สุดเมเดลีนก็เข้าใจความหมายของไรอัน เมื่อเขาถามว่าเธอยังจำเหรียญนั่นได้ไหม

เธอลืมเกี่ยวกับการเผชิญหน้าครั้งนี้ไปนานแล้วและอาจจำไม่ได้เลยหากไรอันไม่ได้บอกกับเธออีกครั้ง

อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้เมเดลีนสับสนมากขึ้นกว่าเดิม “ครอบครัวโจนส์เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลเศรษฐีรายใหญ่ของเกลนเดล ทำไมนายน้อยอย่างคุณถึงขายภาพวาดข้างถนนล่ะคะ?”

“ผมรักศิลปะและอยากทำงานในต่างประเทศ แต่พ่อแม่ต้องการให้ดูแลธุรกิจของครอบครัว วันนั้นเราทะเลาะกันครั้งใหญ่เลยล่ะ”

“ด้วยความโกรธ พ่อของผมตำหนิและบอกว่าจะไม่มีใครซื้องานศิลปะของผม พ่อบอกว่าตราบใดที่ผมขายมันได้ก่อนสี่โมงเย็นในวันนั้น พ่อก็จะยอมให้ผมไปเรียนต่างประเทศ

“แล้วสิบนาทีก่อนถึงกำหนด คุณก็มาช่วยผมเอาไว้”

ท้ายที่สุดเมเดลีนก็เข้าใจ

ในขณะที่หญิงสาวยังคงคิดว่าการอ้างว่าเธอ ‘ช่วย’ เขานั้นจะมากไปหน่อย แต่สำหรับไรอันเขากลับไม่ได้คิดแบบเธอ

“เหรียญของคุณมีความหมายกับผมมากเลยนะครับ คุณมอนต์โกเมอรี ผมต้องขอบคุณคุณที่ทำให้ผมสามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้ ถ้าผมไม่ออกนอกประเทศเพื่อไปทำงานศิลปะ ผมคงเสียใจไปตลอดชีวิต ความฝันของคนคนหนึ่งมันมีค่าหาที่เปรียบไม่ได้เลยนะครับ”

สายตาของเขาจริงจังขึ้นมาแล้วกลายเป็นรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว “ตอนนี้เส้นทางอาชีพของผมอาจจะหันเหนออกไปจากงานศิลปะ แต่ผมก็พอใจกับความจริงที่ว่า ผมทำตามความฝันนั้นสำเร็จ”

“ตอนนี้คุณทำอาชีพอะไรเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตระหนักว่าเธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าไรอันทำอาชีพอะไร

เมื่อตอนที่ไรอันมาหาเธอในช่วงแรก เขาเพียงแค่มาขอให้เธอช่วยออกแบบแหวนแต่งงานและขวดน้ำหอมเพื่อเป็นของชำร่วยสำหรับแขกที่จะมาร่วมงานแต่งของเขาและนาโอมิเท่านั้น ไม่ใช่สำหรับบริษัทของเขาเอง

“คุณโจนส์ คุณทำอาชีพอะไรเหรอคะ?” ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เมเดลีนก็อดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้ง

ไรอันเพียงแค่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “สักวันหนึ่งคุณก็จะรู้ครับ”

สักวันหนึ่ง?

ราวกับว่าอาชีพของเขาเป็นความลับ

ถึงกระนั้นในใจของเมเดลีนก็บอกได้ว่าไรอันไม่ใช่คนเลว

เขาพาเธอไปที่หอศิลป์

นี่ทำให้เมเดลีนมีจิตใจที่เบิกบานขึ้นมาเล็กน้อย

เมื่อก้าวเข้าสู่ประตูบริษัทในฐานะทายาทเพียงคนเดียวของมอนต์โกเมอรี เอ็นเตอร์ไพรส์ เมเดลีนก็ตั้งใจทำงานเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเธอออกจากความเศร้าโศกที่เกิดขึ้น