ตอนที่ 980

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ในขณะเดียวกันผู้คนในเมืองจักรพรรดิต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอให้หลิงฮันกับจ้าวหลุนต่อสู้กัน แล้วมันจะเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างอัจฉริยะหน้าเก่าและอัจฉริยะหน้าใหม่

ด้วยเหตุนี้องค์กรใต้ดินได้เปิดตลาดเดิมพันว่าการต่อสู้ครั้งแรกระหว่างหลิงฮันกับจ้าวหลุนนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด หนึ่งปี สองปี สามปี หรือแม้กระทั่งสิบปี ยิ่งเวลาน้อยเท่าไหร่ อัตราต่อรองก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น

แม้ว่าการเดิมพันครั้งนี้อาจใช้เวลาหลายร้อยปี แต่ก็มีหลายคนที่เข้าร่วมการเดิมพัน

….

ณ ตระกูลหลัว

ใบหน้าของหลัวหงดูซีดขาว การเดินทางเข้าไปในเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์ครั้งนี้ตระกูลหลัวลงทุนไปกับมันมาก ทำให้คนของตระกูลหลัวเข้าไปได้สี่คน แต่กลับไม่มีใครได้กลับออกมาเลยแม้แต่คนเดียว!

สิ่งสำคัญที่สุดคือการสูญเสียตาข่ายผนึกสีชาด

ในทางตรงกันข้าม สิทธิ์ในการเข้าเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์สี่สิทธิ์ยังเทียบกับมูลค่าของตาข่ายผนึกสีชาดไม่ได้เลย

แม้ว่าตาข่ายผนึกสีชาดจะใช้ได้กับสิ่งมีชีวิตระดับภูผาวารีเท่านั้น แต่อาวุธระดับศักดิ์สทธิ์ดังกล่าวหาได้ยากและมีค่า ถึงทำให้ตระกูลหลัวต้องใช้จ่ายไปจำนวนมาก

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทั้งที่ส่งคนเข้าไปสี่คนพร้อมกับตาข่ายผนึกสีชาด แต่ทำไมไม่มีใครกลับมาแม้แต่คนเดียว!” หลัวหงทุบโต๊ะด้วยความโกรธ

“ท่านประมุข ใครบางคนบอกว่าหลิงฮันเองก็เข้าไปในถ้ำเปลวเพลิงเหมือนกัน!” หลัวชิงรีบกล่าว เขาเองก็เป็นสมาชิกของตระกูลหลัวเหมือนกัน ด้วยระดับพลังสุริยันจันทราขั้นต้น

แววตาของหลัวหงดูหนาวเย็น เพียงแค่ได้ยินชื่อนั้นทำให้เขาโกรธยิ่งกว่าเก่าและพูดว่า “เจ้าจะบอกข้าว่าเจ้ามดปลวกจากโลกใบเล็กนั้นสามารถฆ่าพวกหลัวเจี้ยนได้?”

“เรียนท่านประมุข หลิงฮันคนนั้นเป็นอัจฉริยะระดับสี่ดาว และด้วยความช่วยเหลือจากผลึกภูผาวารี ทำให้เขาทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นต้นได้ ซึ่งอาจทะลวงไปถึงชั้นสูงสุด และพลังต่อสู้ของเขาเองก็ไม่สามารถประมาทได้!” หลัวชิงตอบกลับตามความจริง

หลัวหงส่ายหัวและพูดว่า “คนตระกูลหลัวของพวกเราสี่คนกับตาข่ายผนึกสีชาดจะพลาดท่าได้อย่างไร? พลังต่อสู้ของมดปลวกนั่นจะไปทำอะไรได้? พวกหลัวเจี้ยนจะไม่สามารถรับมือได้อย่างไร?”

หลัวชิงพูดไม่ออก ที่หลัวหงกล่าวฟังดูมีเหตุผล เว้นแต่ว่า…ตาข่ายจะไม่ทำงาน แต่เรื่องแบบนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร?

“ท่านประมุข จะว่าไปแล้วมีข่าวจากสมาคมราตรีนิรันดร์มาว่าการลอบสังหารหลิงฮันเกิดความล้มเหลว และตอนนี้หลิงฮันพัฒนาขึ้นมาก พวกเขากล่าวว่าหากพวกเราต้องการจ้างต่อ พวกเขาต้องการรางวัลตอบแทนเพิ่มขึ้น” หลัวชิงกล่าว

เพล้ง!

“เจ้าพวกไม่ได้เรื่อง!” หลัวหงทุบถ้วยช้า “แค่จอมยุทธระดับทลายมิติคนเดียวยังจัดการไม่ได้ และปล่อยให้อีกฝ่ายมีชีวิตอยู่ต่อ และตอนนี้ยังต้องการรางวัลตอนแทนเพิ่มขึ้นอีก!”

“ถ้างั้น…พวกเราจะยกเลิกค่าหัวหรือ?” หลัวชิงถามอย่างระมัดระวัง

หลัวหงคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “พวกมันเสนอมาเท่าไหร่?”

“หนึ่งแสน!”

หลัวหงแทบจะลุกขึ้นจากเก้าอี้และพูดว่า “แค่จอมยุทธระดับภูผาวารีที่ไม่มีภูมิหลัง ทำไมถึงเรียกราคาสูงขนาดนั้น?”

ตระกูลหลัวไม่สามารถจ่ายราคานั้นได้ มันแพงเกินไปสำหรับจอมยุทธระดับภูผาวารี

“เจ้าเด็กนั่นสามารถไปถึงเกาะกลางทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ได้สามครั้ง ดังนั้นราคาค่าหัวเลยสูงขึ้น” หลัวชิงพูดอธิบาย

เหตุผลดังกล่าวหลัวหงไม่ทราบมาก่อน และเมื่อรู้เขาก็ไม่อยากยอมรับมัน

หลังจากที่หลัวหงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็พูดว่า “ข้าตกลง แต่มีเงื่อนไขว่าการตายของเจ้าเด็กนั่นจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา”

“ขอรับ!” หลัวชิงพยักหน้า เขาเองก็เห้นด้วย

ถึงแม้ราคาจะแพงเกินไป แต่ตระกูลหลัวลงมือด้วยตัวเอง มันจะต้องสาวมาถึงพวกเขา แล้วตระกูลของพวกเขาจะต้องถูกกำจัดอย่างแน่อน

……

เทคนิคบ่มเพาะพลังแปดพลังผสานนั้นยากที่จะฝึกฝน

แต่หลิงฮันมีความเข้าใจที่สูงมาก ผ่านไปแค่เจ็ดวัน เขาก็สามารถเข้าใจส่วนแรกของเทคนิคนี้แล้ว เขาละทิ้งเทคนิคเจ็ดดาราไปและปล่อยให้พลังก่อเกิดไหลเข้าไปในทิศทางใหม่

สิบวันต่อมา หลิงฮันกลับสู่สภาวะปกติ แต่พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นมาก

เขาหยุดฝึกฝนเทคนิคบ่มเพาะพลังแปดพลังผสานและหันไปฝึกฝนกายาแทน

เขานำเนื้อพลังปราณออกมา ซึ่งเป็นยาบำรุงยอดเยี่ยม ประสิทธิภาพของมันเหนือกว่าผลึกก่อเกิดเสียอีก ซึ่งเขาเก็บเกี่ยวมันมาได้จำนวนมาก หากเขานำมันไปขายก็จะได้รับผลึกก่อเกิดหลายพันก้อน

เนื้อพลังปราณไม่จำเป็นต้องนำไปปรุงทำอาหาร มันสามารถนำมากินได้เลย เมื่อเนื้อพลังปราณเข้าไปในปาก หลิงฮันรู้สึกเหมือนเขากำลังกินเนื้อในหอคอยทมิฬ รสชาติของมันอร่อยมาก

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเนื้อพลังปราณถึงเป็นอาหารเลิศรสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สัตว์อสูรระดับภูผาวารีหนึ่งตัวจะมีเนื้อพลังปราณหนึ่งหรือสองชิ้นเท่านั้น จึงทำให้มันเป็นที่ต้องการ

เขากินและฝึก กินและฝึกวนไปเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ในที่สุดกายหยาบของเขาก็ทะลวงผ่านขั้นถัดไป

แต่หลิงฮันยังคงฝึกฝนไม่หยุด เขาต้องรีบทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นกลางให้เร็วที่สุด

เขาเริ่มฝึกฝนเทคนิคแปดพลังผสานส่วนที่สอง ซึ่งต้องใช้เวลาครึ่งเดือน โดยทั่วไป แม้แต่อัจฉริยะของสำนักนภาสีชาดยังต้องใช้เวลาห้าพันปีในการข้ามขั้นตอนนี้ แต่หลิงฮันได้รับความช่วยเหลือจากผลึกภูผาวารี ทำให้เขาประหยัดเวลารวบรวมพลังปราณ และใช้เทคนิคแปดพลังผสานเพื่อทำให้รากฐานมั่นคง แล้วเขาก็จะสามารถทะลวงผ่านขั้นกลางได้ในเวลาอันสั้น

นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก แม้แต่จ้าวหลุนก็ไม่มีทางทำได้เหมือนกับเขา

แต่ถึงแม้หลิงฮันจะมีพรสวรรค์น่าสะพรึงกลัว แต่ก็ไม่สามารถทะลวงผ่านได้ในข้ามคืน เพราะไม่มีผลึกภูผาวารีให้เขาสร้างภูผาวารีที่สองขึ้น เขาต้องการเวลาอีกเล็กน้อย

ดังนั้น สี่เดือนต่อมา ในที่สุดหลิงฮันก็สร้างภูผาวารีที่สองได้สำเร็จ

เขาออกมาจากหอคอยทมิฬทันที หลังจากที่อยู่ในหอคอยทมิฬมานานครึ่งปี เพราะมันเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด

เปรี๊ยง!

บนท้องฟ้าปรากฏเมฆครึ้มและมีสายฟ้าแลบไปมาอยู่บนก้อนเมฆ

ทัณฑ์สวรรค์ปรากฏออกมาแล้ว

หลิงฮันกระโดดไปจัสตุรัสภายในสำนักเพื่อรับทัณฑ์สวรรค์

ไม่นานหลังจากนั้น สายฟ้าก็ผ่าลงมาที่เขา