บทที่ 791 ผู้ที่เฟยอิงพากลับมา

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 791 ผู้ที่เฟยอิงพากลับมา

ฝนตกหนักและทั้งภูเขากลายเป็นโลกแห่งความหมองมัว ฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเซวียนเหอก็ถูกแยกให้อยู่ที่โรงหลอมเสียแล้ว

ยืนกันอยู่เช่นนี้จากนั้นหนานกงเซวียนเหอจึงถามว่า: “เจ้าคิดว่าข้าจริงใจกับเจ้าสักเท่าใด?”

“นอกจากฉวนเอ๋อร์ก็จริงทั้งสิ้น!” ฉีเฟยอวิ๋นก็มิใช่ผู้ที่โง่เขลา หนานกงเซวียนเหอดีกับนาง

นัก อย่างน้อยในที่แห่งนี้ก็ปกป้องนางเอาไว้และรับประกันในฐานะของนาง แม้กระทั่งไม่เสียดายที่จะต้องผิดใจกับลูกน้องของเขา

“ในใจของข้านั้นไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าฉวนเอ๋อร์ ที่ข้าไม่ยอมรามือก็เป็นเพราะว่าข้าต้องการที่จะแย่งชิงฉวนเอ๋อร์กลับมา สักวันหนึ่งข้าจะกุมมือฉวนเอ๋อร์ไปดูใต้หล้า” หนานกงเซวียนเหอกล่าวเช่นนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงทำได้เพียงแค่มองไปยังภูเขาอันกว้างใหญ่ด้วยความเงียบ

“เหตุใดถึงไม่พูด ผิดหวังมากหรือ?”

“ไม่ได้ผิดหวัง ข้าแค่คิดว่าท่านไม่เข้าใจฉวนเอ๋อร์และกำลังกระทำเรื่องเป็นปรปักษ์ต่อกัน”

“อย่างไร?”

“ฉวนเอ๋อร์เป็นผู้ที่เห็นแก่บ้านเมืองมาก่อน รองลงมาคือครอบครัวและสุดท้ายก็คือตัวนางเอง จริงอยู่ที่พวกท่านเติบโตมาด้วยกันแต่โชคชะตาทำให้พวกท่านพลาดไปก้าวหนึ่ง

พลาดไปก้าวหนึ่งพวกเราก็พลาดไปทั้งชีวิตซะแล้ว ที่เรียกว่าพลาดก้าวหนึ่งก็พลาดไปทุกๆก้าว

ฉวนเอ๋อร์อาจจะเคยชื่นชอบท่านหรือเคยรอให้ท่านแต่งงานกับนาง

แน่นอนว่านางไม่สามารถไม่มีเมืองต้าเหลียงได้และไม่สามารถเพิกเฉยต่ออ๋องตวนได้

จวนกั๋วกงเต็มไปด้วยความจงรักภักดีและสิ่งที่ฉวนเอ๋อร์ได้รับเมื่อนางเกิดมาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากท่านในตอนนี้ ท่านเกลียดชังบ้านเมืองส่วนนางภักดีต่อบ้านเมือง

ไม่มีหากว่า ไม่มีหรือว่า มีแต่ความจงรักภักดีและความชอบธรรมเท่านั้น

เพื่อเมืองต้าเหลียงแล้วตอนนี้นางเป็นแตกคอกับท่านและกลายเป็นปฏิปักษ์กัน

เพื่อเมืองต้าเหลียงแล้วปกป้องอ๋องตวนและเพื่ออ๋องตวนแล้วก็ให้กำเนิดบุตร

ท่านสังหารกลับก็คือสังหารทุกสิ่งทุกอย่างที่นางมี ทุกสิ่งที่มีนี้สำหรับนางแล้วสำคัญยิ่งนัก”

“แล้วข้าหล่ะ ข้าควรทำเช่นไร? ข้าทุ่มเทไปมากมายเช่นนั้นหรือว่าข้าไม่สมควรได้รับหรือ? ข้ากับฉวนเอ๋อร์เป็นคู่รักกันตั้งแต่วัยเด็กเดิมทีนางควรเป็นภรรยาของข้า แต่ตอนนี้ข้าทำได้เพียงแค่เป็นกบฏข้าต้องการเพียงแค่ฉวนเอ๋อร์เท่านั้น”

จู่ๆหนานกงเซวียนเหอก็รู้สึกร้อนรน

ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองหนานกงเซวียนเหอ: “จริงอยู่ที่ท่านกล่าวได้ถูกต้องว่าพวกเขาทำผิดต่อท่านแต่ท่านดูทั่วทุกสารทิศนี้ผู้ใดที่ไม่ได้ทำเพื่อให้ดำรงชีวิตอยู่?

หากว่าท่านหนักแน่นเร็วสักหน่อยโดยบอกว่าท่านจะแต่งงานกับฉวนเอ๋อร์ หญิงเช่นนางย่อมติดตามท่านอย่างแน่วแน่ แม้ว่าจะมีเมืองต้าเหลียงนางก็จะยังติดตามท่านอยู่

แต่ท่านเปล่า ขณะที่ท่านออกจากเมืองต้าเหลียง ก็เป็นการปล่อยนางไปเสียแล้ว

สามปีที่ไม่อยู่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ท่านได้กลายเป็นท่านหัวหน้า ส่วนนางก็เป็นแม่ทัพน้อยและยังเป็นภรรยาของอ๋องตวนด้วย แล้วจะเริ่มต้นใหม่กับท่านได้เช่นไร? ”

“แต่ตอนนั้นฉวนเอ๋อร์ยังเด็ก ข้าไม่……”

“ท่านเปล่า ท่านชั่งใจทั้งสองฝั่ง ต้องการที่จะไปดูว่ามีโอกาสต่อสู้หรือไม่ มีโอกาสโต้กลับหรือเปล่า พอท่านปรากฏตัวก็ลงมือกับอ๋องตวน เห็นได้ว่าท่านได้เตรียมการณ์เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว”

เป็นท่านที่ปล่อยฉวนเอ๋อร์ไปก่อน! ”

หนานกงเซวียนเหอเงียบไปครู่หนึ่ง: “ใช่กระมัง”

คำพูดในปากของหนานกงเซวียนเหอนั้นจนปัญญาและเย็นยะเยือก เขายืนขึ้นด้วยหลังมือและไม่ได้กล่าวขึ้นแม้เพียงสักคำ

ฉีเฟยอวิ๋นนั้นยืนกับเขาอยู่เช่นนี้ ไม่เพียงแต่เสื้อผ้าไม่ได้ผิงให้แห้งแต่กลับเปียกมากขึ้นเรื่อยๆและเช่นนี้ช่างรู้สึกไม่สบายนัก ไม่กล้านั่งลงแม้กระทั่งยืนอยู่ก็รู้สึกไม่สบาย

ฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลาสองชั่วยามแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นรอให้ฝนหยุดแล้วถึงได้หันหลังกลับไป

คิดถึงในเวลาเช่นนี้แล้วฉีเฟยอวิ๋นได้เริ่มเรียกร้องว่า: “ข้าอยากพักอยู่เพียงลำพัง”

“ก็ดี สองสามวันนี้เจ้าไม่สะดวกพักอยู่ลำพังยามค่ำคืนก็อาบน้ำเถอะ ข้าจะให้คนทำถังไม้ให้เจ้า เวลานี้ของยามค่ำคืนเจ้าชำระร่างกายข้าจะอยู่ด้านนอก ไม่มีผู้ใดมาหรอก”

“ขอบใจ”

ฉีเฟยอวิ๋นกลับเรือนส่วนหนานกงเซวียนเหอย้ายไปพักอยู่ที่เฟยอิงโน่นโดยตรง แต่เฟยอิงกลับไม่อยู่

หนานกงเซวียนเหอถามอาเซี่ยวว่า: “เฟยอิงหล่ะ?”

“เขาไม่ได้กลับมา ไปกับปีศาจสาวแล้วไม่ใช่หรือ?” ปีศาจสาวเป็นนามทั่วไปที่ผู้คนเหล่านี้ที่นี่ใช้เรียกฉีเฟยอวิ๋น หนานกงเซวียนเหอไม่ได้ดูแลจัดการในเรื่องการขานนามนี้ซึ่งอาเซี่ยวก็เรียกเช่นนี้ด้วย

หนานกงเซวียนเหอครุ่นคิด: “น่าจะลงเขาแล้ว ไปหาดู ทางเขาในเวลานี้เดินยากลำบากอย่าให้เกิดเรื่อง”

ฉีเฟยอวิ๋นก็พบว่าเฟยอิงไม่เห็นแล้ว นึกถึงว่าเฟนอิงลงเขาฉีเฟยอวิ๋นนั้นรู้สึกกังวลเต็มอก ลงเขาในอากาศเลวร้ายเช่นนี้ไม่ตายก็ต้องทิ้งครึ่งชีวิตเสียแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นไปตามหาแต่ถูกหนานกงเซวียนเหอขวางไว้

“เจ้าลงไปก็ใช่ว่าเขาจะสามารถกลับมาได้ รออยู่ที่นี่เถอะเขาสามารถกลับมาได้”

หนึ่งชั่วยามหลังจากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็รออยู่เช่นนั้นรู้ว่าเฟยอิงลงเขาต่างก็คิดว่าเขาหนีไปแล้ว แต่ภูเขาที่นี่อันตรายยิ่งนัก ทุกคนจึงรู้สึกว่าเฟยอิงโชคร้ายมากกว่าโชคดี ตามหาเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วยามก็หาไม่เจอก็ได้ถอยกลับมากัน

ขณะที่อาเซี่ยวกลับมาก็ได้รับบาดเจ็บโดยที่แขนหักซะแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นรีบไปตรวจดูอาการให้เขาทันทีอาเซี่ยวจึงกล่าวว่า: “ช่างอันตรายยิ่งนักลงไปไม่ได้เลย เกรงว่าเฟยอิงจะโชคร้ายมากว่าโชคดี ฝนตกหนักมาตลอดสองชั่วยามนี้ ฝนหยุดแล้วภูเขาก็ยิ่งอันตรายซะแล้ว”

“เขาจะไม่เป็นไรวางใจเถอะ ข้าจะดูแลจัดการให้เจ้าเจ้าเพียงแค่หักซึ่งยังถือว่าดีอยู่ หากว่าไม่ทันการณ์แล้วหล่ะก็แขนก็ใช้งานไม่ได้แล้ว”

“ข้าไม่กลัว!”

อาเซี่ยวพูดจบก็ก้มศีรษะลงและไม่กล่าวสิ่งใด ฉีเฟยอวิ๋นพันแผลให้เขาแล้วนำมีดมาจัดการคืนตำแหน่งให้เขาเสียก่อนแล้วก็ต่อกระดูก อาเซี่ยวไม่รู้สึกเจ็บปวดและมองแขนอย่างน่าอัศจรรย์

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวว่า: “ข้าใช้ยาชากับเจ้าเล็กน้อยตอนนี้จึงไม่เจ็บปวด รอครู่หนึ่งพอยาชาหมดฤทธิ์เจ้าอย่าได้ดุด่าข้าก็พอแล้ว”

ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าอาเซี่ยวชอบอาอวี้และก็รู้สึกผิดต่อเขาอยู่ตลอดเช่นเดียวกับที่รู้สึกผิดต่ออาอวี่

จัดการกับอาการบาดเจ็บของอาเซี่ยวแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ออกไปรอเฟยอิง ทุกคนรอดูความครื้นเครงและบอกว่าเฟยอิงหนีไปแล้ว แต่ขณะที่หนีก็ได้ตายอยู่บนเขา

ฉีเฟยอวิ๋นไม่มองผู้คนเหล่านั้น นางถือซะว่าไม่เห็นสิ่งใดเลย

ดึกดื่นแล้วเฟยอิงก็ยังไม่กลับมา ฉีเฟยอวิ๋นเดินลงเขาหนานกงเซวียนเหอจึงขวางไว้ทันที: “หากว่าเขาไม่กลับมาเจ้าลงไปก็มีแต่ตายสถานการณ์เดียวเท่านั้น เจ้าอย่าลงไปเลย”

“ข้าจะไปหาเฟยอิงบางทีเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บ” ฉีเฟยอวิ๋นยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นโดยที่ไม่เคยเป็นห่วงเช่นนี้มาก่อน

หนานกงเซวียนเหอยังคงขัดขวางฉีเฟยอวิ๋นแต่ฉีเฟยอวิ๋นยืนกรานที่จะลงเขา

“อาเซี่ยวเกิดเรื่องแล้วท่านจะไม่สนใจหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นถามกลับแต่ว่าหนานกงเซวียนเหอไม่ได้ตอบ อาเซี่ยวยืนอยู่ตรงหน้าประตูและกุมแขนข้างหนึ่งเอาไว้มองมายังฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเซวียนเหอ

ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว หากว่ากลับมาก็น่าจะกลับมาตั้งนานแล้ว

เพียงแค่เจ้านายและคนรับใช้แต่ฉีเฟยอวิ๋นกลับไม่ยอมทอดทิ้ง

“เจ้าลงไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ท้องฟ้ามืดมิดและหนทางก็อันตราย เจ้าก็จะเกิดเรื่องไปด้วย”

“ข้าไม่กลัว!” ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังกลับก็จากไป หนานกงเซวียนเหอทำได้เพียงตามไป ทั้งสองคนเดินไปไม่ไกลนักหนานกงเซวียนเหอก็ดึงแขนของฉีเฟยอวิ๋นให้ฉีเฟยอวิ๋นหยุดลง

ฉีเฟยอวิ๋นหันศีรษะไปมองหนานกงเซวียนเหอและหนานกงเหวียนเหอเอียงหูฟัง: “มีคนสองคนกำลังเดินมา”

“……”ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึงครู่หนึ่ง คนสองคน หนานกงเย่มาแล้วหรือ?

ฉีเฟยอวิ๋นตื่นเต้นยิ่งนักและรีบมองไปด้านหน้า แล้วนางก็ฟังอย่างละเอียด มีเสียงคนเดินมาจริงๆ

ร่างนั้นค่อยๆเข้ามาใกล้ ฉีเฟยอวิ๋นเห็นเงาอันเลือนรางของเฟยอิงและอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น

“เฟยอิง!”

เฟยอิงตะลึงครู่หนึ่งแต่ไม่ได้ตอบโดยที่เดินกะโผลกกะเผลกเล็กน้อย ก้มหน้าแล้วเดินต่อไป

ฉีเฟยอวิ๋นก้าวโดยเร็วสองสามก้าวแล้วเห็นเฟยอิงชัดเจนซึ่งยิ้มอยู่ แต่เมื่อเห็นคนอีกคนอื่นฉีเฟยอวิ๋นกลับไร้ซึ่งการตอบสนองไปครู่หนึ่ง