องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 790 ถูกคนเกลียดแค้น
ภายนอกหนานกงเซวียนเหอกำลังถามว่า “ใครบอกว่าอาเซี่ยวถูกวางยาพิษ?”
“พวกเราคาดเดา” มีคนตะโกนออกมาจากข้างหลัง
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเดินออกมาก็ถูกคนชี้นิ้วด่าว่าเธอเป็นนางปีศาจ แต่ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้คิดเช่นนั้นและไม่ได้ถือสา
เฟยอิงยืนอยู่ข้างฉีเฟยอวิ๋น และทำท่าทางปกป้องฉีเฟยอวิ๋นไว้ตลอดเวลา
หนานกงเซวียนเหอกล่าวว่า “ใครถามว่าใครเป็นคนบอกว่าอาเซี่ยวถูกวางยาพิษเป็นคนแรก? หากพวกเจ้าไม่พูด เช่นนั้นก็ไปตายด้วยกันทั้งหมด มีหรือไม่มีพวกเจ้า หากไม่มีอาอวี้ พวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่กลุ่มก้อนสีดำเท่านั้น ล้วนแล้วแต่ใช้งานไม่ได้และไร้ประโยชน์”
“……” ทุกคนต่างไม่พูดอะไร และล้วนมีความกังวล
จู่ๆ หนึ่งในนั้นก็พูดขึ้นมา “ตั้งแต่ที่นางปีศาจคนนี้เข้ามา ท่านผู้นำก็เปลี่ยนไปและไม่เคยแยแสต่อชีวิตของพวกข้าเลย พวกเรายอมเสี่ยง แต่กลับแลกมาด้วยสิ่งนี้”
เสียงตะโกนนี้ดังออกมาจากในกลุ่ม ฉีเฟยอวิ๋นมองออกไป อีกฝ่ายอายุประมาณยี่สิบกว่าปี มองดูแล้วเขาเป็นคนคิ้วดกและใบหน้าคมชัด และเป็นผู้มีฝีมือทางด้านการต่อสู้ แต่ดวงตาเฉี่ยวขึ้น แค่มองก็รู้ว่าเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยม
หนานกงเซวียนเหอมองออกไป “เจ้ามาที่นี่ ข้าจะถามอะไรเจ้าหน่อย”
อีกฝ่ายเดินออกมาและยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งอย่างเคารพ “ท่านผู้นำ”
“ทำไมเจ้าถึงวางยาพิษให้กับอาเซี่ยว?” หนานกงเซวียนเหอถามอย่างตรงไปตรงมา อีกฝ่ายตกตะลึง
หนานกงเซวียนเหอรอเขาอยู่นาน จากนั้นอีกฝ่ายจึงพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “ข้าไม่ได้ทำ”
“เจ้าไม่ได้ทำ เช่นนั้นเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าอาเซี่ยวถูกวางยาพิษ ทุกคนต่างก็ไม่เคยชินกับสภาพที่นี่ เจ้าก็น่าจะรู้ ไม่มีใครเคยพูดว่าอาเซี่ยวถูกวางยาพิษ แต่เจ้ากลับคาดเดาขึ้นมาได้ เจ้าคิดว่า วางยาพิษเพื่อทำร้ายอาเซี่ยวจากนั้นแล้วจึงโยนความผิดให้กับเฟยอิง เช่นนั้นแล้วข้าก็ตรวจสอบไม่ได้อย่างนั้นหรือ
เจ้าประเมินข้าต่ำไปจริงๆ อาเซี่ยวเป็นคนติดตามใกล้ชิดของข้า หากเขาต้องตาย หากข้าไม่ตรวจสอบหาความจริงขึ้นมา ข้าจะปล่อยไว้ได้เช่นไร?
เพราะเรื่องที่ถูกฝังทั้งเป็น เจ้าจึงโกรธแค้นอาเซี่ยวและต้องการทำให้อาเซี่ยวต้องตายจึงคิดวิธีนี้ขึ้น ความคิดของเจ้าช่างซับซ้อนอย่างมาก! แต่น่าเสียดายที่ใช้มันผิดที่”
อีกฝ่ายได้ยินเข้าก็อยากจะหันหลังกลับแล้วหนีไป หนานกงเซวียนเหอมองออกไปโดยไม่รีบร้อนที่จะตามไป เขาเพียงแค่หยิบคันธนูออกมา จากนั้นเล็งให้แม่นและปล่อยออกไป
ลูกธนูปักเข้าไปตรงกลางร่างของอีกฝ่าย จากนั้นร่างกายก็ฟุบลงกับพื้น หนานกงเซวียนเหอมองไปที่เฟยอิง “ที่นี่ไม่มีการใส่ร้ายคนอื่น”
เฟยอิงหันไปมองฉีเฟยอวิ๋น “เจ้าพูดถูกแล้ว เขาต้องการให้อาเซี่ยวตาย!”
“เรากลับไปกันเถอะ”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ต้องการพูดอะไรมาก จึงต้องการกลับไปพักผ่อน
อาเซี่ยวตื่นขึ้นมาในเวลากลางดึก เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นนอนหลับอยู่อีกฝั่งก็รู้สึกตกตะลึง
“ทำไมนางถึงอยู่ที่นี่?”
หนานกงเซวียนเหอหันกลับมาเหลือบมองอาเซี่ยว “เจ้าถูกวางยาพิษ เรื่องที่เจ้าฝังคนทั้งเป็น มีคนโกรธแค้นเจ้า จึงวางพิษเจ้า ส่วนนางเป็นคนช่วยชีวิตเจ้าไว้!”
อาเซี่ยวเหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นที่ตื่นขึ้นมาและรู้สึกประหลาด จากนั้นจึงหลับตาลง ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินเสียงอาเซี่ยวตื่นแล้ว จึงลุกขึ้นมาเพื่อตรวจอาการ เมื่อตรวจดูแล้วว่าไม่เป็นอะไรจึงหันหลังเดินจากไป
อาเซี่ยวชะงักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงลืมตาขึ้นมาและต้องการจะพูดอะไรแต่ฉีเฟยอวิ๋นได้ออกไปแล้ว
เฟยอิงต้องการจะออกไปด้วย เพราะตอนนี้ฉีเฟยอวิ๋นไม่ปลอดภัย คนที่นี่ต่างก็ต้องการให้เธอไปตาย
“เจ้าอยู่ดูแลอาเซี่ยวที่นี่!” หนานกงเซวียนเหอหันหลังเดินออกไปและเดินตามฉีเฟยอวิ๋นกลับไปที่กระโจมของพวกเขา วันนี้อารมณ์ของฉีเฟยอวิ๋นไม่ดีสักเท่าไร เธอกำลังคิดว่าหนานกงเย่มาช้าเหลือเกิน นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วแต่เขาก็ยังไม่มา หากยังไม่มาอีกเธอคงต้องตายอยู่ที่นี่จริงๆ
เมื่อกลับมาถึงกระโจม ฉีเฟยอวิ๋นก็ล้างมือ จากนั้นจึงนอนลงที่เตียงและถอนหายใจออกมา
หนานกงเซวียนเหอนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและมองไปที่เธอ “เจ้าคิดถึงบ้านแล้วหรือ?”
“ที่นี่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้ารกร้าง รู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ เจ้าไม่ต้องสนใจข้าหรอก ทำเรื่องของเจ้าให้ดีเถอะ ตอนนี้คนของเจ้าต่างคิดว่าข้าเป็นส่วนเกิน หากเจ้ายังปกป้องข้าเช่นนี้ พวกเขาจะต้องคิดหักหลัง และหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เจ้าอาจเป็นเหมือนอาเซียวก็ได้”
“เจ้าดูแลตัวเองให้ดีเถอะ ที่ของข้า ไม่มีใครทำอะไรข้าได้ ข้าต่างหากที่เป็นผู้นำ”
เมื่อทั้งสองพูดจบก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก
หลังจากพักผ่อนไปแล้วหนึ่งคืน ตื่นเช้ามาก็เริ่มมีฝนตก ฉีเฟยอวิ๋นเห็นอาเซี่ยวกลับเข้ามาและโดนฝนจนเสื้อผ้าสกปรก อยู่บนเขามาเป็นเวลาหลายวันแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกอยู่ไม่ติดและอยากลงจากเขา
“ข้าและเฟยอิงจะลงจากเขาเสียหน่อย เมื่ออาบน้ำเสร็จจะกลับขึ้นมา” ฉีเฟยอวิ๋นสามารถอดทนได้ แต่หากเป็นไปได้เธอก็อยากจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย
“ไม่ได้ ตอนนี้ห้ามใครก็ตามลงจากเขา อีกอย่างเจ้ายังต้องรักษาอาการป่วยให้กับพวกเขา พวกเขามีกันสามร้อยกว่าคน และทุกวันก็มีคนล้มป่วยลง หากเจ้าไม่อยู่ที่นี่ ใครจะคอยดูแลพวกเขา?”
หนานกงเซวียนเหอจิบชาและไม่ปล่อยให้เธอไป
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ช่างเถอะ” ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากจะขัดขืน จะต้องมีโอกาสได้ลงจากเขาอย่างแน่นอน
เมื่อพูดจบ ฉีเฟยอวิ๋นจึงเดินไปที่โรงกลั่น ทางนั้นมีไฟ ฉีเฟยอวิ๋นยืนอยู่ที่ปล่องไฟตรงนั้น และใช้ความร้อนของปล่องไฟเพื่อทำให้เสื้อผ้าแห้ง
เฟยอิงยืนอยู่กับฉีเฟยอวิ๋นตรงนั้น เขากลับมีร่างกายที่สะอาดสะอ้าน ฉีเฟยอวิ๋นใช้เสื้อตัวใหญ่ตัวนอกของเฟยอิงมาคลุมไหล่ไว้ และยืนเปียกชื้นอยู่ตรงนั้น ดูแล้วช่างน่าสงสารอย่างมาก
อากาศเลวร้ายเช่นนี้ต่อให้อยู่ในกระโจมก็ไม่ได้ช่วยอะไร อีกทั้งไฟที่โรงกลั่นแห่งนี้ก็ไม่ได้ดีมากนัก ไม่นานก็หยุดการทำงานลง
ทุกคนต่างมองฉีเฟยอวิ๋นด้วยความแปลกใจ เมื่อเดินจากไปฉีเฟยอวิ๋นก็เริ่มเศร้าโศก
สภาพอากาศที่ไม่ดี แต่เธอกลับมีประจำเดือนมาอีก
เฟยอิงถาม “ท่านไม่กลับไปหรือ?”
“ข้าขอยืนอีกประเดี๋ยวหนึ่ง เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
เฟยอิงจะไปได้อย่างไร สีหน้าของฉีเฟยอวิ๋นเคร่งขรึม
“ท่านมีเรื่องอะไรหนักใจหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะ “เจ้าไม่มีหรือ?”
“ข้ามีอะไรหรือ?” เฟยอิงหน้าแดงและไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปข้างหน้า “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านอ๋องกำลังทำอะไรอยู่ นานมากแล้วทำไมเขาถึงยังไม่มา หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา ความสามารถของท่านอ๋องที่จริงควรจะหาพวกเราเจอตั้งนานแล้ว นอกเสียจากว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับท่านอ๋อง หรือว่ามีคนคอยขัดขวางจึงทำให้เขามาไม่ได้”
“เช่นนั้นข้าจะลงไปดู” เฟยอิงคิดว่าฉีเฟยอวิ๋นเพียงแค่คิดถึงหนานกงเย่ ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะและมองเฟยอิงราวกับเด็กน้อย
“เช่นนั้นเจ้าหมายความว่า เจ้าลงไปแล้วและสามารถออกไปจากที่นี่ได้ จากนั้นก็สามารถหาท่านอ๋องเจอหรือ”
เฟยอิงทำตัวไม่ถูก “คงเป็นไปไม่ได้”
“อยู่ที่นี่แหละ อากาศเช่นนี้ลงจากเขาไม่ได้หรอก ตอนที่ขึ้นมาเจ้าไม่ได้ดูภูมิสภาพของที่นี่หรือ หากลงไปตอนสภาพอากาศเช่นนี้ ต้องได้รับอันตรายแน่ๆ”
“ข้าไม่กลัว!” เฟยอิงเปลี่ยนทัศนคติของตัวเองจากเมื่อก่อน และการปกป้องคุ้มครองฉีเฟยอวิ๋นก็กลายเป็นภารกิจหลักภารกิจเดียวของเขาไปเสียแล้ว แต่ฉีเฟยอวิ๋นกลับกลัวว่าเฟยอิงจะทำอะไรไม่ดี
“ที่ตรงนี้เจ้าและข้าสามารถพูดคุยกันได้ หากข้ามีอะไรคนที่ข้าสามารถไว้ใจได้ก็มีเพียงเจ้า เจ้าอย่าคิดทำอะไรไม่ดีเด็ดขาด สภาพอากาศแย่เช่นนี้ ห้ามออกไปไหน ข้าเพียงแค่อยากได้เสื้อผ้าสะอาดสองสามชุดเพื่อเปลี่ยนก็เท่านั้น และจะได้อาบน้ำ ที่นี่คนเยอะมากเกินไป จึงไม่ค่อยสะดวกนัก ตอนที่ข้าอยู่ที่จวนท่านอ๋องเย่ ข้าถูกดูแลและปรนนิบัติอย่างดี อาหารการกินก็เพียบพร้อม และสามารถแช่น้ำอาบได้ทุกวัน แต่เมื่อมาที่นี่ นับไปแล้วก็เป็นเวลาสิบกว่าวันแล้ว แต่กลับไม่ได้อาบน้ำเลยสักครั้ง ข้าเพียงแค่รู้สึกหงุดหงิดก็เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องอื่นนั้นก็ยังพอรับได้ ฉะนั้นเจ้าไม่ต้องเดือดร้อนแทนข้า เพียงแค่อยู่ข้างกายข้าเท่านั้นก็พอ”
“ขอรับ” เฟยอิงเหลือบมองทางลงจากภูเขา จากนั้นจึงไม่พูดอะไรอีก
หนานกงเซวียนเหอเดินมาหยุดที่ข้างกายของฉีเฟยอวิ๋น และนำร่มไปวางอีกฝั่ง จากนั้นจึงถามว่า “ทำไมเจ้าถึงต้องการลงจากเขา?”
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองเขา “ข้าบอกว่าข้าต้องการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เจ้ามไ่เชื่อ?”
หนานกงเซวียนเหอหัวเราะ “เป็นเพราะประจำเดือนมาใช่หรือไม่?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ตอบ แต่นับว่าหนานกงเซวียนเหอฉลาดมาก และความฉลาดนั้นไม่สามารถทำให้ฉีเฟยอวิ๋นปฏิเสธได้เลย
ก่อนที่ทุกอย่างจะทำงาน เขาก็ได้สังเกตเห็นทุกอย่างแล้ว คนเช่นนี้ หากสามารถทำงานช่วยเหลือเมืองต้าเหลียงได้สักนิด เช่นนั้นก็คงเป็นเรื่องดีไม่น้อยเลย แต่น่าเสียดาย เขากลับเดินทางผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ก็ไม่สามารถพูดถึงหลักเหตุผลได้
ผิดเพียงหนึ่งคน โทษคือประหารเก้าชั่วโคตร ลูกๆ หลานๆ เปรียบเสมือนชีวิตผักปลาเท่านั้น
ไม่ใช่ว่ากลุ่มตระกูลจงจะปฏิเสธที่จะรับใช้และทำงานให้กับเมืองต้าเหลียง แต่เพียงต้องการความเท่าเทียมกันเท่านั้น