บทที่ 977 ตระกูลฉี

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 977 ตระกูลฉี

ภายในห้องรับแขกของเซี่ยหมิง มีคนสองคนกำลังนั่งคอยด้วยความร้อนใจ

หนึ่งในนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งเค้าโครงใบหน้านั้นนับว่าได้รูป ผิวขาวผ่องใส สามารถมองเห็นเส้นเลือดได้อย่างเลือนราง

เขาคือเจ้าสำนักตระกูลฉีแห่งภาคใต้ที่แยกตัวออกไปอยู่อย่างสันโดษ ฉีเวย

ปีนี้เขาอายุเพียงยี่สิบสองปี แต่กลับเป็นหนุ่มน้อยที่โตเป็นผู้ใหญ่ ทักษะฝีมือนั้นร้ายกาจ

คนที่อยู่ข้างกายของฉีเวยนั้นคือหนึ่งในห้าผู้อาวุโสพิษแห่งตระกูลฉี ฉีกง

ย้อนกลับไปในตอนนั้น ตระกูลฉีภาคใต้เป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งอาณาจักรมังกร พลังอำนาจล้นฟ้า ความองอาจกล้าหาญที่ไม่อาจจะต้านทานได้

ความกดดันของตระกูลฉินแห่งตะวันตก ตระกูลเซี่ยแห่งทางเหนือ เกาะหวังแห่งตะวันออก มีความคิดอยากช่วงชิงอำนาจกับตระกูลจักรพรรดิแห่งภาคกลาง

น่าเสียดายเมื่อ20ปีก่อน ตระกูลฉีภาคใต้ถูกเปิดโปงความอื้อฉาวที่น่าหวาดกลัวคนภายในตระกูลนั้นทำกู่ เมื่อเป็นเช่นนั้นผู้คนนับห้าร้อยคนต้องประสบพบเจอกับหายนะ

ภาคกลางตระกูลจักรพรรดิชูมือออกคำสั่ง ตระกูลฉินตะวันตกและเกาะหวัง ตะวันออกต่างก็มีการตอบสนอง ร่วมมือกับความแข็งแกร่งของมังกรซ่อนรูป บั่นศีรษะและสังหารสมาชิกนับร้อยคนของตระกูลฉีที่ทำกู่

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตระกูลฉีก็ตกต่ำลง จากตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียง พวกเขาแยกตัวออกไปยังภาคใต้ที่มีอากาศเป็นฝุ่นละอองพิษ

ตลอด20ปีที่ผ่านมา ตระกูลฉีนั้นอ่อนกำลังมากและแทบจะถูกลืมไปจากโลกใบนี้ พวกเขาลอบสร้างความแข็งแกร่งภายใต้ความเงียบ พยายามที่จะเติบโตแข็งแกร่งขึ้นและกลับสู่จุดสูงสุดของตระกูลฉีในตอนนั้น!

ครั้งนี้เจ้าบ้านของตระกูลฉีได้รับคำเชื้อเชิญจากเซี่ยหมิง ต้องการความช่วยเหลือจากเขาเล็กน้อย

ใครบ้างที่จะไม่รู้ว่าสถานะของเซี่ยหมิงนั้นสูงศักดิ์ เขากล่าวว่าต้องการความช่วยเหลือเล็กน้อย แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย!

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าบ้านของตระกูลฉีก็ยังตอบรับและตกลง

เพราะพวกเขาต้องการผูกมิตรกับตระกูลเซี่ยที่ทรงพลังและมากล้นด้วยอำนาจ!

มีเพียงแค่การขึ้นเรือลำใหญ่ของตระกูลเซี่ยเท่านั้น พวกเขาจะมีโอกาสกลับมาและได้โอกาสเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตที่ทุกคนนั้นเกือบจะลืมเลือนไปแล้ว

ก่อนออกเดินทาง เจ้าบ้านตระกูลฉีได้บอกกล่าวและกำชับกับลูกชายของเขาฉีเวย เขาจะต้องรวมเป็นปึกแผ่นกับเซี่ยหมิงให้ได้

ขณะเดียวกันก็ยังออกคำให้กับผู้อาวุโสฉีกงที่เดินทางมาพร้อมกับฉีเวย ให้เขาลองให้ผลประโยชน์ของตระกูลฉีเป็นอันดับแรก

เจ้าบ้านตระกูลฉีฝากฝังความหวังมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทำให้ฉีเวยและฉีกงนั้นไร้ซึ่งความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

ในทุกวินาทีมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เซี่ยหมิงนั้นขุ่นเคือง นำไปสู่อันตรายที่ตระกูลฉีอาจจะถูกตระกูลเซี่ยกำจัด

ระหว่างทางมายังตระกูลเซี่ยความรู้สึกภายในหัวใจของฉีเวยและฉีกงนั้นหนักอึ้งและวิตกกังวล

เช่นนั้นแล้วต่อให้พวกเขาจะถูกปล่อยให้นั่งตากแดดตากลมอยู่ภายในห้องรับแขกเป็นเวลาหลายชั่วโมง พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะรู้สึกไม่พอใจ

“คุณปู่อาวุโส คุณคิดว่าครั้งนี้ที่คุณชายตระกูลเซี่ยบอกว่าต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรานั้นเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ?”

“ตระกูลเซี่ยนั้นมากล้นด้วยอำนาจ จะต้องการความช่วยเหลือใดจากพวกเรางั้นหรือ?”

กล่าวตามหลังความจริง ภายในหัวใจของฉีเวยนั้นสงสัย แม้แต่ฉีกงเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ฉีกงก็เอ่ยหลักการคาดเดาของตนเองออกมา

“คุณชาย ตระกูลฉีของพวกเราได้รับการสูญเสียและผลกระทบอย่างสาหัสในปีนั้น สาเหตุมาจากกู่นั่นเอง”

“ครั้งนี้ที่คุณชายเซี่ยเชิญพวกเรามา เกรงว่าอาจจะต้องการวิชากู่ที่พวกเรานั้นภาคภูมิใจ!”

การวิเคราะห์ของฉีกงนั้นสมเหตุสมผล ฉีกงกำลังจะพยักหน้า ฉับพลันด้านหลังของเขานั้นมีเสียงแหลมดังขึ้น

“คุณชายเซี่ยมาแล้ว!”

เสียงที่ดังขึ้นอย่างฉับพลันนั้นคือเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของถงอาน

ฉีเวยและฉีกงนั้นกระตือรือร้นในทันใด จากนั้นหันกลับไปมองทางประตู

เห็นว่าเซี่ยหมิงนั้นได้เปลี่ยนเป็นชุดถังจวงสีขาวที่ดูเรียบหรู ด้านนอกสวมเสื้อขนมิงค์สีแดงเลือดนกไว้

บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มที่ชวนให้น่าเข้าใกล้และเดินเข้ามาหาฉีเวยและทั้งสองคน “คุณชายฉีเดินทางมาไกล เซี่ยหมิงดูแลได้ไม่ดี ได้โปรดให้อภัย”

ภายในหัวใจของฉีเวยลอบยิ้มเย้ยหัน หากว่าเกรงใจกันจริงดั่งปากว่า พวกเขาคงไม่ถูกทิ้งให้ต้องรอคอยนานถึงสามสี่ชั่วโมงหรอก

แต่ถึงแม้ว่าภายในใจจะกล่าวตำหนิ ฉีเวยกลับไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเช่นนี้ของตนเองออกไป

อย่างไรเสีย ตระกูลฉีจะสามารถลืมตาอ้าปากได้หรือเปล่านั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเซี่ยหมิงจะสนับสนุนหรือไม่!

ตระกูลเซี่ยทางเหนือ เป็นเหมือนเสือดุร้ายที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรมังกรอันหนาวเหน็บ เพียงแค่เอ่ยชื่อก็สามารถทำให้หลายคนสงบลงได้

“ฮ่าๆ คุณชายเซี่ยก็พูดเป็นเล่นไป พวกเราอยู่ที่นี่ได้รับความสะดวกสบายราวกับอยู่บ้าน”

“ว่ากันว่าคุณชายเซี่ยนั้นมีความอ่อนน้อมถ่อมตนและมารยาทที่ดี วันนี้ได้พบก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ฉีเวยชื่นชมเป็นอย่างมาก ราวกับว่าได้เห็นพี่ชายแท้ๆของตนเองอย่างไรอย่างนั้น!”

ฉีเวยกล่าวคำพูดประจบประแจง ถงอานที่อยู่ด้านข้างนั้นเริ่มไม่พอใจ เขาเชิดคางขึ้นและพ่นลมหายใจ “ฮึ หากว่าต้องการให้คุณชายของฉันไปเป็นพี่ชายของคุณ เกรงว่าคุณสมบัติของคุณนั้นอาจจะไม่เพียงพอ”

“ไม่จำเป็นต้องกล่าวเลยว่าตระกูลฉีของพวกคุณนั้นตกอับ หัวหดเหมือนเต่ากลับเข้ากระดองไปยังภาคใต้เพื่อหลบซ่อน ต่อให้เป็นช่วงรุ่งเรืองของตระกูลฉีของพวกคุณ เกรงว่าตำแหน่งและความสามารถก็คงไม่อาจทัดเทียมคุณชายเซี่ยของฉันได้”

คำพูดของถงอานทำให้ฉีเวยรู้สึกอึดอัดและอับอายมาก

เขาไม่เคยคาดคิดเลย คนรับใช้เพียงคนเดียวของตระกูลเซี่ยจะมีวางมาดและยโสโอหังถึงขนาดนี้!

หากไม่มีการยอมรับโดยปริยายจากเซี่ยหมิง ทุบตีเขาจนตายอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อ

แม้ว่าภายในหัวใจของเขาจะรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ฉีเวยก็ไม่กล้ากระทำการฉีกหน้าเขา

เพราะสิ่งที่ถงอานพูดนั้นถูกต้อง วันนี้ตระกูลฉีของพวกเรานั้นไม่ได้เจริญรุ่งเรืองอย่างเช่นเมื่อก่อน

แต่ถ้าใครมายั่วยุโดยไม่เกรงกลัวต่อความตาย ตระกูลฉีของพวกเขานั้นก็ไม่ใช่ว่าจะปล่อยไปอย่างง่ายดาย!

เมื่อเห็นสีหน้าน่าเกลียดของฉีเวย เซี่ยหมิงพลันหันไปจ้องมองถงอาน “ฉันกำลังคุยกับคุณชายฉี ไม่ได้ให้แกเข้ามาสอด ออกไป”

“ครับ” ถงอานก้มหน้าก้มตาถอยออกไปอย่างว่านอนสอนง่าย

“ฮ่าๆ คุณชายฉี นั่งเถอะ”

เซี่ยหมิงชี้ไปยังตำแหน่งที่นั่งอย่างลวกๆและตนเองก็นั่งลงบนเก้าอี้หลัก

กระทั่งฉีเวยนั่งลง เซี่ยหมิงพลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณชายฉีเดินทางมายังทางเหนือ การเดินทางนั้นเหน็ดเหนื่อยมาก ต้องการพักผ่อนก่อนหรือไม่?”

“ระยะทางเล็กน้อยเช่นนี้ สำหรับพวกเราแล้วนั้นไม่ใช่ปัญหาอะไร”

ฉีเวยยิ้มและลุกขึ้น แสดงท่าทางคารวะและเอ่ย “ถ้าหากพี่เซี่ยไม่รังเกียจ ในอนาคตพวกเราทั้งสองคนมาเป็นพี่น้องกันเถอะครับ ตราบใดที่มีสิ่งใดเป็นประโยชน์ต่อเหล่าพี่น้อง ตระกูลฉีจะยอมบุกน้ำลุยไฟ แม้ต้องตายนับหมื่นครั้งก็ยินดี!”

ภายในใจของเซี่ยหมิงนั้นเย้ยหยัน จากที่เขารู้ ฉีเวยผู้นี้อายุมากกว่าเขาหนึ่งปี แต่กลับสามารถประจบสอพลอเรียกเขาว่าพี่ได้ สามารถเห็นได้เลยว่าบุคคลผู้นี้มีความคิดลึกล้ำ

เกรงว่าเมื่อเทียบกับเขาแล้ว อาจไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย!

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันก็จะไม่ปฏิเสธ น้องเวย ครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจ ฉันมีเรื่องส่วนตัวที่อยากจะให้น้องเวยช่วยเหลือ”

“พี่เซี่ยพูดมาตามตรงเถอะ ต่อให้น้องไม่มีความสามารถ แต่เพื่อช่วยเหลือพี่เซี่ยแล้วจะต้องห่อศพด้วยหนังม้า[1]ก็ยินดี!”

“ดีมาก! ฉันชอบจิตวิญญาณที่กล้าหาญของน้องเวย สมแล้วที่เป็นตระกูลฉีที่มีชื่อเสียงโด่งดัง”

เซี่ยหมิงลุกขึ้นและตบมือ จากนั้นเขากัดฟันพูดจุดประสงค์ที่เรียกตระกูลฉีมายังที่นี่ “ได้ยินว่าน้องเวยมีทักษะฝีมือในการสังหารผู้คน พี่ชายอยากจะให้คุณไปฆ่าใครสักคนหนึ่งเพื่อฉัน”

“ฆ่าใคร?” ฉีเวยรู้สึกงุนงงเล็กน้อย “ใครกันที่กล้าไม่เคารพต่อพี่เซี่ย? ผมจะหั่นชิ้นส่วนของเขาออกเป็นสิบแปดชิ้นและโยนลงในทะเลให้กลายเป็นอาหารของตะพาบในทันที!”

ความแข็งแกร่งของตระกูลเซี่ยสายตาของอาณาจักรมังกรทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความลึกลับ

ฉีเวยคาดไม่ถึงเลยว่าจะมีใครที่ไม่กลัวตายและกล้ายั่วยุเซี่ยหมิงและทำให้เขาอยากฆ่าคนผู้นั้น

ไม่ลังเลที่จะอยู่ในรูปแบบของความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายได้ผลประโยชน์และตามหาพวกเขาจากภาคใต้

“ฉันต้องการให้นายไปฆ่าคนวิกลจริตที่โง่เขลา—ฉินเทียน!”

“ฉินเทียนงั้นเหรอ?”

ฉีเวยยิ่งงุนงงมากขึ้น ภายในภาคใต้ของเขานั้นไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

“ใช่ ไอ้ฉินเทียน!”

“ชายคนนี้ทำร้ายเฒ่าแร้งลูกน้องใต้บัญชาของฉันจนบาดเจ็บสาหัส ล่อล่วงคู่หมั้นของฉัน ทำให้ฉันอับอายขายหน้าและอับอายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้อื่น!”

“น้องเวย คุณคิดว่าคนวิกลจริตเช่นนี้สมควรถูกฆ่าหรือไม่?”

ขณะที่เซี่ยหมิงกล่าวความโกรธในใจของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เส้นเลือดทั่วร่างกายของเขาปูดโปนขึ้นมาในทันที ราวกับว่าปีศาจได้เยื้องกรายมาถึง!

ราวกับว่าสัมผัสได้ถึงความผิดแปลกของตนเอง เซี่ยหมิงใช้มือของเขาบีบแท่นรองวางแขนทองคำบริสุทธิ์ บีบจนมันเปลี่ยนรูปทรงกลายเป็นทรงแบน!

ห่อศพด้วยหนังม้า[1] หมายถึง ทหารที่ยอมตายในสนามรบ