บทที่ 789 ความไม่ถูกต้องของเมืองต้าเหลียง

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 786 ความไม่ถูกต้องของเมืองต้าเหลียง

หนานกงเซวียนเหอจะไม่เข้าใจความหมายของฉีเฟยอวิ๋นได้อย่างไร ระหว่างที่เดินทางเลยกล่าวขึ้นว่า“พวกเขาไปได้ ข้าอาจจะหาพวกเขาไม่เจอ หากเจ้าหาแบบแปลนไม่เจอ ข้าจะให้คนสังหารพวกเขาเสีย”

เผชิญหน้ากับคำขู่ฉีเฟยอวิ๋นกลับกล่าวอย่างสุขุมว่า”เพียงแค่ไม่สังหารต่อหน้าข้า ข้าก็ไม่อะไร”

“หืม?”หนานกงเซวียนเหอสีหน้างงงวย

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“ข้ากลัวเลือด!”

“…..”

หนานกงเซวียนเหอรู้สึกขึ้นมาทันทีว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจ

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า“ข้าอาจจะช่วยเจ้าได้ เจ้าปฏิบัติต่อข้าดีๆหน่อย เจ้าต้องแสดงออกมาดีๆ ข้าสามารถรับเอาเจ้าเป็นลูกศิษย์ข้าได้นะ”

“เจ้า?”หนานกงเย่กล่าวอย่างตลกขบขัน ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจเขา เดินขึ้นไปด้านบนอย่างต่อเนื่อง

ทั้งสองคนเดินไม่ช้ามาก ไม่นานก็ถึงภูเขา

ภายในภูเขามีช่องทางเดินขึ้นเขา ถนนกว้างและมีร่องรอยล้อรอยเป็นจำนวนมาก เวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นถึงได้กล่าวขึ้นว่า“รถที่ขึ้นภูเขาล้วนเป็นรถว่าง รอยล้อรถมันตื้นมาก แต่รถที่ลงมาจากภูเขามันหนักมาก รอยล้อรถมันลึก ชัดเจนคือตอนที่ขึ้นไปบนภูเขา บนรถไม่มีอะไรเลย และตอนที่ลงมาจากภูเขา บนรถมีของหนัก อาจจะเป็นเหมืองแร่เหล็ก อีกนัยหนึ่งคือหน้าไม้เหล็ก

“ความสามารถการตรวจสอบไม่เลวเลยนี่”หนานกงเซวียนเหอมองไปบนภูเขา ทั้งสองคนขึ้นภูเขายังไม่ถึงสถานที่ที่ต้องการไปฟ้าก็มืดแล้ว

บนภูเขาไม่มีอะไรกิน ฉีเฟยอวิ๋นเลยไปหาผลไม้ป่า หนานกงเซวียนเหอจับงูมาตัวหนึ่ง เดิมฉีเฟยอวิ๋นกินของพวกนี้ไม่ลงอยู่แล้ว งั้นก็เลยมองหนานกงเซวียนเหอกินคนเดียวเลย

ทั้งสองคนพักสักครู่หนึ่ง จากนั้นกลางดึกได้จุดไฟหาเขตเหมืองแร่เหล็ก

หาถึงครึ่งค่อนคืนถึงได้หาเจอ อีกทั้งด้านนอกเขตเหมืองแร่เหล็กก็คือโรงหลอม

พักผ่อนกันครึ่งค่อนคืน ตอนเช้าลุกขึ้นมาฉีเฟยอวิ๋นเลยไปตรวจสอบ หนานกงเซวียนเหอเข้าไปดูในเหมือง ส่วนฉีเฟยอวิ๋นตรวจสอบโรงหลอม

ตอนเที่ยงทั้งสองคนถึงได้เจอกัน หนานกงเซวียนเหอส่งสัญญาณ ไม่นานเพียงครึ่งค่อนวันคนของเขาก็หาเขาเจอ

“เจออะไรบ้าง?”ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกหิว เลยเอาเนื้อตากแห้งและเมล็ดข้าวในที่พักที่อยู่ด้านนอกโรงหลอมมา ตอนนี้เธอได้จุดไฟทำแล้ว

หนานกงเซวียนเหอนั่งอยู่อีกด้าน มองฉีเฟยอวิ๋นด้วยความแปลกใจ “เจ้าเดาสิ?”

“ทั้งภูเขานี้ด้านล่างล้วนเป็นเหมืองแร่เหล็กสินะ”ฉีเฟยอวิ๋นทำอาหารแล้วพูดไปด้วย ตั้งแต่ต้นจนจบหนานกงเซวียนเหอเอาแต่จ้องมองฉีเฟยอวิ๋น

“สามารถทำหน้าไม้เหล็กได้ แล้วก็ใช้ไม่หมดด้วย”

“นั่นก็ไม่แน่เหมืองแร่เยอะขนาดนั้น สามารถทำเป็นอาวุธทางการทหาร อย่างนั้นล่ะก็เพียงแค่มีคน เจ้าก็สามารถโค่นล้มต้าเหลียงได้แล้ว จนกระทั่งสามารถซื้อมาขายไปได้ด้วย หากว่าขาดแคลนตั๋วเงินนั้นก็นับว่าได้ แต่สถานที่แห่งนี้เป็นของเมืองอู๋โยว ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่ที่ของเจ้า ถูกพบเจอแล้วเจ้าก็ต้องไป เพราะฉะนั้นต้องทำอย่างระมัดระวัง”

“เจ้าผู้หญิงคนเดียวน่าเสียดายจริง!”

“ไม่น่าเสียดาย ข้ามีลูกชาย อนาคตเหล่าลูกชายของข้าจะต้องประสบผลสำเร็จแน่นอน “ฉีเฟยอวิ๋นนั่งมองไฟแล้วกล่าวอย่างราบเรียบ

การมีชีวิตรอดอยู่ในป่ามันเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับฉีเฟยอวิ๋น

หนานกงเซวียนเหอถามว่า“หากข้าให้เจ้าอยู่ช่วยข้า เจ้ายินยอมหรือไม่?”

“เจ้าต้องการสังหารสามีของข้า ข้าไม่มีทางอยู่ อีกอย่างแม้ว่าข้าจะยินยอมอยู่ หนานกงเย่ก็ไม่มีทางยอม เขาต้องการสังหารเจ้า จับเจ้าได้ต้องสังหารเจ้าอยู่แล้ว”

“ข้าไม่มีทางให้เขาจับข้าได้หรอก”

หนานกงเซวียนเหอกล่าวด้วยความมั่นใจ แต่ทว่าฉีเฟยอวิ๋นกลับหัวเราะ

“หัวเราะอะไร?”

“เจ้าบอกว่าจะไม่ให้เขาจับเจ้าได้ แต่ใจของเจ้าคือ เจ้าสู้เขาไม่ได้ และก็กลัวเขา เพราะว่าตั้งแต่ต้นจนจบล้วนเป็นเขาตามเจ้า เจ้าได้แต่หลบตามสถานที่ต่างๆ”

“ข้าเพียงแค่ไร้วิธีการที่จะใช้กองกำลังทหารและตีเสมอคู่ต่อสู้ เจ้าคิดว่าข้ากลัวหรือไม่?”

“เจ้าไม่กลัวหรือ”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากพูดวอแวกับหนานกงเซวียนเหอ กินเสร็จแล้วค่อยคุยก็ได้

เธอนั่งไม่พูดหนานกงเซวียนเหอเลยนั่งเหม่อลอย อาหารทำเสร็จทั้งสองลงมือกิน หนานกงเซวียนเหอยกข้าวสวยขึ้น มองฉีเฟยอวิ๋นแล้วกล่าวว่า“เจ้าทำอาหารเป็นด้วยหรือนี่?”

“ข้าก็เป็นคน”ฉีเฟยอวิ๋นตอบแบบจนปัญญา เหตุใดเธอถึงจะทำอาหารไม่เป็น หรือเป็นพระชายาเย่ไม่ต้องทำอาหารหรือ หรือว่าลูกสาวของแม่ทัพใหญ่ไม่สามารถทำอาหารได้หรือ?

หนานกงเซวียนเหอก้มมองข้าว กินไปคำหนึ่งขบเคี้ยวอย่างสง่างาม เวลากินน่ามองกว่าหนานกงเย่อีกและมีบุคลิกที่น่านับถืออย่างฝ่าบาท แต่น่าเสียดายเกิดไม่ถูกเวลา

“นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้กินแบบนี้”หนานกงเซวียนเหอกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ

“หากว่าเจ้ายินยอมให้ข้าเป็นท่านอาจารย์เจ้า ข้าก็สามารถทำอาหารให้เจ้ากินในทุกวันได้ กลับไปเจ้าไปที่จวนอ๋องเย่ เจ้าก็สามารถกินดื่มที่นั่นได้ไม่ขาดตกบกพร่อง”

“หนานกงเย่จะยอมหรือ?”

หนานกงเซวียนเหอกล่าวอย่างตลกขบขัน ผู้หญิงคนนี้แปลกประหลาดมาก

“อยู่ที่จวนอ๋องเย่ข้าเป็นใหญ่”ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าประโยคนี้ยกตนข่มท่านมาก แม้ว่าที่ต้าเหลียงเธอจะไม่มีสิทธิออกเสียง อย่างน้อยอยู่ที่เรือนเธอก็เป็นใหญ่ อยู่ที่ยุคสมัยก่อนยากที่จะพบเห็น

สถานที่แห่งนี้ผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิง มีผู้หญิงตั้งเท่าไหร่ที่ไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้ชั่วชีวิต

หนานกงเซวียนเหอยิ้มกล่าวว่า“พูดเรื่องจริงจังเถิด เจ้าคิดว่าจะสามารถหาวิธีหลอมเจอไหม?”

“กินข้าวแล้วจะบอกนะ กินเถิด”

ทั้งสองเหมือนสหายสนิทกันมานมนาน ฉีเฟยอวิ๋นกินอิ่มแล้วลุกขึ้นไปที่โรงหลอมทางด้านนั้น หนานกงเซวียนเหอวางถ้วยกับตะเกียบลงแล้วตามเธอไป

ทั้งสองมาถึงฉีเฟยอวิ๋นชี้ไปที่แม่พิมพ์และเครื่องมือเหล็กที่อยู่บริเวณโดยรอบ จากนั้นได้เริ่มอธิบายตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีขาดตกบกพร่อง ราวกับว่าเธอนั้นเป็นผู้ผลิตสร้างขึ้น

หนานกงเซวียนเหอฟังจนจบ เลยกล่าวถามว่า“เจ้ารู้ได้อย่างไร เคยเห็นหรือ?”

“สิ่งที่ข้ารู้มันเหลือเชื่อกว่าที่เจ้าคิดซะอีก จริงๆ แล้วเครื่องมือพวกนี้มีมาแต่เดิมดึกดำบรรพ์มาก แต่ที่นี่ใช้เพียงพอแล้ว ข้าสามารถแยกแยะแต่ละขั้นตอนได้ ง่ายที่จะทำให้รู้มาก อีกสักพักเจ้าเอกระดาษกับพู่กันมา แล้วข้าจะวาดมันจากนั้นทำเครื่องหมายให้เจ้าด้านล่าง สิ่งที่เจ้าต้องใส่ใจระวังคือเจ้าควรจะฝึกหลอมทำมันในขณะที่ข้าอยู่ที่นี่ด้วย ตรงไหนที่ไม่ถูกข้าจะชี้ให้ดู”

หนานกงเซวียนเหอแทบไม่อยากจะเชื่อ หญิงอ่อนแอผู้หนึ่ง จะมีความฉลาดอย่างนี้ได้

แต่เขาก็อยากจะพบเห็นการหลอมหน้าไม้เหล็กสักหน่อย

“ข้ามีสมุดเล่มหนึ่ง เจ้าวาดเถิด”หนานกงเซวียนเหอเอากระดาษและพู่กันให้ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นเลยรีบลงมือวาด ด้านล่างยังมีการทำสัญลักษณ์สถานที่ที่จะต้องระวังใส่ใจด้วย แม้ว่าจะเป็นการอุณหภูมิของการหลอมเหล็กด้วย

หนานกงเซวียนเหอหยิบมาดู มองไปทางฉีเฟยอวิ๋นแล้วกล่าวว่า“เหตุใดเจ้าถึงต้องเอาสิ่งเหล่านี้มอบแก่ข้า ข้าสามารถสังหารเจ้าไม่ให้เจ้ากลับไปได้เลยนะ “

“เจ้าไม่ใช่คนอย่างนั้น เจ้าเป็นคนที่มีความผูกพันทางจิตใจมาก เจ้ามาถึงวันนี้ คนที่อยู่ข้างกายเจ้าล้วนเป็นใจด้วย อย่างหนานกงเย่ก็อาจจะทำไม่ได้”

“…..ก็ต่อให้พูดเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีทางใจอ่อนกับเจ้าหรอก เจ้าอยู่อย่างไรก็เป็นพิษภัยอันยิ่งใหญ่”

“ข้าอยู่อาจจะไม่ดีต่อเจ้า อย่างน้อยข้าก็ไม่มีทางสังหารเจ้าหรอก ไม่ใช่เพียงแค่หนานกงเย่ที่อยากสังหารเจ้า คนอื่นอยากสังหารเจ้า ข้าก็ห้ามไม่ได้หรอก!”

“เพราะเหตุใด?”

“แม้ว่าเหล่าจงชินจะเคยทำผิด แต่เมืองต้าเหลียงจัดการไม่เหมาะสม หากข้าจัดการเรื่องนี้ หนึ่งข้าจะขับไล่พวกเจ้าออกจากเมืองหลวงและไม่ให้เข้ามาตลอดชีวิต อย่างที่สองคือสังหารคนหลักๆเป็นสำคัญ ส่วนที่เหลือควรจะเนรเทศก็เนรเทศ ส่วนที่ควรเก็บไว้ก็เก็บ สามกำจัดให้สิ้นซาก

อย่างนี้สำหรับพวกเจ้า เป็นความทรมานอย่างไม่ต้องสงสัย

แน่นอนว่ามีส่วนที่ต้าเหลียงทำไม่ถูกต้อง

พวกเจ้าถูกกด อยู่ที่เมืองหลวงที่เป็นสถานที่อย่างนั้น จะถูกคนมองอย่างไร?

ถูกกดขี่มานาน ไม่คัดค้านโต้แย้งถึงแปลก!”

หนานกงเซวียนเหอไร้คำที่จะกล่าวพูดทันทีเลย