องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 789 สตรีที่ไม่ได้เรื่อง
ไม่นานฉีเฟยอวิ๋นก็ผล็อยหลับไป แต่หนานกงเซวียนเหอยังไม่หลับ เขาลุกขึ้นและลงจากเตียง ในตอนที่ออกจากกระโจมนั้นอาเซี่ยวก็มาถึงพอดี
“เจ้าตัวล่ะ?”
“อยู่อีกด้าน”
อาเซี่ยวรู้ว่าเขากำลังพูดถึงใคร หนานกงเซวียนเหอมองออกไป คนที่ทำร้ายฉีเฟยอวิ๋นก่อนหน้าคนนั้นถูกมัดคุกเข่าอยู่บนพื้น
หนานกงเซวียนเหอเดินมาตรงหน้าของอีกฝ่าย : “เหตุใดเจ้าถึงไม่ฟังคำสั่งของข้า?”
“นางคือปีศาจสาว ข้าจะฆ่านาง ท่านผู้นำเป็นห่วงนาง! นี่เป็นเรื่องที่ไม่สมควรขอรับ” อีกฝ่ายยังคงไม่ยอมละวางความคิดที่จะฆ่าฉีเฟยอวิ๋น
หนานกงเซวียนเหอยิ้มเยาะ: “ข้าจะฆ่าใคร ข้าเป็นห่วงใคร จำเป็นต้องรายงานเจ้าด้วยอย่างนั้นหรือ? ให้ข้ามอบตำแหน่งท่านผู้นำนี้ให้เจ้าหรือไม่?”
“ท่านผู้นำ….”
“ฝังเขาทั้งเป็น บูชายัญ หวังว่าพรุ่งนี้เราจะดีขึ้น”
“ท่านผู้นำ… ท่านทำแบบนี้กับข้าไม่ได้ ทำไม่ได้ ข้าทำเพื่อท่าน…”
หนานกงเซวียนเหอหันเดิมทีหมุนตัวไปแล้ว เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตะโกน จึงหันกลับมามองอีกครั้ง : “เจ้าพูดถูกแล้ว ข้าชอบปีศาจสาวตนนั้น แล้วอย่างไรเล่า?
“ที่ข้าออกมาได้วันนี้ ก็เพราะนางช่วยข้าไว้ หรือว่าเจ้าคิดว่า มันไม่คุ้มค่าที่ข้าจะชมชอบนาง?
นางกำลังหลับ เจ้ามาโวยวายเช่นนี้ นางคงหลับไม่สนิทแน่
อาเซี่ยว ใช้มีดตัดลิ้นของเขาและโยนทิ้งซะ ให้เขาร้องไม่ออก”
อาเซี่ยวอึ้งงันไปชั่วครู่ แต่ก็ยังหยิบมีดตามที่เขาสั่ง
ชายผู้นั้นไม่ส่งร้องอีกแต่อย่างใด มีแต่เลือดไหลกกปาก ดวงตาที่กลมโตฉายแววโกรธเคืองได้จ้องเขม็งมาทางหนานกงเซวียนเหอ หนานกงเซวียนเหอกล่าวว่า: “ไม่ยอมแพ้เช่นนั้นหรือ? เจ้าสาบานว่าจะจงรักภักดีกับข้า ข้าให้เจ้าทำอะไร เจ้าก็ต้องทำอย่างนั้น แต่เจ้าดันไม่ทำ”
หนานกงเซวียนเหอกลับไป อาเซี่ยวพากำลังคนไปฝังคนผู้นั้น เมื่อกลับมาก็ยังรู้สึกหน่วงอยู่ในใจ
หนานกงเซวียนเหอไม่ได้พักผ่อน จึงเดินออกมายืนอยู่ด้านนอก อาเซี่ยวเดินเข้าไปหาเข้า : “นายท่าน”
“เจ้าคิดว่า สิ่งที่ข้าทำไม่ถูกเช่นนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ขอรับ แต่… พวกเราอยู่ด้วยกันมาตลอด เขาแค่สับสนไปชั่วขณะหนึ่ง”
“ถ้าหากเขาสับสนไปชั่วขณะหนึ่ง ก็ควรต้องมาอธิบายให้ข้าเข้าใจ แต่ตอนนี้เขายังคิดจะทำร้ายผู้อื่น จะสับสนได้อย่างไร? คนที่ดูสับสนไปชั่วขณะหนึ่ง น่าจะเป็นเจ้ามากกว่านะ?”
อาเซี่ยวเงยหน้าขึ้น จนเวลาผ่านไปเนิ่นนานจึงกล่าวขึ้น “ถึงอย่างไรเขาก็มีเจตนาดี!”
“เขาไม่ได้เจตนาดี เจตนาดีของเขาคือการทรยศ ความคิดของข้าคือต้องการสตรีผู้นี้” หนานกงเซวียนเหอหมุนตัวกลับเข้าไปในกระโจม สีหน้าของอาเซี่ยวหดหู่ใจ จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในกระโจมอย่างหดหู่ใจ
เมื่อเข้ามาก็เห็นสีหน้าของเฟยอิงไม่ค่อยดีนัก : “ความสามารถของพระชายาพวกเจ้าไม่ธรรมดาจริง ๆ สินะ มาได้ไม่กี่วันก็ปั่นหัวท่านผู้นำของเราจนยุ่งเหยิงไปหมด”
เฟยอิงไม่กล่าวสิ่งใด แค่มองออกไปนอกกระโจม เฟยอิงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เรื่องที่ฝังคนทั้งเป็นเขาก็รู้
เฟยอิงล้มตัวนอนลง แต่ก็นอนไม่หลับทั้งคืน
เมื่อฉีเฟยอวิ๋นตื่นขึ้นในตอนเช้า เสื้อผ้าที่ต้องใส่ได้ถูกตระเตรียมไว้เรียบร้อย ฉีเฟยอวิ๋นถือโอกาสตอนที่หนานกงเซวียนเหอไม่อยู่ ค่อยถอดชุดบนร่างกายออกและเดินไปหาที่เผาไฟ
หลังอาหารเช้าฉีเฟยอวิ๋นได้เดินออกไปช่วย คนของหนานกงเซวียนเหอดำเนินงานอย่างรวดเร็วมาก จำนวนคนสามร้อยคนได้มาถึงสถานที่ที่นัดหมายแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นเข้ามาในโรงหลอม ตามมาด้วยเฟยอิง เฟยอิงตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ รอจนกระทั่งฉีเฟยอวิ๋นตื่นนอน นับตั้งแต่ที่ได้เจอฉีเฟยอวิ๋น ก็เดินตามฉีเฟยอวิ๋นไปทุกย่างก้าว
เวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นอยากสลัดเขาทิ้งมาก
หลังจากสั่งการลงมา คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของหนานกงเซวียนเหอก็ได้เริ่มปฏิบัติการ ฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเซวียนเหอเดินเตร่รอบหนึ่ง เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงบ่าย กินข้าวเสร็จก็เดินทางต่อ
กระทั่งตกดึก ในที่สุดหน้าไม้เหล็กคันแรก และหน้าไม้คันแรกก็ปรากฏ เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเห็นผลงานสำเร็จรูปก็แย้มยิ้มทันที “สำเร็จแล้ว!”
หนานกงเซวียนเหอหยิบขึ้นมาพิจารณา เขาเองก็ประหลาดใจและดีใจเช่นกัน
ฉีเฟยอวิ๋นเหนื่อยมากแล้ว เรื่องอื่นนางไม่สนใจอีก ถึงอย่างไรนางก็เป็นแค่หมอ เรื่องที่ต้องทำเหล่านี้ ไม่เกี่ยวข้องกับหมอสักนิด
ฉีเฟยอวิ๋นไปพักผ่อน เฟยอิงเดินอย่างถ่อมตน ฉีเฟยอวิ๋นจึงทำได้แค่ให้ขนมแก่เขา ให้เขาได้กินและนอนพักผ่อน
เฟยอิงเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นนอนไม่หลับ ฉีเฟยอวิ๋นจึงอยู่พักผ่อนในที่พักของเฟยอิง กระทั่งเฟยอิงหลับไป ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้กลับไปพักผ่อน
หนานกงเซวียนเหอเอามือไขว้หลัง รอนางอยู่ด้านนอกของกระโจม
เมื่อเห็นนางกลับมา หนานกงเซวียนเหอจึงได้ถามว่า : “เฟยอิงสำคัญสำหรับเจ้ามากเลยหรือ? เพื่อเฟยอิงเจ้ายอมทิ้งหนานกงเย่ และลูก ๆ ของเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าไม่ได้ทิ้งใคร ข้าแค่รู้สึกว่าข้าไม่สามารถปล่อยให้เฟยอิงอยู่คนเดียวได้ เหมือนกับข้าที่ไม่ได้ทิ้งเจ้าไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรเช่นกัน”
ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปพักผ่อน และหนานกงเซวียนเหอเดินตามกลับไปเช่นกัน
ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปก็พักผ่อนทันที
แต่เหตุใดหนานกงเซวียนเหอถึงไม่ได้พักผ่อนทั้งคืน
ในช่วงสองสามวันมานี้ บนภูเขายุ่งตลอดเวลา แต่เรื่องที่คาดไม่ถึงคือ คนของหนานกงเซวียนเหอเริ่มไม่ชินกับสภาพดินฟ้าอากาศ จู่ ๆ ก็มีคนเริ่มล้มลงไปชักกระตุกอยู่บนพื้น
หลังจากตรวจสอบแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้รู้ว่าเป็นเพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป
“ข้าต้องใช้เวลาปรุงยา เฟยอิง เจ้าตามข้ามา ข้าต้องการผู้ช่วย” ฉีเฟยอวิ๋นหมุนตัวกลับไปปรุงยา เฟยอิงตระเตรียมหม้อใหญ่ ฉีเฟยอวิ๋นโยนสมุนไพรที่เตรียมไว้ก่อนหน้าลงในหม้อขนาดใหญ่ ใส่น้ำแล้วเริ่มต้ม
เมื่อยาต้มเสร็จแล้วก็ให้คนที่ปรับตัวกับสภาพอากาศไม่ได้ดื่ม
อาเซี่ยวดูอาการหนักมาก เขาไม่เพียงแต่กระตุกทั้งร่างกายแล้ว แต่ก็ยังอาเจียนออกมา ซูบผอมลงในเวลาเพียงครึ่งวัน
ฉีเฟยอวิ๋นตรวจอาการให้อาเซี่ยว ให้เขาดื่มยาแต่ก็ไม่ได้ผล
ดวงตาคู่นั้นของอาเซี่ยวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว ดูเหมือนกำลังจะตาย
หนานกงเซวียนเหอถามขึ้น : “เกิดอะไรขึ้น ทำไมคนอื่นดื่มแล้วได้ผล แต่อาเซี่ยวกลับไม่ได้ผลล่ะ”
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกลำบากใจ : “อาเซี่ยวอาจมีโรคอื่น แต่ข้าตรวจไม่เจอ ข้าจะให้ยาอื่นกับเขาก่อน เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจไป”
ฉีเฟยอวิ๋นจ่ายยาตัวอื่นทันที หากมัวแต่ต้มยาเกรงว่าจะไม่ทันการณ์ ฉีเฟยอวิ๋นจึงหยิบมีดทำการหั่น เฟยอิงรับหน้าที่บดให้เป็นผุยผง จากนั้นก็ใช้น้ำร้อนราดลงไป
อาเซี่ยวค่อย ๆ ดีขึ้นหลังจากดื่มยา ฉีเฟยอวิ๋นรีบระบายเลือดให้เขาทันที และใช้เข็มเงินตรวจเลือด ปรากฏว่าเลือดเป็นพิษ
“ถูกวางยาพิษจริง ๆ ด้วย” ฉีเฟยอวิ๋นหยิบยาแก้พิษออกมา ให้อาเซี่ยวกิน อาเซี่ยวจึงค่อยๆ หายใจออกอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นก็หลับไป
หนานกงเซวียนเหอนั่งอยู่ข้าง ๆ คนที่อยู่ด้านนอกต่างกันล้อมเข้ามาหน้าประตู บางคนเริ่มตะโกนให้เฟยอิงชดใช้ด้วยชีวิต ยืนกรานว่าเฟยอิงวางยาพิษ
ฉีเฟยอวิ๋นมองที่ไปที่หนานกงเซวียนเหอ: “ท่านไปจัดการเถอะ”
หนานกงเซวียนเหอลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอก รอจนเขาจากไปเฟยอิงจึงได้มองไปยังฉีเฟยอวิ๋น: “ไม่ใช่ข้า ถึงข้าไม่ได้สนิทสนมกลมเกลียวกับอาเซี่ยว แต่ข้าก็ไม่มีทางทำเรื่องเหล่านั้น น่าอับอายยิ่งนัก!”
ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มเล็กน้อย: “ข้ารู้ว่าไม่ใช่เจ้า ไม่มีใครบอกว่าเป็นเจ้า”
เฟยอิงไม่เข้าใจ : “เหตุใดท่านถึงรู้ว่าไม่ใช่ข้า?”
“ประการแรกเจ้าไม่ใช่คนเช่นนั้น ประการที่สอง คนภายนอกไม่รู้เรื่องการทดลองพิษของข้า พวกเขาตะโกนว่าเจ้าวางยาพิษอาเซี่ยว เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?” บางครั้งที่ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่าเฟยอิงเป็นคนฉลาด อย่างน้อยนางก็มีไหวพริบ เฟยอิงจึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล
เฟยอิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเหลือบมองอาเซี่ยว: “เขาเป็นคนจงรักภักดี เพื่อจะได้ใส่ร้ายจ้า ทำร้ายเขา พวกเหล่านั้นทำเช่นนี้เพราะเหตุใด?”
ฉีเฟยอวิ๋นกระตุกยิ้ม แล้วเดินมานั่งบนเก้าอี้อีกด้าน เนื่องจากปรุงยาจนเหนื่อย จึงเอนกายพิงพนักอย่างหมดแรง
เฟยอิงไม่คุ้นชินกับท่าทางเช่นนี้ของฉีเฟยอวิ๋น ผู้หญิงคนหนึ่ง นั่งลงอย่างคนไม่ได้เรื่อง
ฉีเฟยอวิ๋นมองออกไปข้างนอก: “พวกเราออกไปดูกันเถอะ”
ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นแล้วเดินออกไป เฟยอิงก็ลุกขึ้นและเดินตามออกไปเช่นกัน